ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ และเวียดนามบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนกำหนดสิ้นระยะเวลาผ่อนผันมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในวันที่ 9 ก.ค. 68
โดยทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- วันที่ 2 ก.ค. 68 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump สนทนาทางโทรศัพท์กับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นาย To Lam และบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตรา 20% ลดลงจากแผนเดิมซึ่งประกาศในเดือน เม.ย. 68 ที่อัตรา 46% และสินค้าที่ประเทศที่สามส่งผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษี (Trans-Shipment) จะถูกเก็บภาษีอัตรา 40% ขณะที่เวียดนามจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยไม่มีภาษี (ยังไม่ระบุรายละเอียดประเภทสินค้าที่เข้าเกณฑ์) โดยข้อตกลงทางการค้าจะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการขาดดุลการค้าเวียดนามได้ ซึ่งในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลอยู่ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ผู้เจรจาด้านการค้าของสหรัฐฯ และอินเดียยังคงเร่งผลักดันให้บรรลุข้อตกลง แต่ยังไม่มีข้อสรุป
- วันที่ 2 ก.ค. 68 ประธานาธิบดีอิหร่าน นาย Masoud Pezeshkian ลงนามบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านโดยรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ก่อน ให้ระงับความร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) โดยมีกฎหมายว่า IAEA จะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านก่อนเข้าตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นาย Tammy Bruce แถลงว่าอิหร่านต้องให้ความร่วมมือกับ IAEA อย่างเต็มที่ โดยอิหร่านจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อย่างครบถ้วน รวมถึงการให้ข้อมูลที่ไม่ได้เปิดเผยแก่ IAEA และการเปิดทางให้สามารถเข้าถึงโรงงานเสริมสมรรถนะแห่งใหม่