ความยั่งยืน

การบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน

ความยั่งยืน

การบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
   





ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ

การบริหารจัดการสายโซ่อุปทานเพื่อความยั่งยืนเป็นการดูแลทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ของสายโซ่อุปทานที่มากกว่าการมุ่งเน้นเพียงผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ แต่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อความยั่งยืนของบริษัทหรือองค์กรเอง และความยั่งยืนต่อมนุษยชาติหรือคนรุ่นหลังในอนาคต

ปตท. เล็งเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการสายโซ่อุปทานเพื่อความยั่งยืน จึงได้ปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการสายโซ่อุปทานตามแนวทางการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนโดยการผนวกเรื่องจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ในการบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน ตลอดทั่วทั้งการจัดหาสินค้าและบริการในทุกภาคส่วนของ ปตท.

โดยได้นำหลักการการบริหารจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environment, Social, Governance: ESG) มาใช้ในกระบวนการจัดหาและบริหารงานผู้ค้า เพื่อให้เกิด  “การบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน”  ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น (Risk Management) สร้างโอกาสทางธุรกิจ (Opportunity) รวมทั้งร่วมพัฒนาศักยภาพของคู่ค้า ให้มีความพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจ (Capability Building) ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือและก้าวไปสู่การเติบโตทางธุรกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน ตลอดจนก่อให้เกิดความมั่นใจในการจัดส่งสินค้าและให้บริการตามความต้องการ (Supply Reliability)

วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย

ปัจจุบันการจัดซื้อจัดจ้างของ ปตท. อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงาน ด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพประสิทธิผล และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมกับการสนับสนุนนโยบาย THAILAND 4.0 ของรัฐบาล ที่ผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ตอบสนองต่อการดำเนินธุรกิจด้วยความคล่องตัวและรวดเร็ว ผนวกกับกลยุทธ์ของ ปตท. ที่มุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ดังนั้น การบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของ ปตท. จึงต้องพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน

ปตท. กำหนดเป้าหมายในการดำเนินงาน สื่อสารให้กับผู้ค้าผ่านงานสัมมนาผู้ค้า เว็บไซต์ และช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ค้าเกิดการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแนวทางความยั่งยืน หรือ แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. (PTT Supplier Sustainable Code of Conduct) ที่ได้มีการกำหนดไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานสำหรับผู้ค้าของ ปตท.


สรุปความก้าวหน้าในการดำเนินงานGRI 308-1, GRI 414-1, GRI 414-2
แผนงานเป้าหมายปี 2564ผลการดำเนินงานปี 2564เป้าหมายปี 2565ผลการดำเนินงานปี 2565เป้าหมายระยะยาว
การตรวจประเมินแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้าในกลุ่ม Critical/ Strategic ในพื้นที่ ตรวจประเมินผู้ค้า สินค้าและบริการอื่น ร้อยละ 100 ของผู้ค้ากลุ่ม Critical/ Strategic ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

ตรวจประเมินผู้ค้าสินค้าและบริการอื่น จำนวน 14 ราย คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้ค้ากลุ่ม Critical/ Strategic ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

ตรวจประเมินผู้ค้า สินค้าและบริการอื่น ร้อยละ 100 ของผู้ค้ากลุ่ม Critical/ Strategic ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

ตรวจประเมินผู้ค้าสินค้าและบริการอื่น จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้ค้ากลุ่ม Critical/ Strategic ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ผู้ค้ากลุ่ม Critical/ Strategic (สูงสุดร้อยละ 80) สามารถพัฒนาตนเองและดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน  
การบริหารการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนตามมาตรฐาน ISO 20400

ดำเนินการบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (ISO 20400) อย่างน้อย 3 กลุ่มงาน

ดำเนินการบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (ISO 20400) 3 กลุ่มงาน ได้แก่
1. กลุ่มงาน Service (เช่ารถยนต์)
2. กลุ่มงาน Packaging (พาเลทไม้)
3. กลุ่มงาน Maintenance, Repairing and Operating (Pipe&Flange)

ดำเนินการบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (ISO 20400) อย่างน้อย 3 รายการ

ดำเนินการบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (ISO 20400) 3 รายการ ได้แก่
1. รายการ Steel Drum
2. รายการ Jumbo Bag
3. รายการ Plastic Pallet

การจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันระหว่างกลุ่ม ปตท. สามารถดำเนินการได้ตามแนวทาง ISO20400 และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด

การดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการที่มีความต้องการจัดหาร่วมกันภายในกลุ่ม ปตท. ดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยมีเป้าหมายสร้างมูลค่าเพิ่มได้ร้อยละ 15 ของมูลค่าการใช้จ่าย ดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ร้อยละ 17.39 ของมูลค่าการใช้จ่าย ดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยมีเป้าหมายสร้างมูลค่าเพิ่มได้ร้อยละ 7 ของมูลค่าการใช้จ่าย ดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ร้อยละ 13.10 ของมูลค่าการใช้จ่าย ดำเนินการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยมีเป้าหมายสร้างมูลค่าเพิ่มได้ร้อยละ 10-12 ของมูลค่าการใช้จ่าย
ความพึงพอใจของผู้ค้า ต่อการสื่อสารทิศทางการดำเนินงานของ ปตท. เพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานและระบบจัดซื้อจัดจ้างของ ปตท.ผ่านงานสัมมนาผู้ค้า คะแนนความพึงพอใจ 4.5 จากคะแนนเต็ม 5.0 คะแนนความพึงพอใจ 4.56 จากคะแนนเต็ม 5.0 คะแนนความพึงพอใจ 4.5 จากคะแนนเต็ม 5.0 คะแนนความพึงพอใจ 4.56 จากคะแนนเต็ม 5.0 คะแนนความพึงพอใจ 4.5 จากคะแนนเต็ม 5.0

แนวทางการบริหารจัดการGRI414-1

นโยบายจัดซื้อจัดจ้าง ของ ปตท.

ปตท. ได้ประกาศนโยบายจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่ม ปตท. เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เพื่อให้บริษัทในกลุ่ม ปตท. ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นทิศทางเดียวกัน 

นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่ม ปตท.
นอกจากนี้ ปตท. มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการกำกับ ดูแลกิจการเพื่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ความตั้งใจดังกล่าวบรรลุตามปณิธานที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิผล ปตท. จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการกำกับดูแลผู้ค้าของ ปตท. โดยกำหนดนโยบายการจัดหาและบริหารงานผู้ค้าอย่างยั่งยืน กลุ่ม ปตท.  ในปี 2558  

เพื่อให้ผู้ค้าของ ปตท. มีแนวทางปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารองค์กรอย่างยั่งยืน เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน  ปตท. ได้ทำการทบทวนแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. (PTT Supplier Sustainable Code of Conduct: SSCoC) อย่างต่อเนื่องและประกาศใช้แนวทางดังกล่าว โดยมีการปรับปรุงและประกาศใช้ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 โดยกำหนดเนื้อหาและขอบเขตให้อยู่ภายใต้ข้อกำหนด ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผู้ค้าของ ปตท. มีการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน มีการดูแลอาชีวอนามัย และความปลอดภัยของลูกจ้าง รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างยั่งยืน ตลอดจนประเด็นที่ ปตท. ให้ความสำคัญ ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก ดังนี้

  1. จริยธรรมทางธุรกิจ
  2. ความรับผิดชอบต่อสังคม
  3. ความปลอดภัย
  4. การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

นโยบายการจัดหาตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืน
แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท.


โครงสร้างกำกับดูแล

การกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างของ ปตท.

ปตท. ให้ความสำคัญกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และตรวจสอบได้ เพื่อให้ความมั่นใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง (คตจ.) เพื่อดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุและการจัดซื้อจัดจ้างเชิงพาณิชย์ประเภท Non-Hydrocarbon ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนด หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คตจ. ยังให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติด้านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เหมาะสม ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันภายในองค์กร ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กระบวนการ/ กลไกในการบริหารจัดการผลกระทบ

การบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน ระดับส่วนกลาง

ในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจัดหาสินค้าและการจัดจ้างการบริการทั่วไปซึ่งมีผู้ค้าที่หลากหลายทั้งจำนวนและคุณภาพ  ปตท. ให้ความสำคัญกับการบริหารผู้ค้าอย่างเป็นระบบ โดยมีการจัดทำมาตรการบริหารจัดการผู้ค้า เพื่อยกระดับการดำเนินงานของผู้ค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด สามารถตอบสนองความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น บรรลุเป้าหมาย สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ค้าและ ปตท. รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความตระหนักถึงจุดยืนขององค์กรด้านความยั่งยืนแก่ผู้ค้า

ปตท. กำหนดมาตรฐานการคัดเลือก ประเมิน และตรวจสอบผู้ค้าอย่างยุติธรรมและโปร่งใส ยึดหลักความยั่งยืนทางธุรกิจ ความน่าเชื่อถือของผู้ค้า รวมถึงความสามารถในการตอบสนองความต้องการของ ปตท. โดยมีการจัดทำ “ทะเบียนผู้ค้า (Approved Vendor List)” เพื่อคัดเลือกผู้ค้าที่มีศักยภาพร่วมธุรกิจโดยใช้แบบสอบถามประเมินศักยภาพของผู้ค้า ทั้งคุณสมบัติทางการค้า เทคนิค คุณภาพ ความพร้อมของการบริการ กำลังการผลิต การขนส่ง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม มาตรฐานอุตสาหกรรม ผู้ค้าต้องมีความสามารถที่จะดำเนินธุรกิจตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. โดยผู้ค้าที่ได้คะแนนประเมินผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด จะได้รับการอนุมัติให้อยู่ในทะเบียนผู้ค้า ซึ่งการบริหารจัดการทะเบียนผู้ค้าอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการคัดเลือกผู้ค้าและคณะทำงานทะเบียนผู้ค้า นอกจากนี้ ปตท. ได้เพิ่มเติมเงื่อนไขต่าง ๆ ในข้อกำหนด สำหรับงานจัดหาทุกงานเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ค้าดำเนินงานตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า

ปตท. กำหนดแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า โดยมีเนื้อหาและขอบเขตของแนวทางการปฏิบัติสอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมประเด็นด้านจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้จัดทำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีผลบังคับใช้กับผู้ค้าที่ทำสัญญากับ ปตท. ในวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และ/ หรือ งานที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้ค้าที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้ากับ ปตท. นอกจากนี้ ปตท. ได้กำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมและการบริหารจัดการผู้ค้า เพื่อสื่อสารทิศทางการดำเนินงาน แนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม และความรู้ด้านนโยบายการจัดหาตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนกับผู้ค้าทั้งหมด โดยมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น งานสัมมนาผู้ค้าประจำปี และเว็บไซต์ เป็นต้น

นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างความพึงพอใจของผู้ค้า และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ค้าและ ปตท. จึงได้มีการจัดงานสัมมนาผู้ค้าขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อสื่อความนโยบาย ทิศทางและแนวทางการดำเนินงานธุรกิจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อคิดเห็นระหว่างผู้ค้าและ ปตท.  รวมทั้งได้มีการสำรวจความพึงพอใจของผู้ค้าในการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารสัญญาทุกครั้งหลังกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและเมื่อสิ้นสุดกระบวนการบริหารสัญญา เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินงาน

ร้อยละของผู้ค้าใหม่

ร้อยละ 100 ผู้ค้าใหม่ ผ่านการคัดเลือกด้วยเกณฑ์การประเมินผู้ค้าด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน (ESG Assessment Criteria)

ร้อยละของผู้ค้าที่
ทำสัญญากับ ปตท.
ร้อยละ 100 ผู้ค้าที่ทำสัญญากับ ปตท. ในวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และ/ หรืองานที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้ค้าที่ต้องการขึ้นทะเบียนผู้ค้ากับ ปตท. ได้ลงนามรับทราบและปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท.


การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างปี 2560 - 2565

การจัดซื้อจัดจ้่างระหว่างปี

2560 - 2562

2561 - 2563

2562 - 2564

2563 - 2565

จำนวนคู่ค้า (ราย) คู่ค้าระดับที่ 1 4,690 2,852 3,328  4,062 
คู่ค้าหลักระดับที่ 1 26 25 31 32
คู่ค้าหลักที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง 8 11 12 13

มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง (พันล้าน)

68.77 66.40 67.56 77.35

มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างในประเทศไทย (พันล้านบาท)

65.15 63.26 64.22 74.69

มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง ในต่างประเทศ (พันล้านบาท)

3.62 3.14 3.34 2.66

หมายเหตุ:

คู่ค้าระดับที่ 1 หมายถึง กลุ่มผู้ค้าและผู้รับเหมา ที่มีสัญญาจัดซื้อจัดจ้างโดยตรงกับ ปตท. ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นพัสดุและสินค้า Non-Hydrocarbon
คู่ค้าหลักระดับที่ 1 หมายถึง กลุ่มผู้ค้าและผู้รับเหมาในระดับที่ 1 ที่ ปตท. ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์และเป็นพลังร่วมทางธุรกิจในระยะยาว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกันและสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นกลุ่มผู้ค้า/ผู้รับเหมาที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อทั้งกลุ่มผู้ค้า/ผู้รับเหมาเองและ ปตท. และขยายผลกระทบไปสู่ชุมชนโดยรอบ ทำให้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ซื้อทั้งทางด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์

การจัดหาสินค้าและบริการในท้องถิ่นGRI 204-1 (ร้อยละ)

จำนวนอุบัติเหตุรถขนส่งผลิตภัณฑ์ขั้นร้ายแรง
(Major Truck Accident Rate) (ครั้งต่อ 1,000,000 กิโลเมตร)


ความพึงพอใจของผู้ค้าต่อการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานจัดหา (ร้อยละ)

การประเมินความเสี่ยงของผู้ค้า

ปตท. จัดโครงสร้างทะเบียนผู้ค้าให้เอื้อต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงของผู้ค้าอย่างรัดกุม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน และป้องกันผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ ปตท. โดยทำการประเมินความเสี่ยงของผู้ค้ากลุ่มหลัก ตามโครงสร้างทะเบียนผู้ค้า ปตท. ใน 2 มิติ ได้แก่

  • ผู้ค้าที่มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการของผู้ค้า
  • ผู้ค้าที่มีความเสี่ยงต่อการดำเนินงานของ ปตท. เช่น มูลค่าการจัดหาหลักของ ปตท. การจัดหาสินค้า/ บริการหลักของ ปตท. และการจัดหาสินค้า/ บริการที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ เป็นต้น


การประเมินระดับความเสี่ยงกลุ่มงานสินค้าและบริการของ ปตท. เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้การบริหารกลุ่มงานผู้ค้าและแนวทางการบริหารจัดการผู้ค้าแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้

ระดับการบริหารกลุ่มงานผู้ค้าความหมายกลยุทธ์ในการบริหารจัดการเครื่องมือในการบริหารจัดการ
1. Critical/Strategic Supplier กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลกระทบในระดับรุนแรงต่อผู้ค้าเองและต่อชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ซื้อทั้งทางด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กร

พัฒนาความสัมพันธ์และพลังร่วมทางธุรกิจในระยะยาว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกันและสร้างมูลค่าเพิ่ม
  • แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. (PTT Suppliers Sustainable Code of Conduct: SSCoC)
  • ข้อกำหนดด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม สำหรับกลุ่มงาน Critical/  Strategic
  • แบบประเมินศักยภาพด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Assessment)
  • การตรวจสอบและประเมินการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของผู้ค้า
  • การบริหารจัดการความสัมพันธ์ผู้ค้า
  • การเสริมสร้างศักยภาพผู้ค้า
2. Key Supplier กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่ผลิตภัณฑ์กระจายไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งมีผลกระทบสูงต่อผู้ซื้อทั้งด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กร พัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย/ ความเสี่ยง และรักษาระดับการแข่งขัน
  • แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. (PTT Suppliers Sustainable Code of Conduct: SSCoC)
  • ข้อกำหนดด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมสำหรับกลุ่มงานทั่วไป
3. Managed/ Routine Supplier กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานส่วนใหญ่ในเชิงปฏิบัติการ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อชุมชนหรือบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยถึงปานกลางต่อผู้ซื้อ รักษาความสัมพันธ์ตามผลการดำเนินงาน และมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงตามความต้องการของลูกค้า
  • แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. (PTT Suppliers Sustainable Code of Conduct: SSCoC)
  • ข้อกำหนดด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมสำหรับกลุ่มงานทั่วไป

ตัวอย่างการบริหารผู้ค้าในกลุ่มงานที่มีความเสี่ยงด้าน ESG สูง : การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถยนต์

ปตท. ให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานที่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถยนต์ที่ ปตท. ได้ว่าจ้างให้ผู้รับเหมาดำเนินการแทน โดยมีการกำหนดข้อกำหนด และมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่ง ตลอดจนวิธีการและเครื่องมือในการบริหารจัดการและกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการขนส่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1. การขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางรถยนต์อย่างปลอดภัย ต้องเป็นไปตาม คู่มือการบริหารจัดการความปลอดภัยในการขนส่งทางรถยนต์ กลุ่ม ปตท. (PTT Group Road Safety Management Guideline: RSMG) โดยใช้หลัก 5 Pillars ในการบริหารจัดการให้บริษัทผู้ขนส่งที่เป็นคู่สัญญาฯ ของกลุ่ม ปตท. ทุกรายยึดถือและนำไปปฏิบัติ ประกอบไปด้วย
  • Pillar 1 SSHE Management กำหนดให้บริษัทผู้ขนส่งมีระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
  • Pillar 2 Organization Management กำหนดให้บริษัทผู้ขนส่งมีหน่วยงานที่ดูแลด้าน SSHE โดยเฉพาะ
  • Pillar 3 Vehicle & Equipment Management กำหนดให้บริษัทผู้ขนส่งมีการจัดหารถขนส่งและอุปกรณ์ประกอบที่ได้มาตรฐาน
  • Pillar 4 Driver Management กำหนดให้บริษัทผู้ขนส่งสรรหาและคัดเลือกพนักงานขับรถขนส่งตามคุณสมบัติที่กำหนด
  • Pillar 5 Journey Management กำหนดให้บริษัทผู้ขนส่งมีการประเมินความเสี่ยงเส้นทาง
2. กำหนดให้มีการติดตั้งอุปกรณ์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อช่วยในการติดตามและเผ้าระวังพฤติกรรมการขับรถอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยศูนย์ควบคุมการขนส่งและมีการจัดกิจกรรม Risk in Road Safety เพื่อส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขนส่งให้กับผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยมีขั้นตอนดังนี้
  • ผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์รายงานจุดเสี่ยงที่พบในเส้นการขนส่ง โดยระบุความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณนั้น
  • ปตท. ตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาจุดเสี่ยงจากระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ที่ผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์รายงาน และข้อมูลสถิติอุบัติเหตุบริเวณจุดเสี่ยงนั้น หากพบว่ามีความเสี่ยงสูง ปตท. จะสำรวจพื้นที่และตรวจประเมินความเสี่ยงโดยละเอียด
  • นำผลจากการประเมินจุดเสี่ยงของพื้นที่มาพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไข ป้องกัน หรือมาตรการลดความเสี่ยง ในกรณีที่จุดเสี่ยงนั้นมีความเสี่ยงสูง
  • สื่อความข้อมูลจุดเสี่ยงให้กับผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ทราบผ่านคณะทำงาน PTT Group Transportation Safety Management Taskforce

พร้อมทั้งมอบรางวัลให้กับผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์และพนักงานขับรถตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยในปี 2565 มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 65 คน และได้มีการรายงานจุดเสี่ยงจำนวน 95 จุด ซึ่งได้นำมาเก็บในฐานข้อมูล พร้อมทั้งสื่อความรายงานในที่ประชุมคณะทำงานความปลอดภัยในการขนส่งของกลุ่ม ปตท.

3. เพื่อให้มั่นใจในการนำไปปฏิบัติ ได้กำหนดให้มีการตรวจประเมินการบริหารจัดการบริษัทผู้ขนส่งตามมาตรฐาน RSMG อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งจากบริษัทคู่สัญญา และในปี 2565 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินของกลุ่ม ปตท. เพื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์การตรวจประเมินการบริหารจัดการด้านขนส่งกับบริษัทผู้ขนส่งในกลุ่ม ปตท. จำนวน 5 บริษัท เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และสร้างมาตรฐานการตรวจประเมิน RSMG ของกลุ่ม ปตท. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

4. สำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางเรือ ปตท. ได้ผลักดันการนำระบบ MTIS (Marine Terminal Information System) มาใช้งานในกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดให้มีการแชร์แนวปฏิบัติที่ดี (Best practice sharing) เกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งทางเรือ ให้กับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ผ่านคณะทำงาน PTT Group Transportation Safety Management Taskforce

การประเมินการดำเนินงานของผู้ค้าอย่างยั่งยืน

ปตท. มีกระบวนการตรวจสอบและประเมินผู้ค้า เพื่อประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานและความเสี่ยง กำหนดแผนการแก้ไข ประเมินผลภายหลังดำเนินการแก้ไขตามแผนร่วมกัน โดยคำนึงถึงคุณภาพ ปริมาณ ความปลอดภัยในการผลิตและส่งมอบ ข้อกำหนดเบื้องต้นของ ปตท. รวมถึงข้อกำหนดขั้นต่ำตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายด้านแรงงาน กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และกฎหมายด้านความปลอดภัย เป็นต้น มาตรฐานการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้อง เช่น ISO9001 ISO14001 ISO45001 เป็นต้น และการปฏิบัติตามนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชัน

ปตท. กำหนดแผนการตรวจสอบและประเมินผู้ค้าในกลุ่มงานที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงสูง (Critical/ Strategic Suppliers) ที่อาจเกิดผลกระทบในระดับรุนแรงต่อผู้ค้าเองและต่อชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ซื้อทั้งทางด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กร โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดเป้าหมายในการตรวจสอบและประเมินผู้ค้าให้ครบร้อยละ 100 ของผู้ค้าในกลุ่มงานที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งมีการตรวจสอบและประเมินผู้ค้าในกลุ่มงานดังกล่าวซ้ำในรอบทุก 3 ปี โดยในปี 2565 มีการดำเนินการตรวจสอบและประเมินผู้ค้าที่มีระดับความเสี่ยงสูงตามการประเมินความเสี่ยงจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ร่วมกับการวิเคราะห์มูลค่าการใช้จ่ายต่อปี จำนวน 8 ราย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 100 ของแผนงานประจำปี ทั้งนี้ในการตรวจสอบและประเมินผู้ค้าด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน (ESG) พบว่าได้คะแนนผลการประเมินมากกว่าหรือเท่ากับ 2.5 จากคะแนนเต็ม 4 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ ครบถ้วนทุกราย

โดยมีข้อเสนอแนะจากการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน (ESG) ให้ผู้ค้าดำเนินการ ดังนี้

มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental: E)

ข้อเสนอแนะจากการตรวจประเมิน

การจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management)
  • จัดให้มีการฝึกอบรม หรือการสื่อสารเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจ/
    ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมในหัวข้อที่สนับสนุนแผนงาน/โครงการด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท

มิติด้านสังคม (Social: S)

ข้อเสนอแนะจากการตรวจประเมิน

ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
(Safety, Hygiene and Environment in the Workplace)

  • จัดทำรายการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของชุมชนที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากกิจกรรมต่างๆ
    ของบริษัท พร้อมกำหนดแนวทางในการขจัด/ลดผลกระทบเหล่านั้น

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม
(Human Capital, Community, and Social Development)

  • จัดให้มีกิจกรรมร่วมกับชุมชนโดยใช้ศักยภาพของบริษัท เช่น การซ่อมบำรุงสาธารณะสมบัติ
    การรับนักศึกษาฝึกงาน (ในสายงานที่เกี่ยวข้อง) การร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ ของชุมชน

การจัดการแรงงาน และสิทธิมนุษยชน
(Labor Management and Human Rights)

  • จัดให้มีการรวบรวมรายการองค์ความรู้ที่คาดว่าจะมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต
  • สื่อสารนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน โดยอาจพิจารณาจากหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน
    หรือกรอบการดำเนินงานสากลที่สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจ ให้บุคลากรภายในองค์กรรับทราบร่วมกัน

มิติด้านการกำกับดูแล (Governance: G)

ข้อเสนอแนะจากการตรวจประเมิน

การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ
(Compliance with Laws and Regulations)

  • สื่อสารนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แสดงถึงความมุ่งมั่นการดำเนินงานตาม
    หลักการเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้บุคลากรภายในองค์กรรับทราบร่วมกัน

การจัดหาอย่างรับผิดชอบ
(Responsible Procurement)

  • สื่อสารนโยบายต่างๆ ของบริษัท (รวมถึงแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้าปตท.
    PTT Suppliers Sustainable Code of Conduct) ไปยังบริษัทคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของตนเอง
    พร้อมจัดทำช่องทางจัดเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน


หมายเหตุ: เกณฑ์การตรวจประเมินผู้ค้าด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ESG มีคะแนนเต็ม 4 คะแนน ผู้ค้าต้องได้รับคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 2.5 จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์



การสื่อสารการดำเนินงานสู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ระหว่าง ปตท. กับผู้ค้า และพัฒนาศักยภาพของผู้ค้าให้พร้อมสนับสนุน ปตท. ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล รวมทั้งความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ ปตท. จึงได้มีการจัดงานสัมมนาผู้ค้าเป็นประจำทุกปี ทั้งในภาพรวมส่วนกลางที่สำนักงานใหญ่ ในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง สายงานท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และสายงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ รวมจำนวน 4 ครั้ง โดยในปี 2565 ได้สื่อสารถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ ปตท. เปิดโอกาสให้ผู้ค้าในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงการทำงานร่วมกันให้เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้กับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน ตอบรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้โครงการ Digital Procurement เพื่อเตรียมรับมือและรู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของโลกที่อาจจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้กับผู้ค้าเพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานด้านความยั่งยืน  นอกจากนี้ ปตท. ยังมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการและการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มคู่ค้าตลอดสายโซ่อุปทานที่ ปตท. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริมให้เติบโตและก้าวไปด้วยกันอย่างยั่งยืน  รวมถึงได้มีการสื่อความเพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ค้าในเรื่องการขึ้นทะเบียนผู้ค้า ปตท. (Approved Vendor List: AVL) และการขึ้นทะเบียนรายการวัสดุอุปกรณ์สายงานระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ (NGR Approved Equipment and Material List: NGR AEML) เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้ค้าที่มีศักยภาพกับ ปตท. นอกจากนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ปตท. ได้จัดอบรม โครงการพัฒนาศักยภาพด้านความยั่งยืนของผู้ค้า ปตท. โดยการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาการอบรม ซึ่งสัดส่วนผู้ค้าที่อบรมคิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้ค้าที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว  อันจะนำไปสู่การเติบโตในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป

การบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน ระดับธุรกิจ

ปตท. กำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยเน้นคุณภาพและปริมาณส่งมอบที่ถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของ ปตท. และผู้ค้า รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มในภาพรวมของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซปิโตรเลียมเหลว

นอกจากนี้ ในการจัดทำสัญญาซื้อขายระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงขั้นตอนการดำเนินงานที่ระบุปริมาณการซื้อขายและช่วงเวลาส่งมอบล่วงหน้ากับผู้ค้ากลุ่มโรงกลั่น จะมีข้อกำหนดด้านการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และการดำเนินงานที่เป็นเลิศรวมอยู่ในสัญญาตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจัยด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (ESG) ถือเป็นหนึ่งในเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการคัดเลือกเชิงปริมาณหรือคุณภาพของผู้ค้า ทั้งกลุ่มในสัญญาที่มีอยู่เดิมและสัญญาใหม่ การประเมินนี้สอดคล้องตามแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของ ปตท. ประกอบด้วย ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและชุมชน

ในการบริหารจัดการความเสี่ยงในสายโซ่อุปทาน กลุ่ม ปตท. ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน และภาวะวิกฤตของกลุ่ม ปตท. และแผนบริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM) ผ่านศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน ภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ การซ้อมแผน BCM ร่วมกันเป็นประจำทุกปี ระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร การบริหารจัดการหลังเกิดเหตุ และการกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งมีการตรวจติดตามแผน BCM จากหน่วยงานภายนอกเพื่อติดตาม/ทบทวนให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์  โดยในส่วนของมาตรการควบคุมและลดความเสี่ยง รวมทั้งผลกระทบด้านการขาดแคลนพลังงานของประเทศ  ปตท. ได้ร่วมซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินกับกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2563 ปตท. ได้ร่วมซ้อมแผนรองรับเหตุฉุกเฉินด้านพลังงาน ระดับจังหวัด ซึ่งเป็นการจำลองเหตุการณ์กรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่จังหวัดลำปาง ส่งผลให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่สามารถผลิตและจ่ายไฟไปยังพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงซ้อมแผนด้านกระบวนการการสั่งการจากผู้บริหารและการรายงานการแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงแนวทางในการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน สำหรับเหตุการณ์เกิดเหตุขัดข้องที่อุปกรณ์ผสมคุณภาพก๊าซฯ หรือ Common Header ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผสมคุณภาพก๊าซฯ จากอ่าวไทยและ LNG จังหวัดระยอง จากเหตุแผ่นดินทรุดตัว  ซึ่งจากสถานการณ์จำลองข้างต้นที่ส่งผลกระทบต่อสายโซ่คุณค่าก๊าซธรรมชาติและปิโตรเคมี ปตท. จึงดำเนินการเชื่อมต่อกับศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินและบริหารความต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานและหลายกลุ่มธุรกิจ รวมถึง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในกระบวนการจัดการภาวะวิกฤต การสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ในปี 2564 ปตท. ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซักซ้อมความเข้าใจและเตรียมความพร้อม สำหรับเหตุการณ์ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในสาธารณรัฐเมียนมาร์ หยุดส่งก๊าซฯ จากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงให้เกิดกรณีที่ประเทศไทยไม่สามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตกทั้งหมด  เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ปตท. จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ สอดคล้องกับพันธกิจในการดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และในปี 2565 ปตท. ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฯ เตรียมความพร้อมร่วมกันภายใต้การซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานระดับประเทศกรณีการเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานแหล่งเอราวัณ (G1) เกิดปัญหาเชิงเทคนิคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ไม่สามารถจัดหา Spot LNG และสถานการณ์ตึงเครียดรุนแรงระหว่างรัฐบาลประเทศที่เป็นเจ้าของแหล่งพลังงานกับประชาชน ทำให้สหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ไม่มีก๊าซธรรมชาติจากประเทศดังกล่าว ส่งมายังประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการบูรณาการและยกระดับการตอบสนองต่อการรักษาความมั่นคงทางพลังงานของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดหาก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas: NG)  

การจัดหาก๊าซธรรมชาติ ของ ปตท. แบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่

  1. กำหนดรายละเอียดและข้อกำหนดในการจัดหาที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ข้อกำหนดกฎหมาย ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซฯ และข้อกำหนดของ ปตท.
  2. การพิจารณาคัดเลือกผู้ส่งมอบ/ คู่ค้า เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินข้อกำหนดของ ปตท.และข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและกลยุทธ์ของ ปตท. รวมถึงประสิทธิภาพและศักยภาพโดยรวมของผู้ส่งมอบ/ คู่ค้า
  3. สื่อสารข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการจัดหา รวมถึงการเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ กับผู้ขายก๊าซธรรมชาติ (ผู้ส่งมอบก๊าซฯ)/ คู่ค้า 
  4. ควบคุมการดำเนินงานของผู้ส่งมอบ/ คู่ค้าผ่านการบริหารสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ
  5. พัฒนาผู้ส่งมอบ/ คู่ค้า โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านการประชุม Operation Meeting ทุกเดือน การอบรมและสัมมนาเพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสาร รวมถึงนำความต้องการและความคาดหวัง และข้อร้องเรียนปัญหาคุณภาพก๊าซฯและปัญหาปริมาณก๊าซฯที่ส่งไม่ได้ตามสัญญาฯ มาประกอบการพิจารณาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
  6. ประเมินผลการส่งมอบแต่ละครั้ง รวมถึงการประเมินความสามารถในการให้บริการของผู้ส่งมอบ/ คู่ค้า ทุกเดือน และแจ้งให้ปรับปรุงหากผลการประเมินต่ำกว่ามาตรฐานหรือมีความผิดปกติ ทั้งนี้ จะมีการประเมินความสามารถในการจัดส่ง (Reliability) ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เพื่อจัดทำแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงวางแผนรองรับกรณีผู้ส่งมอบ/ คู่ค้าไม่สามารถดำเนินการจัดส่งได้

การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG)

การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของ ปตท. มี 2 รูปแบบคือการจัดหาในรูปแบบสัญญาระยะสั้น/กลาง/ยาวและการจัดหารายเที่ยวเรือในตลาดจร (Spot LNG) โดยกระบวนการจัดหาจะพิจารณาจากปริมาณและความต้องการของลูกค้า รวมถึงรข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ข้อกำหนดกฎหมาย ข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการของสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) และ ระเบียบ/ ข้อกำหนดของ ปตท. จากนั้น จะมีการพิจารณาคัดเลือกคู่ค้าให้เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินของ ปตท. รวมถึงประสิทธิภาพและศักยภาพโดยรวมของคู่ค้า จากนั้นจะมีการเจรจาจัดทำสัญญาฯ โดยมีการควบคุมการดำเนินงานของคู่ค้าผ่านการบริหารสัญญา และมีการประเมินผลการส่งมอบแต่ละครั้ง และแจ้งคู่ค้าให้ปรับปรุงหากพบผลการประเมินต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามพันธกิจและกลยุทธ์ของ ปตท.  กระบวนการจัดหา LNG นอกจากจะคำนึงถึงความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศแล้ว ยังต้องมีการพิจารณาเรื่องการเตรียมการเพื่อสร้างความพร้อมสำหรับการรองรับการเปิดเสรีธุรกิจ LNG ที่จะมีการแข่งขันมากขึ้นควบคู่กันไป ทำให้ ปตท. จะต้องมีการบริหารความเสี่ยงของการจัดหาและวางแผนบริหารจัดการ LNG Portfolio ให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม ผ่านการจัดหาทั้งในรูปแบบสัญญาระยะสั้น/กลาง/ยาวและ Spot LNG  เพื่อตอบสนองตามความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)  ของประเทศ

การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน

ปตท. และกลุ่ม ปตท. ให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงในการจัดหาสินค้า/ บริการและสร้างความมั่นใจในการให้บริการของผู้ค้า ตลอดจนการผลักดันให้กลุ่ม ปตท. มีการจัดซื้ออย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ในปี 2565 ปตท. ได้นำเกณฑ์ตามมาตรฐาน ISO20400:2017 มาประยุกต์ใช้กับการจัดหาสินค้าและบริการร่วมกันของบริษัทในกลุ่ม ปตท. จำนวน 3 รายการ และมีแผนจะขยายกลุ่มงานให้ครบถ้วนทุกกลุ่มงานภายในระยะเวลา 5 ปี

การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปตท. ได้ประกาศนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (PTT Green Procurement) ตามนโยบายของภาครัฐ โดยผู้ค้าที่ได้รับการคัดเลือกจากการเสนอราคาสามารถรายงานข้อมูลการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Product) ในการดำเนินงานให้กับ ปตท. ผ่านระบบ PTT Vendor Management ที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งระบบดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลปริมาณการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ ปตท. (Green Spending) จากผู้ค้า โดยในปี 2565 มีจำนวนงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสิ้น 21 งาน คิดเป็นมูลค่าการจัดหารวมทั้งสิ้น 345 ล้านบาท

การจัดหาในท้องถิ่น

ปตท. สนับสนุนการจัดหาสินค้าและบริการจากผู้ค้าในท้องถิ่น (ท้องถิ่น หมายถึง การจัดหาภายในประเทศไทย) ตลอดจนส่งเสริมให้มีการจัดหาสินค้าจากพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่เป็นหลัก เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ สร้างงาน และรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ มีข้อได้เปรียบในแง่ของต้นทุนที่ต่ำกว่า และการขนส่งที่รวดเร็วกว่า ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับชุมชน ส่งผลให้องค์กรได้รับความไว้วางใจจากชุมชนในการดำเนินการ นอกจากนี้ ปตท. ยังส่งเสริมให้ผู้ค้าดูแลและรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน ตลอดจนจัดหาสินค้าและบริการในท้องถิ่น เพื่อลดต้นทุนของสินค้าอีกด้วย

การพัฒนาระบบงาน Digital Procurement

ปตท. นำเทคโนโลยีมาปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนงานจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่การจัดทำฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภายใน การจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปี การจัดทำคำขอซื้อขอจ้าง การจัดทำขอบเขตของงาน การคัดเลือกผู้ค้า การจัดทำใบสั่งและสัญญา การบริหารสัญญา การตรวจรับ การวางบิล การชำระเงิน รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ค้า และการรับฟังความพึงพอใจในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ ปตท. โดยในปี 2565 ปตท. ได้พัฒนาระบบ PTT Bid Submission ขึ้น เพื่อรองรับการขอรับ/ซื้อเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง และการยื่นข้อเสนอและราคาผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้าในการเข้าร่วมงานจัดซื้อจัดจ้างกับ ปตท.  โดยสามารถดำเนินการทุกที่ทุกเวลา และมีการแจ้งเตือนผ่านอีเมลในทุกขั้นตอนการทำงาน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานโดยใช้ระบบในการควบคุมการขอรับ/ซื้อแบบและยื่นซอง  นอกจากนี้ยังดำเนินการรวมระบบฐานข้อมูลผู้ค้า ปตท. (PTT Vendor Master System: PTT VMS) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ PTT Vendor Management (PTTVM) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผู้ค้าของ ปตท. ให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน และการจัดทำระบบแบบประเมิน ESG สำหรับให้ผู้ค้าประเมินการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยตนเอง ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งกลุ่ม ปตท.  นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ค้าได้รับข่าวสารการประมูลได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ยังได้ปรับปรุงระบบการตอบรับเข้าร่วมเสนอราคาของผู้ค้า PTT AVL ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การสนับสนุนความโปร่งใสตลอดสายโซ่อุปทาน

ปตท. เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรเป็นรายเดือน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก เป็นการตอบสนองการดำเนินกลยุทธ์ด้าน Transparency & Sustainability ในการเป็นองค์กรที่โปร่งใส โดย ปตท. ปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่อง กำหนดให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐเป็นข้อมูลที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9 (8) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต นโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องและแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้ประสบความสำเร็จ  อีกทั้ง ปตท. ได้เสนอโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือโครงการก่อสร้างที่มีงบประมาณตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป ต่อกรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และดำเนินการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้โดยประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของ ปตท. ที่ดำเนินงานอย่างโปร่งใส โดยในปีงบประมาณ 2565 มี 2 โครงการจัดซื้อจัดจ้างของ ปตท. ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมจัดทำข้อตกลงคุณธรรมเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์โพรเพนขั้นสูงสุด (GSP Propane Supremacy) และงานก่อสร้างระบบโครงข่ายการควบคุมก๊าซเชื้อเพลิงที่เหมาะสมสำหรับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ (GSP Optimal Fuel Network)

นอกจากนี้ ปตท. จะได้รับการตรวจประเมินการเปิดเผยข้อมูลขององค์กรเป็นประจำทุกปี โดยเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง เกณฑ์การคัดเลือกผู้ค้า และข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง 5 โครงการสูงสุดประจำปี เป็นต้น

การเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานจัดหา

ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้ดำเนินการทบทวนและวางแผนการพัฒนาพนักงานในสายอาชีพจัดหาเป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการทำงานของพนักงาน ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการอบรม สื่อความ รวมถึงกระบวนการบริหารจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management: KM) โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานให้สามารถประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับการทำงานจัดหาได้อย่างเชี่ยวชาญภายใต้โครงการ Digital Procurement ซึ่ง ปตท. พัฒนาขึ้นเพื่อให้กระบวนการจัดหาสินค้าและบริการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบ มีความคล่องตัว และลดระยะเวลาการทำงาน เพื่อสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจในกฎหมายและหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานให้สามารถดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

และในปี 2565 ปตท. ยังได้จัดอบรมหลักสูตรอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการประยุกต์ใช้แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน การพัฒนาผู้ตรวจประเมินศักยภาพการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของผู้ค้ากลุ่ม ปตท. (PTT Group ESG Auditor) และการอบรมหลักสูตร Human Rights (สิทธิมนุษยชนเบื้องต้น) เพื่อให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจในเกณฑ์การประเมินศักยภาพด้านความยั่งยืนของผู้ค้าของกลุ่ม ปตท. (PTT Group ESG) หลักการพื้นฐานของการตรวจประเมิน แนวทางและกระบวนการในการเป็นผู้ตรวจประเมินที่ดี โดยสามารถนำไปปรับใช้หรือบูรณาการเข้ากับกระบวนการตรวจประเมินผู้ค้าแต่ละรายให้สามารถดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การอบรมหลักสูตรประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุภาครัฐ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจหลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ไม่ได้มีบัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  ให้แก่พนักงานของบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อให้สามารถบริหารงานจัดซื้อจัดจ้างตามอำนาจหน้าที่ของตนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ