ความยั่งยืน

การบริหารโครงการ

ความยั่งยืน

การบริหารโครงการ

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
   





การบริหารโครงการ

ปตท. ให้ความสำคัญกับการบริหารโครงการควบคู่ไปกับการจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงได้จัดให้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้สอดคล้องตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือข้อห่วงกังวลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ ตลอดจนการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องตลอดอายุโครงการ ตั้งแต่ระยะก่อน ระหว่าง และภายหลังการก่อสร้างโครงการ (ระยะดำเนินการ) อย่างครบถ้วนและเคร่งครัด

การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ปตท. ได้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) สำหรับทุกโครงการที่เข้าข่ายประเภทโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ออกตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 

จนถึงปัจจุบัน โครงการขนาดใหญ่ตามแผนแม่บทระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติภายใต้การดำเนินงานของ ปตท. ได้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงาน EIA แล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตลอดจนคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และหน่วยงานอนุญาตที่เกี่ยวข้อง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 5  โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดังนั้น การบริหารโครงการตามแผนแม่บทฯ ในปัจจุบันจึงเป็นการดำเนินงานในระยะก่อสร้าง ที่ต้องมีการกำกับและติดตามให้โครงการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในรายงาน EIA ฉบับที่ได้รับความเห็นชอบ รวมถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการรายงานผลการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในรายงาน EIA ไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานผู้อนุญาตที่เกี่ยวข้อง เป็นประจำทุก 6 เดือน ตลอดจนการกำกับและควบคุมให้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

การโยกย้ายถิ่นฐานของชุมชน

ปตท. หลีกเลี่ยงการดำเนินโครงการที่ทำให้เกิดการโยกย้ายถิ่นฐานของชุมชนอย่างถาวร ด้วยการออกแบบตำแหน่งและเส้นทางการก่อสร้างที่หลีกเลี่ยงการสร้างที่มีผลกระทบต่อการใช้ที่ดินและทรัพย์สิน ซึ่งต้องได้รับการยอมรับจากชุมชนให้มากที่สุด โดย ปตท. จะดำเนินการผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นต้น ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือไม่มีทางเลือกอื่นที่เหมาะสม ปตท. จะให้ข้อมูล ปรึกษาหารือ ทำความเข้าใจกับผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เกิดการยอมรับและมีการจ่ายค่าทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่การเลี้ยงชีพ หากมีความเสียหายหรือมีผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้าง ปตท. จะจัดการดูแลซ่อมแซม และปรับคืนสภาพพื้นที่ให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

การมีส่วนร่วมของประชาชนGRI413-1

ปตท. จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการต่าง ๆ โดยมีการดำเนินงานสอดคล้องตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 เพื่อประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโครงการ และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ และเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ แผนการดำเนินงาน การคัดเลือกที่ตั้งหรือแนวทางเลือกของโครงการ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ผลกระทบจากการดำเนินโครงการ มาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแสดงข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือข้อห่วงกังวลต่อการดำเนินโครงการ รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนกำหนดแนวทางดำเนินโครงการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเป็นที่ยอมรับของชุมชนและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงานควรมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนอย่างน้อย 1 ครั้งในปีแรกของการดำเนินงาน และทุกๆ 5 ปีหลังจากนั้น 

ปตท. กำหนดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังนี้

  • ศึกษาทบทวนข้อมูลพื้นฐานของชุมชนในพื้นที่โครงการ  โดยประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ กำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Analysis) รวมถึงกำหนดรูปแบบและวิธีการดำเนินกิจกรรมการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นที่เหมาะสมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่ม (Stakeholder Engagement) ในการดำเนินโครงการ
  • การเข้าพื้นที่โครงการ เพื่อเตรียมการก่อนรับฟังความคิดเห็น (Preparation Process) โดยจะเตรียมความพร้อมของชุมชนผ่านการให้ข้อมูลกับประชาชน (Public Information) เกี่ยวกับรายละเอียดโครงการ กติกาการรับฟังความคิดเห็นของโครงการ เน้นการสื่อสารในรูปแบบที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย เช่น แผ่นพับ และป้ายประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและเพียงพอต่อการแสดงความคิดเห็น
  • สำหรับโครงการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA จะจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 เป็นการรับฟังความคิดเห็นต่อ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกหรือที่ตั้งของโครงการ และครั้งที่ 2 เป็นการรับฟังความคิดเห็นต่อการจัดทำร่างรายงาน และมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ทั้งนี้ก่อนดำเนินกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแต่ละครั้ง จะมีการประชาสัมพันธ์และติดประกาศให้ประชาชน ทราบถึงวิธีการรับฟังความคิดเห็น ระยะเวลา สถานที่ ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ อย่างเพียงพอต่อการที่ประชาชนจะเข้าใจและสามารถแสดงความคิดเห็นได้ จากนั้นจะสรุปผลการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น และประกาศให้ประชาชนทราบภายหลังการรับฟังความคิดเห็นทั้งสองครั้ง

หมายเหตุ

โครงการขนาดใหญ่ หมายถึง โครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีกรอบวงเงินลงทุนที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (อ้างอิงตาม ประกาศคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง หลักเกณฑ์ของโครงการขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ 2557

มาตรฐานการมีส่วนร่วมกับชุมชนและการพัฒนาชุมชน

การมีส่วนร่วมกับชุมชนและการพัฒนาชุมชน อาทิ การดำเนินโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ปตท. ให้ความสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรม/โครงการในด้านต่างๆ กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจและอาชีพ ด้านสุขภาพและกีฬา ด้านศิลปวัฒนธรรมและประเพณี ด้านการศึกษา และด้านคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ การสนับสนุนกิจกรรมในด้านต่างๆ จะอยู่บนพื้นฐานความต้องการของชุมชนเป็นสำคัญ สำหรับในปี 2565 จัดโครงการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนในพื้นที่โครงการ จำนวน 20 โรงเรียน โดยมีคุณสมบัติเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในด้านสุขภาพและกีฬา จัดทำโครงการสร้างลานกีฬาและโครงการมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์แก่ชุมชนในพื้นที่โครงการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 รวมถึงด้านคุณภาพชีวิตได้จัดทำโครงการปรับปรุงห้องสุขาในโรงเรียน และโครงการสร้างห้องขยะติดเชื้อแก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพสต.) นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนด้านภัยพิบัติให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยมอบถุงยังชีพ ประกอบด้วย อาหาร สิ่งของที่จำเป็นและน้ำดื่มเพื่อบรรเทาและเยียวยาความเดือดร้อน

ปตท. จัดทำคู่มือชุมชนสัมพันธ์ที่แสดงแนวทางการดำเนินงานชุมชนสัมพันธ์และการพัฒนาชุมชน (Community Development and Community Relations Guidebook: CD-CR) เพื่อนำไปใช้วางแผนและดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื่อให้การจัดการด้านชุมชนสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาโครงการเป็นไปในทิศทางและมาตรฐานเดียวกันสำหรับทุกหน่วยงานในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีฝ่ายกิจการเพื่อสังคมเป็นผู้ดำเนินงานและจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการสื่อสารระหว่างหน่วยงาน

ปตท. วิเคราะห์ความสำคัญของชุมชนโดยใช้แผนที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการระบุกลุ่มเป้าหมายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากนั้นจึงจัดลำดับความสำคัญของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามระดับความต้องการและผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อจัดทำเป็นข้อมูลพื้นฐานชุมชน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถลำดับการดำเนินงานและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างเหมาะสม

ชุมชนสัมพันธ์

การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นกระบวนการหนึ่งที่ทำให้ ปตท. รับทราบและเข้าใจถึงข้อคิดเห็น ความต้องการและข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบหรือการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่เป็นผลมาจากการพัฒนาโครงการ เพื่อแสดงถึงการให้ความเคารพในสิทธิชุมชน และสร้างสัมพันธ์กับชุมชนในพื้นที่ การเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนในทุกกิจกรรมจะมีการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของชุมชน ตลอดจนข้อเสนอแนะ ข้อกังวลต่าง ๆ ซึ่ง ปตท. จะนำมาพิจารณาในการจัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพที่เหมาะสม พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบ

การรับเรื่องร้องเรียนของชุมชน

จำนวนการร้องเรียนจากชุมชนท้องถิ่น
- เปอร์เซ็นต์การร้องเรียนที่ได้รับการระบุและแก้ไข 31.5%
- เปอร์เซ็นต์การร้องเรียนที่ได้รับการแก้ไขโดยการเยียวยา (remediation) 100%

ปตท. กำหนดแนวทางและช่องทางการสื่อสารเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อร้องเรียนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเป็นระบบและมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของโครงการ ทั้งก่อนการเริ่มโครงการ ระหว่างโครงการ และหลังเสร็จสิ้นโครงการ สำหรับโครงการขนาดใหญ่มีการรับข้อร้องเรียนในรูปแบบคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ปตท. ตัวแทนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนหน่วยงานราชการ รวมทั้งในรูปแบบช่องทางการรับข้อร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินโครงการผ่านช่องทางเบอร์ 1365 โดยจะประสานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหากับผลกระทบที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างช่องทางการร้องเรียน ได้แก่

- การกำหนดช่องทางในการรับข้อร้องเรียนกรณีมีข้อซักถาม หรือได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างตลอดระยะเวลาการดำเนินการของทางโครงการ

- การกำหนดให้มีพนักงานมวลชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่มวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่ทางโครงการ

- การแจ้งหรือสื่อสารข้อมูลผ่านทางผู้นําชุมชนเพื่อนําข้อมูลเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการติดตามประเด็นดังกล่าว

- การตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการตลอดระยะก่อสร้าง

- การประสานงาน หรือแจ้งเตือนผ่านหน่วยงานภาครัฐ หรือ ท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ดํารงธรรม ในพื้นที่

- การยื่นหนังสือร้องเรียนมายัง บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) โดยตรง

- การร้องเรียนผ่านช่องทางติดต่อ Call Center ของ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) โทร. 1365 กด 24

- การร้องเรียนผ่านช่องทาง Website ของ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน)


ระยะดําเนินการ

- จัดให้มีพนักงานมวลชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าทมี่วลชนสัมพันธ์ในพื้นที่

- ติดต่อเบอร์โทรฉุกเฉิน ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โทร. 1540

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

การติดตามผลการดำเนินงาน

ปตท. ได้กำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามรายงาน EIA โดยครอบคลุมการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการทั้งในระยะก่อน ระหว่าง และภายหลังการก่อสร้างโครงการ (ระยะดำเนินการ) เพื่อรวบรวมเป็นรายงานผลการปฏิบัติตาม EIA เสนอต่อหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานผู้อนุญาตที่เกี่ยวข้อง เป็นประจำทุก 6 เดือน นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานอนุญาตเป็นประจำทุก 6 เดือนอีกด้วย

ในระหว่างการดำเนินโครงการ ปตท. จะกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทผู้รับเหมาอย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์ ประกอบด้วยการประชุมติดตามความก้าวหน้าแผนงาน ปัญหาอุปสรรค และประเด็นร้องเรียนต่าง ๆ  การลงพื้นที่ตรวจสอบการดำเนินงานที่หน้างานก่อสร้าง ตลอดจนจัดให้มีเจ้าหน้าที่มวลชนสัมพันธ์ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่

การวัดผล

ปตท. กำหนดให้คะแนนความผูกพันของชุมชน เป็นตัวชี้วัดผลการมีส่วนร่วมสำหรับโครงการขนาดใหญ่ทุกโครงการ ซึ่งตัวชี้วัดนี้จะสะท้อนถึงประสิทธิภาพของกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่องค์กรจัดทำขึ้น โดยจะมีตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่แตกต่างกันตามปัจจัยสำคัญของแต่ละโครงการ ตัวชี้วัดอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ คือ การสำรวจความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งมีการดำเนินการทุกปี โดยผลการสำรวจ/ ข้อเสนอแนะ/ ความคาดหวังที่ได้รับจะนำมาพิจารณาในการทำแผนกลยุทธ์การดำเนินงาน/ แผนการสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ดังเช่นตัวอย่างของการปรับปรุงการดำเนินงานที่เป็นผลมาจากการสำรวจความคิดเห็น การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในพื้นที่โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติพาดผ่าน อาทิ การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม CSR ในพื้นที่โครงการ ตลอดจนดูแลชุมชน สังคม ควบคู่กับการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับด้านชุมชนสัมพันธ์ ปตท. ได้กำหนดดัชนีความพึงพอใจของชุมชน เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย การประเมินการพัฒนาความเป็นอยู่และเศรษฐกิจชุมชน การดำเนินงานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมชุมชน การดำเนินกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ และการสื่อความด้านกิจกรรมขององค์กร

ด้านการบริหารผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ

ปตท. ได้กำหนดตัวชี้วัดด้านการบริหารผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ ให้มีความสอดคล้องกับสถานะของการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 5 โดยมีผลการบริหารโครงการในปี 2565 ที่ผ่านมาดังตารางด้านล่าง

ผลการบริหารโครงการ

โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก
เส้นที่ 
5

การควบคุม ติดตามตรวจสอบ
ให้มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม
(ร้อยละ)

100

อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน
(Lost Time Accident: LTA)

1

อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวม
(Total Recordable Injuries Rate: TRIR)

0.01


โดย โครงการข้างต้นได้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงาน EIA แล้วเสร็จ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตามรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการกำกับ ควบคุมแรงงานผู้รับเหมาให้มีการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษารายงาน EIA และรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการฯ EIA ของ ปตท. ในโครงการดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)  https://eia.onep.go.th/ 

การรับทราบข้อมูลและการยอมรับโครงการGRI413-1, GRI413-2

เป้าหมายในการดำเนินโครงการคือ โครงการสามารถดำเนินงานตามแผนระยะเวลาที่กำหนด โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการ ในกรณีที่เกิดปัญหาจากความเสียหายในการก่อสร้าง หรือได้รับข้อร้องเรียน จะมีการติดตามภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการบรรเทาความรุนแรงของปัญหาให้สามารถควบคุมได้ โดยจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งติดตามปัญหาเพื่อแก้ไขโดยเร็วที่สุด

โครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา
การบริหารผลกระทบแก่ชุมชน โครงการในปี 2565
จำนวนโครงการทั้งหมด 4
จำนวนโครงการที่มีการหารือร่วมกับชุมชน 4
ร้อยละของโครงการที่มีการหารือร่วมกับชุมชนเทียบกับโครงการทั้งหมด 100

พื้นที่ประกอบการในปัจจุบัน
การบริหารผลกระทบแก่ชุมชน จำนวนพื้นที่ประกอบการในปี 2565
จำนวนพื้นที่ประกอบการ 8
จำนวนพื้นที่ประกอบการที่มีการหารือร่วมกับชุมชน 8
ร้อยละของพื้นที่ประกอบการที่มีการหารือร่วมกับชุมชนเทียบกับโครงการทั้งหมด 100


การรับทราบข้อมูลและการยอมรับโครงการ (ร้อยละ)

2562256325642565
ผลการรับทราบข้อมูล 92.28 92.90 75 72
ผลการยอมรับโครงการ 68.38 70.30 80 77

ในปีที่ผ่านมา ปตท. ได้มีการดำเนินโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่แล้วเสร็จ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติราชบุรี-วังน้อยที่ 6 (RA6) ไปยังจังหวัดราชบุรี  ซึ่งสถานะโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบในช่วงหลังการก่อสร้างวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ  ซึ่งในปัจจุบันปี 2565 ปตท. ได้มีการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ และโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่  โครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 5 โครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 (GSP 7) โดยมีรายละเอียดการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้

รายละเอียดโครงการโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
บนบกเส้นที่ 5
โครงการระบบท่อส่ง
ก๊าซธรรมชาติบนบกจาก
บางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้
โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ
หน่วยที่ 7
โครงการท่อส่งก๊าซ
ธรรมชาติบนบก
จากสถานีควบคุม
ความดันก๊าซธรรมชาติ
ราชบุรี-วังน้อยที่ 6 (RA6)
ไปยังจังหวัดราชบุรี
ระยะทางวางท่อ (กิโลเมตร) / พื้นที่โครงการ (ไร่) 415 กิโลเมตร 57  กิโลเมตร 140 ไร่ 119 กิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ 104 ตำบล 29 อำเภอ ใน 8 จังหวัด (ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยาและนนทบุรี)
24 ตำบล 6 อำเภอ ใน 2 จังหวัด
(ฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ)

ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ปตท.
อยู่ใกล้สถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง
38 ตำบล 8 อำเภอ
ใน 4 จังหวัด 
(นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี)
กำหนดแล้วเสร็จ 2565 2568 ในส่วนของ plant 2566 2564
ดำเนินงานในปัจจุบัน อยู่ในระยะก่อสร้าง อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบ อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง ระยะดำเนินการ (ส่งมอบโครงการให้กับสายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 64)
คะแนนการประเมินความผูกพัน
(เป้าหมาย 3.5 คะแนน)
3.97 3.71 - 4.0

หมายเหตุ จำนวนพื้นที่ประกอบการที่มีการหารือร่วมกับชุมชนอ้างอิงถึงจำนวนพื้นที่ ที่มีการประเมินระดับความผูกพันของชุมชน

ผลการบริหารจัดการโครงการGRI413-1
แผนงานผลการดำเนินงาน
ปี 2564
(ร้อยละ)
เป้าหมายปี 2564
(ร้อยละ)
ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
(ร้อยละ)
เป้าหมายปี 2565
(ร้อยละ)
การควบคุม ติดตามตรวจสอบ ให้มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม 100 100 100 100
การให้ข้อมูลและความเชื่อมั่นต่อโครงการ การรับทราบข้อมูลโครงการ 75 70 71.8 70
การยอมรับข้อมูลโครงการ 80 60 76.8 60
การสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกโครงการ 73 60 74.2 60
จำนวนข้อร้องเรียนจากชุมชนและการโยกย้ายถิ่นฐาน 0 0 0 0

หมายเหตุ

รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณา

ตัวอย่างโครงการหรือกิจกรรมที่สำคัญSDGs 9.1

โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 5 โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติราชบุรี - วังน้อยที่ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 และโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติของโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกให้สามารถรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นของโรงไฟฟ้าในเขตนครหลวงตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 และเพิ่มความมั่นคงในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้าพระนครใต้  โรงไฟฟ้าพระนครเหนือและภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งเป็นการทดแทนท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 1 ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 เป็นโครงการตามแผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง เพื่อให้สอดรับตามแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว พ.ศ. 2558 - 2579 รวมไปถึงรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติภาคส่วนต่าง ๆ ถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในหัวข้อที่ 9 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการปรับตัวให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและทั่วถึง และการสนับสนุนนวัตกรรม (Industry Innovation and Infrastructure)

โครงการดังกล่าวมีการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจัดกระบวนรับฟังรับความคิดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนได้แสดงข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวล  โดย ปตท. มีการนำข้อเสนอแนะที่ได้รับมาพิจารณากำหนด/ ปรับปรุงมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ตลอดจนมีการกำกับและควบคุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคแรงงานรับเหมาก่อสร้างภายในโครงการ ให้มีการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน ดังแสดงให้เห็นจากผลการบริหารจัดการโครงการในข้างต้น เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ส่งผลให้โครงการสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน