สื่อประชาสัมพันธ์

ข่าวความเคลื่อนไหว

สื่อประชาสัมพันธ์

ข่าวความเคลื่อนไหว

PTT-OR-TOYOTA-BIG ร่วมต่อยอดพัฒนาสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Station) ให้พร้อมรองรับกลุ่มรถบรรทุกขนส่งและรถหัวลาก

07 เมษายน 2566

          บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) โดยฝ่ายวิจัยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและยานยนต์ สถาบันนวัตกรรม ปตท. ร่วมกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) และ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG)  ต่อยอด “โครงการความร่วมมือวิจัยและพัฒนาระบบสาธิตการใช้ Hydrogen ในรถ FCEV”  ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง “PTT – OR – TOYOTA – BIG” ที่ได้เปิดสถานีนำร่องทดลองใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย (Hydrogen Station) ณ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 โดยได้เพิ่มเพิ่มขีดความสามารถของ Hydrogen Station ในการเติมเชื้อเพลิงจากที่สามารถเติมให้กับรถยนต์ Toyota Mirai ซึ่งมีความจุ Hydrogen ที่ 5.6 กิโลกรัม เพิ่มเป็นความจุสูงสุดที่ 50 กิโลกรัม เพื่อขยายผลการใช้งานในรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังส่งผลให้ประหยัดเวลาในการเติมเชื้อเพลิงอีกด้วย

          โดยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบการเติมไฮโดรเจนให้กับรถบรรทุก รถหัวลาก และรถโดยสารพลังงานไฮโดรเจน นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำรถกลุ่มนี้เข้ามาทดสอบการใช้งานในประเทศไทย โดยความร่วมมือของกลุ่มบริษัทภาคียานยนต์ญี่ปุ่นชั้นนำ ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ จำกัด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ไดฮัทสุ มอเตอร์ จำกัด และ บริษัท ฮีโน่ มอเตอร์ จำกัด ในนาม Commercial Japan Partnership Technologies (CJPT) ที่มีเป้าหมายในการขยายพันธมิตรภายในภูมิภาคเอเชีย เพื่อขยายผลการดำเนินงานด้านการจัดการพลังงานทางเลือก (Energy Solution) และด้านการขับเคลื่อน (Mobility Solution) จึงได้นำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตเข้ามาจัดแสดงในประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแนะนำยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบให้ทุกภาคส่วนได้ทดลองใช้งาน

          การผนึกพลังร่วมต่อยอดโครงการพัฒนา Hydrogen Station ของ PTT-OR-TOYOTA-BIG ในครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานเพื่อให้ประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ต่อไป