GODJI
มาเปิดโลกพลังงาน และสิ่งแวดล้อม และรู้จักเกร็ดไลฟ์สไตล์ กับ Godji Tips
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Joe Biden ชักชวนทั่วโลกต่อสู้ “ลดโลกร้อน” 
ปัจจุบัน “สภาวะโลกร้อน” ถือเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกที่สำคัญ เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม อันเป็นความร่วมมือกันของผู้นำจากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
ในงานประชุมดังกล่าว Biden ได้ออกมาแสดงความมุ่งมั่นต่อการแก้ปัญหา “สภาวะโลกร้อน” อย่างจริงจัง และให้คำมั่นในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของตน จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มาดูกันเลยคร้าบบ!
สหรัฐฯ จะปรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยลดลง 50%-52% [จากระดับ GHG ปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)] ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) จากเดิมลดลง 26-28% ภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568)
ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อเร่งให้สังคมเปลี่ยนผ่านจากการใช้ "พลังงานฟอสซิล" สู่การใช้ "พลังงานสะอาด" เช่น การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า เป็นต้น
สนับสนุนให้ทุกมลรัฐ พัฒนาสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้า 500,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573)
พัฒนาความจุของแบตเตอรี่ และอายุการใช้งาน เพื่อพัฒนาเครือข่ายการเก็บพลังงานไฟฟ้า ในอนาคต ให้ต้นทุนลดลง เหลือเพียง 1/10 ของแบตเตอรี่ ปัจจุบัน
ตั้งเป้าหมายให้ระบบการผลิตไฟฟ้าทั่วประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ GHG) สุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578)
สหรัฐฯ จะลดการปล่อย CO2 สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)
นอกจากนี้ การสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้า, การใช้พลังงานไฮโดรเจน, การดักและเก็บคาร์บอน และ การใช้พลังงานหมุนเวียน ก็จะช่วยให้นโยบายทั้ง 6 ข้อ ดำเนินไปได้ตามแผนงานด้วย
และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นต่อการแก้ปัญหา “สภาวะโลกร้อน” จากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผู้รักโลกจึงควรจับตาแผน ลดโลกร้อน - ส่งเสริมพลังงานสะอาด ของ Biden ต่อไป
แล้วอย่าลืมเข้ามาติดตามสาระดี ๆ จากก๊อดจิกันนะคร้าบ...
อ้างอิง : PTT Trading Business Unit
ปัจจุบัน “สภาวะโลกร้อน” ถือเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกที่สำคัญ เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม อันเป็นความร่วมมือกันของผู้นำจากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในงานประชุมดังกล่าว Biden ได้ออกมาแสดงความมุ่งมั่นต่อการแก้ปัญหา “สภาวะโลกร้อน” อย่างจริงจัง และให้คำมั่นในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของตน จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มาดูกันเลยคร้าบบ! สหรัฐฯ จะปรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยลดลง 50%-52% [จากระดับ GHG ปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)] ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) จากเดิมลดลง 26-28% ภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อเร่งให้สังคมเปลี่ยนผ่านจากการใช้ "พลังงานฟอสซิล" สู่การใช้ "พลังงานสะอาด" เช่น การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า เป็นต้น สนับสนุนให้ทุกมลรัฐ พัฒนาสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้า 500,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) พัฒนาความจุของแบตเตอรี่ และอายุการใช้งาน เพื่อพัฒนาเครือข่ายการเก็บพลังงานไฟฟ้า ในอนาคต ให้ต้นทุนลดลง เหลือเพียง 1/10 ของแบตเตอรี่ ปัจจุบัน ตั้งเป้าหมายให้ระบบการผลิตไฟฟ้าทั่วประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ GHG) สุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578) สหรัฐฯ จะลดการปล่อย CO2 สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)นอกจากนี้ การสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้า, การใช้พลังงานไฮโดรเจน, การดักและเก็บคาร์บอน และ การใช้พลังงานหมุนเวียน ก็จะช่วยให้นโยบายทั้ง 6 ข้อ ดำเนินไปได้ตามแผนงานด้วยและนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นต่อการแก้ปัญหา “สภาวะโลกร้อน” จากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผู้รักโลกจึงควรจับตาแผน ลดโลกร้อน - ส่งเสริมพลังงานสะอาด ของ Biden ต่อไปแล้วอย่าลืมเข้ามาติดตามสาระดี ๆ จากก๊อดจิกันนะคร้าบ...
อ้างอิง : PTT Trading Business Unit