การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน |
![]() ![]() |
ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ
ผลกระทบของประเด็นในช่วงเวลาต่าง ๆ
ระยะสั้น |
ระยะกลาง |
ระยะยาว |
กลาง |
กลาง |
สูง |
การบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ |
มุมมองด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) |
มุมมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) |
|
|
ความเสี่ยงต่อบริษัท | โอกาสต่อบริษัท | + การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ + การเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขอนามัยของประชาชน - สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมขาดแคลนทรัพยากรน้ำ - ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในประเด็นการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ |
- ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นจากการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจและสายโซ่อุปทานความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน แรงกดดันด้านระเบียบและกฎหมาย ฯลฯ | + การประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ + ภาพลักษณ์และความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย + โอกาสจากนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้ใหม่ |
วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย
ปตท. กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ลดปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงและควบคุมปริมาณน้ำใช้ไม่ให้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้น้ำสูงในอาคารสำนักงานและในพื้นที่ปฏิบัติการ ได้แก่
- ลดความเข้มปริมาณน้ำใช้ (Water Intensity) (ลิตรต่อคนต่อวัน) ในปี 2573 ร้อยละ 10 สำหรับอาคารสำนักงาน เมื่อเทียบกับข้อมูลปีฐาน 2556
- ควบคุมและติดตามการดึงน้ำจืด (Freshwater Withdrawal) ของกลุ่ม ปตท. โดย ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันศึกษาและกำหนดเป้าหมายควบคุมและติดตามการดึงน้ำจืด (Freshwater Withdrawal) ของกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดให้มีปริมาตรไม่เกิน 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2567
แนวทางการจัดการGRI 303-1, GRI 303-2
นโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำของ ปตท.
ปตท. มุ่งมั่นยกระดับประสิทธิภาพการใช้น้ำ เป็นส่วนหนึ่งของ การบริหารจัดการด้าน SSHE มีการกำหนดนโยบาย เป้าหมายระยะยาวและประจำปี ควบคุมการดึงน้ำมาใช้ทั้งในภาคผลิตและอาคารสำนักงาน โดยมุ่งเน้นนำกลับมาใช้ใหม่/ นำมาใช้ซ้ำให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีการติดตามตรวจวัดและรายงานข้อมูลผลการดำเนินงานเทียบเป้าหมายให้ผู้บริหารแต่ละพื้นที่/ สายงาน ทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงสร้างกำกับดูแลด้านความยั่งยืนที่กำหนด เป็นรายไตรมาส ทั้งนี้ นโยบายนี้ประยุกต์ใช้กับทุกหน่วยงานตลอดสายโซ่อุปทานของกลุ่ม ปตท.
กระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ปตท. กำหนดกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งภายในและภายนอกองค์กร ดังนี้
ประเภท |
ดำเนินกิจกรรมเพื่อการบริหารจัดการน้ำ |
---|---|
การบริหารจัดการความเสี่ยงภายนอกองค์กร |
|
การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กร |
|
หมายเหตุ:
• การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กร เช่น การควบคุมและติดตามปริมาณน้ำใช้ การติดตามคุณภาพน้ำทิ้งจากระบบบำบัด
• ปัจจุบัน GC และ TOP มีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลด้วยระบบที่มีอยู่อย่างเต็มศักยภาพเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิต และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลเพื่อลดการพึ่งพาการใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะ
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ตระหนักถึงผลกระทบของคุณภาพน้ำทิ้งจากสถานประกอบการของตนเองต่อชุมชนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม โดยได้ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. 2560 และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2548 รวมทั้งควบคุมให้เป็นไปตามที่ระบุในมาตรการแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ (Environmental Impact Assessment: EIA) เฉพาะของสถานประกอบการนั้น
ผลจากการคาดการณ์ความเสี่ยงการใช้น้ำของกลุ่มบริษัท ปตท. โดยใช้เครื่องมือ AQUEDUCT ในปี 2567 พบว่า พื้นที่ตั้งโรงงานของกลุ่มบริษัท ปตท. บริเวณภาคตะวันออก (23 พื้นที่ ของทั้งหมด 6 บริษัท) มีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง (Water stress and water scarcity) และมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เนื่องจาก เครื่องมือ AQUEDUCT มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลนำเข้าเพื่อคาดการณ์ โดยได้นำปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบสูงขึ้นเข้ามาปรับปรุงเครื่องมือ จึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ความเสี่ยงคาดแคลดน้ำทั่วโลก ซึ่งกรณียังดำเนินการแบบปกติ (BAU) จนกระทั่งปี 2573 และ 2593 พื้นที่ดังกล่าวยังคงความเสี่ยงในระดับสูง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว กลุ่ม ปตท. จึงอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบครอบคลุมผลกระทบจากการดำเนินงานขององค์กร (Direct Operation) ผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และผลกระทบของลูกค้าในกระบวนการใช้ผลิตภัณฑ์ (Product Use Phase) พร้อมทั้งนำผลจากการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบดังกล่าวมาจัดทำแผนเพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
โครงการ/ Initiatives ที่สำคัญ
การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเชิงยุทธศาสตร์ในพื้นที่ภาคตะวันออกGRI 303-1
จากผลการประเมินความเสี่ยงการใช้น้ำใน 23 พื้นที่ยุทธศาสตร์ของกลุ่ม ปตท. ได้แก่ ภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดระยองและชลบุรี ซึ่งเคยเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเมื่อปี 2548 และปี 2563 ปตท. จึงได้จัดตั้งโครงการบริหารจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. (PTT Group Central Water Management) ขึ้นภายใต้กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย โดยมีการดำเนินการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำและระบบสาธารณูปการของบริษัทในกลุ่ม ปตท. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ตั้งแต่การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงและโอกาส การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการน้ำในกรณีเกิดภัยแล้งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การติดตาม ประเมิน คาดการณ์และรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงดำเนินการจัดทำแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำด้วยหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) และแผนการบริหารจัดการน้ำทิ้ง อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้เกิดความร่วมมือและแบ่งปันแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่เป็นเลิศ อีกทั้งมีการติดตามสถานการณ์แหล่งน้ำและการประสานงานกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินงานด้านกลยุทธ์และธุรกิจด้านน้ำ ซึ่งความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานจะถูกติดตามและรายงานให้แก่ผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งคณะกรรมการจัดการ ปตท. อย่างต่อเนื่อง
การศึกษาปรับปรุงสมรรถนะด้านอุปสงค์น้ำของโรงงานในกลุ่ม ปตท.
ปตท. ร่วมกับบริษัทในกลุ่มดำเนินการศึกษาปรับปรุงสมรรถนะด้านอุปสงค์น้ำ โดยมีการรวบรวมข้อมูลของโรงงานนำร่อง (Pilot Plant) ที่เข้าร่วมการศึกษา เพื่อประเมินประสิทธิภาพการใช้น้ำ ตลอดจนวิเคราะห์หาแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ และศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำที่แต่ละโรงงานนำร่องมีความสนใจและมีความเหมาะสมด้านเทคนิค โดยบางโครงการมีผลประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำด้วย เช่น ลดการใช้พลังงาน ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต เป็นต้น
กิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีและมาตรการปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้น้ำสำหรับกลุ่ม ปตท.
ปตท. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้และส่งเสริมแนวทางบริหารจัดการน้ำให้กับบริษัทในกลุ่ม ปตท. หรือ CoP (Community of Practice): Water Management อย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกประเด็นที่บริษัทในกลุ่มให้ความสนใจ และในปี 2567 มีการจัดกิจกรรม 3 ครั้ง ได้แก่
- กิจกรรมแบ่งปันความรู้ผ่านช่องทางการประชุมออนไลน์ภายในกลุ่ม ปตท. ในหัวข้อ Increase Cycle of Cooling Water (CCW) เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จากบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการให้กับบริษัทอื่นในกลุ่ม ปตท. ที่มีความสนใจจะดำเนินการในอนาคต
- กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ภายในกลุ่ม ปตท. ในหัวข้อ “Cooling Tower Optimization and Recent Technology” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำและพลังงานในภาคอุตสาหกรรม และบริษัทผู้ผลิตและให้บริการด้าน Cooling Tower ทั้งด้านทฤษฏีในการประเมินประสิทธิภาพของ Cooling Tower รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดการใช้พลังงาน และการสูญเสียน้ำจาก Cooling Tower ให้กับกลุ่ม ปตท.
- กิจกรรมเยี่ยมชมการดำเนินงานของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) อาทิ ระบบโทรมาตรอัตโนมัติตรวจวัดปริมาณฝนและระดับน้ำ ระบบประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำและสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีการวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์น้ำ รวมถึงคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติและการใช้งานเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำสำหรับพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำระดับชุมชน ซึ่่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้าน CSR ของกลุ่ม ปตท.
การดำเนินธุรกิจด้านน้ำ (Water Business)
โครงการบริหารจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. กำหนดกลยุทธ์เข้าสู่ธุรกิจน้ำโดยมีเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับกลุ่ม ปตท. ในการบริหารจัดการน้ำทั้งในด้าน Water Supply และ Water Demand ผ่านการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำของกลุ่ม ปตท. ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนสามารถสร้างรายได้ให้กับ ปตท. อีกด้วยการร่วมมือภายในบริษัทกลุ่ม ปตท.
การเตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ
จากเหตุการณ์ภัยแล้งในปี 2563 กลุ่ม ปตท. เล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับกรณีการขาดแคลนน้ำ หนึ่งในมาตรการที่เหมาะสมในการเป็นแหล่งน้ำสำรองของกลุ่ม ปตท. ได้แก่ ระบบผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลแบบชั่วคราว (Temporary Sea Water Desalination Plants) โดยบริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันประเมินความต้องการด้านปริมาณและคุณภาพน้ำที่ต้องการในช่วงสถานการณ์วิกฤต และคัดเลือกผู้ให้บริการในการจัดทำแผนรองรับด้านเทคนิคร่วมกัน (Emergency Water Plan) ตลอดจนสรุปข้อตกลงเชิงพาณิชย์ไว้ล่วงหน้าพร้อมรองรับความต้องการใช้งานได้ทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินการพัฒนา PTT Group Water Management Dashboard
PTT Group Water Management Dashboard ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก (Water Supply) อาทิ การคาดการณ์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสาธารณะซึ่งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการผลิตหลักของกลุ่ม ปตท. การติดตามคุณภาพแหล่งน้ำของพื้นที่มาบตาพุด และการบริหารจัดการผันน้ำของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือในการติดตามการใช้น้ำของกลุ่ม ปตท. (Water Demand) และประเมินระดับความมั่นคงด้านน้ำใช้ในการผลิตสำหรับกลุ่ม ปตท. ผ่านตัวชี้วัด Water Supply Secure Portion เปรียบเทียบกับแผนรายปี และคาดการณ์การใช้น้ำที่สอดคล้องกับแผนธุรกิจในระยะ 5 ปี ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวเป็นอัตราส่วนปริมาณน้ำใช้ที่กลุ่ม ปตท. สามารถบริหารจัดการได้เองและลดการพึ่งพิงแหล่งน้ำสาธารณะ นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการพัฒนาระบบติดตามและประเมินประสิทธิภาพการใช้น้ำในโรงงาน (Plant Water Management Dashboard) โดยได้ดำเนินการร่วมกับโรงงานนำร่อง (Pilot Plant) ได้แก่ โรงงานปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้าของบริษัทในกลุ่ม ปตท.![]() |
ปตท. นำหลักการลด การใช้ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่ (3Rs) มาใช้ในการจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำในกิจกรรมการดำเนินงานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อทรัพยากรให้เหลือน้อยที่สุด แต่ยังบรรเทาการเกิดมลพิษทางน้ำด้วย จึงช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนและสังคม
ในปี 2567 ยังคงมีการประยุกต์ใช้หลัก 3Rs มาบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างจริงจัง ทำให้ยังคงมีการนำกลับมาใช้ใหม่ในกิจกรรมการดำเนินงานมากขึ้นและมีการนำกลับมาใช้ใหม่และใช้ซ้ำในปริมาณที่สูงเช่นกัน ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งในมุมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบจากมลพิษทางน้ำ รวมทั้งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนและประชาชนอีกด้วย
ความเสี่ยงในพื้นที่ EEC เปลี่ยนแปลงไปตามผลกระทบหรือโอกาสที่อาจจะเกิดที่กลุ่ม ปตท. ประเมินความเสี่ยงทั้งผลกระทบและโอกาสที่อาจจะเกิด ของสินทรัพย์หลักที่ดำเนินงานในพื้นที่ EEC ตั้งแต่ปี 2564 โดยดำเนินการทบทวนและปรับปรุงผลกระทบทุกปีโดยทีมบริหารจัดการน้ำกลุ่ม ปตท. (PTTWT)
ในปี 2567 ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ในพื้นที่ EEC ลดลงร้อยละ 6.61 จากปี 2566 ดังนั้นความเสี่ยงจึงมีการเปลี่ยนแปลงตามโอกาสที่อาจจะเกิด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนน้ำและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ PTTWT ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนน้ำ และผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ PTTWT ยังติดตามและปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและโครงสร้างราคาที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. ในอนาคต
การบริหารจัดการน้ำตามหลัก 3RsSDGs 6.3, 6.4, 6.5, 6.a
ปตท. และกลุ่ม ปตท. ได้นำหลัก 3Rs ได้แก่ การลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) มาใช้เพื่อยกระดับการบริหารจัดการน้ำที่แหล่งกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้และโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้- การเปลี่ยนระบบน้ำหล่อเย็นที่โรงไฟฟ้าจากระบบเปิดเป็นระบบปิด ทำให้สามารถลดการใช้น้ำ
- โครงการนำพลังงานความร้อนที่เหลือจากหม้อไอน้ำทิ้ง (Blow-down Tank) มาใช้ เช่น การลดปริมาณการใช้น้ำหล่อเย็นที่ใช้ในการลดอุณหภูมิก่อนปล่อยสู่บ่อบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งนำน้ำระบายทิ้ง (Blow-down Water) มารดน้ำต้นไม้
- โครงการ Reverse Osmosis Intermediated เพื่อนำน้ำกลับมาใช้ในการหล่อเย็น เป็นการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- โครงการนำน้ำ Condensate กลับมาใช้ในกระบวนการผลิตไอน้ำ
- โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 มีการนำน้ำทิ้งที่เกิดจากกระบวนการ Dehydration มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำมาใช้ทดแทนเป็นน้ำ Make up ในกระบวนการ Acid Gas Removal Unit (AGRU) ช่วยลดปริมาณน้ำ Make up ได้ 17,500 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
- โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination) ของ GC และ TOP สามารถลดการใช้น้ำได้ถึงร้อยละ 10-20
- การศึกษาความเป็นไปได้ของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำด้วยระบบ Eco Industrial ซึ่งจะดึงน้ำทิ้งซึ่งผ่านการบำบัดแล้ว กลับมาเป็นน้ำที่สามารถใช้ได้ใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำให้แก่กลุ่ม ปตท.
- การศึกษา พัฒนา และติดตั้งนวัตกรรมระบบ Greywater Recycle เพื่อใช้งานในอาคารสำนักงานสำหรับสนับสนุนเป้าหมายการลดการใช้น้ำด้วยการนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยระบบดังกล่าวมีความสามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้รวม 90 ลิตรต่อชั่วโมง และมีคุณภาพน้ำผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน US EPA Guideline
- การศึกษา พัฒนาระบบ และติตดั้ง Rainwater Treatment เพื่อใช้งานในอาคารสำนักงานสำหรับสนับสนุนเป้าหมายการลดการใช้น้ำ ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นนวัตกรรมการรวบรวมน้ำฝน และนำมาปรับปรุงคุณภาพ เพื่อนำน้ำไปใช้ใน Cooling Tower ทดแทนการใช้น้ำประปา โดยระบบมีความสามารถลดการใช้น้ำประปาได้มากถึง 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และขยายผลเข้าสู่การดำเนินการเชิงธุรกิจผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์และรับบริการออกแบบระบบให้แก่ลูกค้าที่สนใจภายนอกองค์กรต่อไป
- การนำน้ำจากระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมที่ปรับปรุงให้ได้คุณภาพมาใช้ในกระบวนการผลิตไอน้ำของ GPSC โดยสามารถลดปริมาณการใช้น้ำดิบขององค์กรได้
- โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 มีแผนติดตั้งเทคโนโลยี Zero Liquid Discharge (ZLD) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดน้ำเสียแล้วกลับมาใช้ใหม่และไม่มีการปล่อยนำออกจากระบบออกสู้ภายนอกส่งผลให้การใช้นำลดลงเมื่อเทียบกับโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 1
การบริหารจัดการน้ำสำหรับอาคารสำนักงาน
เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำประปาของอาคารสำนักงาน ปตท. ได้ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดการใช้น้ำประปาในพื้นที่อาคารสำหนักงาน ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามหลักการ 3Rs ของน้ำในพื้นที่สำนักงาน และเป็นการดำเนินงานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในเรื่องนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดและการลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น โดยสถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้ศึกษาและพัฒนาอุปกรณ์มาอย่างต่อเนื่อง และมีการนำมาใช้เพื่อบริหารจัดการและลดการใช้น้ำประปาของพื้นที่อาคารสำนักงานตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ประกอบด้วย อุปกรณ์ Greywater Recycle และ Rainwater Treatment System รายละเอียด ดังนี้
โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Greywater Recycle SDGs 6.3, 6.4, 6.5, 6.a
สถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้ศึกษาและพัฒนาโครงการนวัตกรรมต้นแบบ Greywater Recycle สำหรับนำน้ำที่ผ่านการใช้แล้วจากการล้างมือ มาบำบัดและนำกลับมาใช้กับสุขภัณฑ์ โดยดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่ ปตท. สำนักงานใหญ่ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าว สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 90 ลิตรต่อชั่วโมง และมีคุณภาพน้ำผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน US EPA Guideline โดยตั้งแต่ปี 2566 โครงการดังกล่าวมีการนำน้ำกลับมาใช้ในอาคารสำนักงาน ช่วยลดการใช้น้ำประปาได้ประมาณ 20 ลูกบาศก์เมตร![]() |
โครงการ Rainwater Treatment System
สถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้ศึกษาและพัฒนานวัตกรรมตันแบบระบบ Rainwater Treatment รวบรวมน้ำฝนและนำมาปรับปรุงคุณภาพ เพื่อนำน้ำที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพไปใช้ใน Cooling Tower โดยใช้เทคโนโลยี Multimedia Filter Filtration (MMF) และระบบ UV Disinfection ที่สามารถกำจัดความสกปรก สี กลิ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ ให้มีคุณภาพน้ำเหมาะสมกับการใช้งานสำหรับ Cooling Towerระบบดังกล่าวถูกออกแบบให้มีความสามารถในการลดการใช้น้ำประปาของอาคารสำนักงานได้มากถึง 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี รวมถึงมีการประยุกต์ใช้ระบบ IoT ทำให้สามารถควบคุมและติดตามการทำงานผ่าน Mobile application ปัจจุบันระบบดังกล่าวมีการติดตั้งใช้งานจริงในพื้นที่ ปตท. สำนักงานใหญ่ โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่ช่วง มิ.ย. 2566 จากการติดตามผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มใช้งานพบว่าสามารถนำน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด180 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 10.3 ลิตรต่อชั่วโมง ซึ่งในปี 2567 การดำเนินงานจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการขยายผลเข้าสู่การดำเนินการเชิงธุรกิจผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์และรับบริการออกแบบระบบให้แก่ลูกค้าที่สนใจภายนอกองค์กรต่อไป
![]() |
งานส่งเสริมการประเมินการใช้น้ำตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Water Footprint) ตามมาตรฐาน ISO 14046 SDGs 6.5, 6.a
ในปี 2567 กลุ่ม ปตท. ยังคงดำเนินการตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่า การใช้น้ำของกลุ่ม ปตท. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การติดตั้งเทคโนโลยี Zero Liquid Discharge (ZLD) โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7
ปตท. มุ่งมั่นควบคุม ป้องกัน และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การคัดเลือกเทคโนโลยีและการออกแบบวิศวกรรมโดยโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 มีแผนติดตั้งเทคโนโลยี Zero Liquid Discharge (ZLD) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดน้ำเสียแล้วกลับมาใช้ใหม่และไม่มีการปล่อยนำออกจากระบบออกสู้ภายนอกส่งผลให้การใช้นำลดลงเมื่อเทียบกับโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 1การร่วมมือกับพันธมิตรและเครือข่ายต่าง ๆ
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Water War Room)
จากสถานการณ์ภัยแล้งภาคตะวันออกปี 2548 ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก เช่น กรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร การประปาส่วนภูมิภาค การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ รวมถึงกลุ่ม ปตท. และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ได้รวมกลุ่มกันในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการน้ำ (Water War Room) ภาคตะวันออกขึ้นตั้งแต่ปี 2557 และได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้แทนจาก 27 หน่วยงาน ครอบคลุม 3 จังหวัด ของภาคตะวันออก ประกอบด้วย จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการรับทราบปัญหา เสนอแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพเครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำภาคอุตสาหกรรม
ปตท.ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วน เมื่อ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ปี พ.ศ.2561เปิดโอกาสให้ผู้ใช้น้ำ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคพาณิชยกรรม และภาคเกษตรกรรม สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำได้ตามกฎหมายผ่านการจดทะเบียน “องค์กรผู้ใช้น้ำ” ปตท.จึงได้ส่งเสริมให้หน่วยปฏิบัติการต่างๆ ที่มีการใช้น้ำในกระบวนการผลิตอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่ม ปตท.จดทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำตามบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกฎหมายร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ได้ต่อไปสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ผู้บริหารของกลุ่ม ปตท. ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและร่วมดำเนินงานกับสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง โดยในวาระปี 2567-2569 ได้มีการติดตามประเด็นปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ทั้งติดตามสถานการณ์น้ำต้นทุนสะสมในปี 2567-2568 การส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ของภาครัฐในขณะที่แหล่งน้ำในภาคตะวันออกมีอยู่จำกัด ปัญหาเครือข่ายท่อส่งน้ำภาคตะวันออกที่ปัจจุบันมีผู้บริหารเส้นท่อโครงข่ายน้ำหลายราย (Multi-Operator) ทำให้ขาดความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ปัญหาคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำสาธารณะซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกฎหมายลำดับรองที่ภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่ส่งผลกระทบต่อการขออนุญาตการใช้น้ำและค่าใช้น้ำ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐกรณีประสบสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ เป็นต้น ปตท.จึงได้ดำเนินการร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการติดตาม ผลักดันและเป็นเสียงสะท้อนประเด็นปัญหา และข้อกังวลของภาคอุตสาหกรรมไปยังหน่วยงานภาครัฐ โดยตลอดปี 2567 ได้เข้าพบและหารือร่วมกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมถึงได้จัดทำข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้- มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการทางด้านการเงินและการลงทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบกิจการได้ในกรณีที่ประสบสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ
- บูรณาการหน่วยงานภาครัฐในการบริหารจัดการน้ำ ป้องกันและฟื้นฟูปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภัยพิบัติ
- การจัดตั้ง War Room ของรัฐบาลเพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ
- ผลักดันให้มีการพัฒนาและเชื่อมต่อแหล่งน้ำทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำให้เพียงพอในระยะยาว
- เชื่อมโยงระหว่างความต้องการน้ำ (Demand) และการจัดหาน้ำ (Supply) เพื่อสร้าง Value ให้สามารถจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม
- ขยายผลการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต้นแบบไปสู่พื้นที่อื่นๆ เช่น การจัดการน้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
- ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ และการมีส่วนร่วมขององค์กรผู้ใช้น้ำ ในด้านการบริหารจัดการน้ำ และการคาดการณ์ภูมิอากาศ เทคโนโลยีการจัดการน้ำ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงกฎหมายด้านน้ำที่เกี่ยวข้อง
- ข้อเสนอเชิงนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานและแนวทางการบริหารจัดการน้ำ
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ
สรุปความก้าวหน้าในการดำเนินงานของ ปตท.
ร้อยละของปริมาณน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่และนำกลับมาใช้ซ้ำ ต่อปริมาณดึงน้ำ (น้ำจืด) ทั้งหมดของ ปตท.
ปี | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
---|---|---|---|---|
ผลการดำเนินงาน | 6.32 | 8.11 | 6.89 | 8.01 |
ปริมาณน้ำกักเก็บสำหรับพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. จังหวัดระยอง (ล้านลูกบาศก์เมตร)
ปี |
2564 |
2565 |
2566 |
2567 |
---|---|---|---|---|
เป้าหมาย | 240 | 240 | 240 | 240 |
ผลการดำเนินงาน | 275 | 290 | 241 | 255 |
หมายเหตุ:
ขอบเขตข้อมูลครอบคลุมอ่างเก็บน้ำ 3 แห่งหลักในพื้นที่จังหวัดระยอง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่
การใช้น้ำจืดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ (ตัวอย่าง <1700 m3/ (คน*ปี) | หน่วย | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
---|---|---|---|---|---|
ปริมาณการใช้น้ำจืดทั้งหมดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ (ปริมาณการดึงน้ำทั้งหมด-ปริมาณน้ำทิ้งที่ปล่อยออกนอกองค์กรทั้งหมด) | ล้าน ลูกบาศก์เมตร | 50.62 | 57.37 | 65.78 | 63.97 |
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและค่าเสียโอกาส (เช่น รายได้ที่เสียไป) จากเหตุละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ (บาท)
ปี |
2564 |
2565 |
2566 |
2567 |
---|---|---|---|---|
ค่าใช้จ่าย | 0 | 0 | 0 | 0 |
ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ ปตท. : ด้านสิ่งแวดล้อม
-
การกำกับดูแลความยั่งยืน
- กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน
- การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล
- การปฏิบัติที่เป็นธรรม
- ระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
- การบริหารความเสี่ยงเเละภาวะวิกฤต
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- เครือข่ายด้านความยั่งยืน
- การเปิดเผยข้อมูลและการประเมินผลด้านความยั่งยืน
- ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
- มิติด้านเศรษฐกิจ
- มิติด้านสิ่งแวดล้อม
- มิติด้านสังคม