ในปี พ.ศ. 2528 ปตท. เริ่มดำเนินงานโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจากการต่อยอดสร้างมูลค่าจากก๊าซธรรมชาติ โดยสวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งตั้งอยู่เคียงคู่กัน คือหนึ่งในเจตนารมณ์ของ ปตท. ที่มุ่งหมายให้เป็นแหล่งความรู้และผลิต และวิจัยสมุนไพรไทยสำหรับสถาบันวิชาการ รวมทั้งเป็นสถานที่เรียนรู้ และพักผ่อนสำหรับชุมชนโดยรอบได้ใช้ประโยชน์ สามารถสร้างคุณภาพชีวิต และต่อมาเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดระยองส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนปัจจุบัน
จากประสบการณ์ในการดำเนินโครงการต่างๆ ปตท. พบว่า ทรัพยากรธรรมชาติคือรากฐานสำคัญของการพัฒนาและ พึ่งพาตนเอง ขณะเดียวกัน คนและชุมชนเป็นรากฐานสำคัญของการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ระหว่างปี 2550-2554 ปตท. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย ดำเนิน “โครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง” โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหัวใจ ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา
ภายใต้สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่สังคมไทยเผชิญในขณะนั้น นัยสำคัญของการดำเนินโครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง คือการพัฒนาคนให้มีความรู้ มีเหตุผล มีความ สามารถในการคิดวิเคราะห์ และแก้ไขปัญหา โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บนฐานความต้องการและการจัดการ ทรัพยากรในท้องถิ่นของชุมชน นำไปสู่การพัฒนาเครือข่าย และศักยภาพของชุมชนที่มีความเข้มแข็ง รวม 87 ตำบล และขยายผลสื่อสารแนวคิดหลักให้กับประชาชนทั่วประเทศให้เกิด ความตระหนักในการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม
ณ ปัจจุบัน ปตท. มุ่งเน้นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ชุมชนตามวิถีพอเพียง ทั้งการสนับสนุนการพัฒนาทักษะอาชีพ การพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำรูปแบบการดำเนินงานแบบธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise มาใช้เสริมสร้างความเข้มแข็งตามบริบทของชุมชนให้สามารถสร้างการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พลังงานสะอาดเพื่อชุมชน
ปตท. ได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญองค์กรด้านวิศวกรรมและพลังงาน รวมทั้งประสบการณ์และองค์ความรู้จากการดำเนินโครงการด้านสังคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะใน โครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง ซึ่งกำหนดให้การบริหารจัดการพลังงานของชุมชนเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ เพื่อส่งเสริมโอกาสการเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้และลดรายจ่ายด้านพลังงาน ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการต่างๆ ปัจจุบัน ปตท. ได้ดำเนินโครงการที่ใช้พลังงานสะอาดในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
ระบบก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร
เพื่อแก้ไขปัญหากลิ่นรบกวนจากฟาร์มสุกรและนำของเสียจากฟาร์มสุกรผลิตเป็นก๊าซชีวภาพใช้ภายในชุมชนทดแทนการก๊าซหุงต้ม และถ่านไม้ในครัวเรือน นอกจากนี้ ยังต่อยอดด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ชุมชน
ต้นแบบการดำเนินงานโครงการระบบก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร ที่มีความโดดเด่น ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี มีจุดเด่นจากกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนใน การวิเคราะห์ศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ออกแบบและพัฒนาระบบฯ ตลอดจนมีการจัดตั้งคณะทำงานของชุมชน ลดความขัดแย้งจากปัญหากลิ่นจากการปล่อยน้ำเสียจากฟาร์มสุกร ซึ่งปัจจุบันโมเดลท่ามะนาว ได้ถูกขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ เกิดเป็นชุมชนต้นแบบที่ประชาชนมีส่วนร่วมในระบบการจัดการพลังงานท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ
“จากประสบการณ์ในการดำเนินโครงการต่างๆ ปตท. พบว่า ทรัพยากรธรรมชาติคือรากฐานสำคัญของการพัฒนาและพึ่งพาตนเอง ขณะเดียวกัน คนและชุมชนเป็นรากฐานสำคัญของการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
ระบบส่งน้ำโดยเครื่องตะบันน้ำ (Hydraulic Ram Pump)
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคของชุมชนในพื้นที่สูง เริ่มครั้งแรกในปี 2556 ที่หมู่บ้านขนุนคลี่ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนในพื้นที่แนวท่อส่ง ก๊าซธรรมชาติ ตะวันตก (ไทย-เมียนมาร์) ปตท. ได้ร่วมกับชุมชนทำการสำรวจสภาพภูมิประเทศ ศึกษาออกแบบ และพัฒนาระบบส่งน้ำโดยเครื่องตะบันน้ำ อาศัยพลังงานจากการไหลของ น้ำที่มีอัตราความเร็วของน้ำไหลสูง แต่ความดันต่ำ สามารถนำน้ำขึ้นไปยังพื้นที่สูง ทำให้ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงหรือไฟฟ้าในการทำงาน ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในชุมชน
ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบติดตั้งลอยน้ำเพื่อบริหารจัดการน้ำ (Solar Floating PV)
เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำสำหรับการอุปโภคและเกษตรกรรมให้แก่ชุมชน ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่เพื่อการเพาะปลูก โดย มูลนิธิชัยพัฒนา ภาคีเครือข่าย และ ปตท. ร่วมดำเนินการวิจัยการใช้เซลล์แสงอาทิตย์แบบติดตั้งลอยน้ำ ณ สระเก็บน้ำพระรามเก้า ตำบลคลองหลวง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และพัฒนาโมเดลการ ใช้งานที่เหมาะกับบริบทของสังคมไทย นอกจากนี้ ขยายผลโครงการไปยังพื้นที่อื่น ๆ อีก 17 พื้นที่ ผลสำเร็จจากการใช้ระบบ Floating PV ได้แก้ไขปัญหาให้แก่ ชุมชนหลายครัวเรือนในการ จัดการน้ำ การผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะเดียวกันช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
โครงการชุมชนเข้มแข็ง
ดำเนินการต่อยอดความสำเร็จของโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม กลุ่ม ปตท. สู่การพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง โดยเสริมทักษะด้านการเกษตรด้วยแนวคิดการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในรูปแบบร่วมทุน ให้ชุมชนได้มีบทบาทความเป็นเจ้าของร่วมกัน เสริมแนวคิดความคุ้มค่าคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์ และร่วมขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานทางเศรษฐกิจโดยรวมของชุมชน (Community Value Chain) ผ่านโมเดลเศรษฐกิจยั่งยืน (BCG Model) สำหรับการเสริมศักยภาพด้านการเกษตรสมัยใหม่ โดยนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของแต่ละบริบทชุมชนเข้าไปประยุกต์ใช้ในแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย โซล่าเซลล์สูบน้ำ ระบบรดน้ำอัจฉริยะ โรงเรือนเพาะปลูก เตาเผาถ่าน โดรนเพื่อการเกษตร ปุ๋ยนาโนซิงค์ออกไซด์ และไบโอบูสเตอร์ โดยในปี 2567 ได้พัฒนาชุมชนเข้มแข็งจำนวน 143 ครัวเรือน ใน 7 พื้นที่แม่ข่าย ที่สามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้ชุมชนเครือข่ายอื่นๆ ต่อไป ได้แก่
- ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
- ตำบลบ้านน้ำพุ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
- ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
- ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
- ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี
- ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
- ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนงานพัฒนาทักษะชุมชน โดยฝึกอบรมทักษะช่างชุมชน เน้นให้ความรู้ในการออกแบบ ติดตั้ง และซ่อมบำรุงรักษาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาดูงานและการทำ Workshop ในพื้นที่ต้นแบบ รวมจำนวน 33 คน และเริ่มศึกษาพัฒนาโมเดลหรือนวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำ และวางแผนการพัฒนาพื้นที่ชุมชนในเครือข่าย ปตท. ให้เป็นจุดเรียนรู้ต้นแบบด้านบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคและการเกษตร ที่เกิดจากภัยแล้งให้เป็นรูปธรรม

โครงการชุมชนยิ้มได้
เศรษฐกิจฐานรากของประชาชน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศไทย ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังมีความน่ากังวลและไม่แน่นอนในช่วงที่ผ่านมา ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ มีความห่วงใยและคำนึงถึงความเดือดร้อนของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเกษตรกรชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย และชุมชนเครือข่ายกลุ่ม ปตท. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ที่อาจประสบปัญหาในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาราคาสินค้าและผลผลิตตกต่ำ ช่องทางการจำหน่ายมีจำกัด และศักยภาพในการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน
จึงเป็นที่มาของการดำเนินงาน “โครงการชุมชนยิ้มได้” โดยมุ่งเน้นการ “เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์และการจำหน่ายสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาดให้ชุมชน” ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของ กลุ่ม ปตท. รวมถึงช่องทาง www.ชุมชนยิ้มได้.com และสื่อออนไลน์ของโครงการ ได้แก่ Facebook ชุมชนยิ้มได้ โดย กลุ่ม ปตท. และ Tiktok ชุมชนยิ้มได้
ติดตามผลิตภัณฑ์ชุมชนในเครือข่ายโครงการชุมชนยิ้มได้ ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pttcommunityhappiness
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ต่อยอดโครงการฯ โดยการจัดตั้ง “ร้านชุมชนยิ้มได้ Official Store” ซึ่งดำเนินการในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ตั้งแต่ปี 2565 รวมถึงการจัดกิจกรรมตลาดนัดสินค้าชุมชน ณ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าชุมชน และสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน
มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน
จัดตั้งขึ้นใน ปี พ.ศ. 2551 ในรูปแบบองค์กรดำเนินงานเพื่อสังคมโดยไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อขยายขอบเขตการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนและสังคม โดยประสานความร่วมมือกับ องค์กรอื่นๆ อย่างกว้างขวาง โดยมีภารกิจครอบคลุมด้านพลังงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม
- ด้านพลังงาน มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ วิเคราะห์ศักยภาพด้านพลังงานร่วมกับชุมชน จัดการอบรมให้ความรู้และการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ชุมชนสามารถดูแลได้ด้วยตนเองในระยะยาว
- ด้านสังคม มุ่งเน้นการสร้างโอกาส และเสริมศักยภาพให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้ไร้ที่พึ่ง ผ่านการพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ในการพึ่งพาตนเอง
- ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้จากการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาดินถล่มในพื้นที่ลาดชัน
การดำเนินงานของมูลนิธิพลังที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์ความรู้ โดยมีเป้าหมายในการสร้างต้นแบบองค์ความรู้ และแบ่งปันต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่สังคมในวงกว้าง
https://www.psffoundation.com/