ปลูกป่า ได้มากกว่าต้นไม้
จุดเริ่มต้นโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ ของ ปตท.
![]() |
การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ของ ปตท. เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในปี 2537 เมื่อ ปตท. รับอาสาปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1 ล้านไร่ จาก 5 ล้านไร่ ใน “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50” ของรัฐบาล เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย โดยมีพื้นที่เป้าหมายกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่พื้นที่ป่าดิบเขาบนภูเขาสูงในภาคเหนือ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ บนที่ราบสูงกว้างใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ป่าดิบลุ่มต่ำในภาคกลาง และภาคตะวันออก จนถึงป่าพรุและป่าชายเลนสองฝั่งทะเลในภาคใต้
![]() |
แปลงปลูกป่า FPT49 อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ในปี พ.ศ.2540 |
แปลงปลูกป่า FPT49 กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดให้คนไทยรักษาและอนุรักษ์ผืนป่า เนื่องในวันที่ 14 กรกฎาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินธรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินปลูกต้นประดู่ป่า "ต้นที่ 100 ล้าน" ณ แปลงปลูกป่า FPT49 แห่งนี้ และได้พระราชทานวโรกาสให้ผู้แทนชุมชนที่เข้าร่วมพิธี วางอุปกรณ์และอาวุธที่ใช้ในการตัดไม้ทำลายป่า ล่าสัตว์ เพื่อร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณที่จะรักษาพื้นป่าให้อยู่รอดตลอดไป
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ ไม่เพียงฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่เคยถูกทำลาย และเพิ่มพื้นที่สีเขียวกลับคืนให้กับประเทศรวม 1,043,230 ไร่ แต่ยังส่งผลต่อความตื่นตัว ตระหนักในความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ และสานต่อเจตนารมณ์ในการดูและรักษาสิ่งแวดล้อม เกิดเครือข่ายอนุรักษ์และรักษาป่าให้ยั่งยืน โดยป่าปลูกทั่วประเทศได้รับการดูแลรักษาป่าระยะยาว จากเครือข่ายชุมชนรอบแปลงปลูกป่า รวมถึงเครือข่ายความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการอนุรักษ์ดิน น้ำ ป่าที่ขยายผลต่อมา ได้แก่ รางวัลลูกโลกสีเขียว ในปี พ.ศ. 2542 ที่ปัจจุบัน ยังคงค้นหาเพื่อยกย่องเชิดชูบุคคล ชุมชน เยาวชน ที่มีผลงานในด้านการอนุรักษ์ดูแลรักษาป่า และโครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ ซึ่งขยายผลสู่ชุมชนหยั่งรากสร้างองค์ความรู้ เชื่อมโยงเครือข่าย และประชาชนทั่วไป ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านการดำเนินงานของสถาบันลูกโลกสีเขียว
![]() |
แปลงปลูกป่า FPT 29 อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ.2545 |
ป่าปลูกจากจุดเริ่มต้น ได้เติบโตและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ โดยการวิจัยของศูนย์วิจัยป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าป่าที่ ปตท. ได้ดำเนินการปลูกและดูแลรักษาตั้งแต่ ปี 2537 ถึงปัจจุบัน สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สามารถคิดเป็นมูลค่าผลประโยชน์จากป่ากว่า 280 ล้านบาท/ปี และยังคงมีความ อุดมสมบูรณ์มากกว่า 80% ด้วยความร่วมใจดูแลรักษาจากหน่วยงาน และชุมชน อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้างการพึ่งพาตัวเอง ส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจที่ดีแก่ชุมชนโดยรอบพื้นที่แปลงปลูกป่า
เป้าหมายสู่ Net Zero emissions ของ ปตท.
ประเทศไทยได้ประกาศจุดยืนและเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดย ปตท. ประกาศเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 เป็นเป้าหมายระยะยาวของ ปตท.
ปตท. สานต่อภารกิจปลูกป่าเพิ่ม 1 ล้านไร่ ก้าวต่อไปเพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคม Net Zero
ปตท. จุดพลังชีวิต พลิกผืนป่า "1 ต้นกล้า สู่ป่าล้านที่ 2" โดยมุ่งหวังในการฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีทางธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อน ปตท. สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)ทั้งนี้ ปตท. ตั้งเป้าหมายปลูกป่าเพิ่ม 1 ล้านไร่ และความร่วมมือจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ รวมเป็น 2 ล้านไร่ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) และเมื่อรวมกับพื้นที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่เดิม คาดว่าพื้นที่แปลงปลูกป่าของกลุ่ม ปตท. กว่า 3 ล้านไร่ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 20% ของปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ ปตท. ซึ่งจะมีศักยภาพในการดูดซับมากกว่า 4.15 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ควบคู่กับการนำแปลงปลูกขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ T-VER ที่จะยกระดับการปลูกฟื้นฟูป่าให้มีมาตรฐานเป็นไปตามหลักวิชาการ และขอรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO) จากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
![]() |
![]() |
นอกจากนี้ ผืนป่าที่ฟื้นฟูกลับมาจะทำหน้าที่ให้บริการทางนิเวศ (Ecosystem service) ทั้งเป็นแหล่งต้นน้ำ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนอีกด้วย
สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. (PTT Reforestation and Ecology Institute)
จากประสบการณ์กว่า 25 ปี ปัจจุบัน โครงการปลูกป่า ปตท. ได้ยกระดับขึ้นเป็นโดยสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. (PTT Reforestation and Ecology Institute) ทำหน้าที่เพื่อต่อยอดภารกิจจากโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ ตั้งแต่ปี 2537 รวมถึงภารกิจสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนด้านการอนุรักษ์ส่งเสริมระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามเป้าหมาย รวมทั้งพัฒนาศูนย์เรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ เพื่อเป็นพื้นที่ศึกษา วิจัย และเผยแพร่ขยายผลองค์ความรู้สู่สาธารณะ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านศูนย์เรียนรู้ทางธรรมชาติทั้ง 3 แห่ง ได้แก่- ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง กรุงเทพมหานคร
- ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จังหวัดระยอง
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง กรุงเทพมหานคร |
![]() |
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ |
![]() |
ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จังหวัดระยอง |
ศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติทั้ง 3 แห่ง ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (รางวัลกินรี) หลากหลายสาขา เช่น สาขาท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ระดับยอดเยี่ยม และประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน เป็นต้น โดยในปี 2566 มีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมทั้ง 3 ศูนย์ รวม 63,176 คน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนโดยรอบ 688,526 บาทต่อปี ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บได้ 6,554.87 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีและสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
![]() |
ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จังหวัดระยอง |
การดำเนินงานส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การมีส่วนร่วมในการเพิ่มและรักษาฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า
ปตท. ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา ภาคีเครือข่ายทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาชน และสถาบันการศึกษาร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวคุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่อง โดยลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ โครงการสวนกลางมหานคร อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างโครงการ OUR Khung BangKachao โดยมูลนิธิชัยพัฒนา กับกรมป่าไม้ และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่าง กรมป่าไม้ กับ ปตท. เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยในปี 2566 ปตท. ได้ดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวในการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานด้านพื้นที่สีเขียวของโครงการ OUR Khung BangKachao ดำเนินการฟื้นฟูดูแลรักษาพื้นที่สีเขียวราชพัสดุในพื้นที่แล้ว 1,276 ไร่ และพัฒนาพื้นที่ส่วนบุคคลให้เป็นพื้นที่เกษตรต้นแบบจำนวน 9 แปลง รวม 51 ไร่ พื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการตรวจประเมินจากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าคุ้งบางกะเจ้ามีพื้นที่สีเขียวจำนวน กว่า 6,000 ไร่ ชุมชนโดยรอบที่ได้รับประโยชน์ 305 ครัวเรือน เกิดการกระจายรายได้ ประมาณ 2.8 ล้านบาท
![]() |
การมีส่วนร่วมในการบริหารสถาบันและงานรางวัลลูกโลกสีเขียว
ปตท. จัดตั้งโครงการ “ลูกโลกสีเขียว” ขึ้นในปี 2542 ภายหลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ จากประสบการณ์ในการปลูกป่าดังกล่าว พบว่าการปลูกป่าให้ยั่งยืนนั้น จะต้องปลูกป่าในใจคนด้วย ดังนั้น “รางวัลลูกโลกสีเขียว” จึงเกิดขึ้นเพื่อค้นหาบุคคล ชุมชน เยาวชน ที่มีผลงานด้านการอนุรักษ์ดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อม เพื่อยกย่อง เชิดชู และมอบให้เป็นกำลังใจแก่กลุ่มคนเหล่านั้น![]() |
ต่อมายกระดับเป็น “สถาบันลูกโลกสีเขียว” เพื่อสานต่องานยกย่องเชิดชูนักอนุรักษ์ และต่อยอดภารกิจสำคัญในการพัฒนาเครือข่ายงานวิจัย และจัดการองค์ความรู้จากผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียว เพื่อเป็นแบบอย่างของการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีผลสำเร็จ เป็นประโยชน์ในการนำมาใช้ และต่อยอดขยายผล เพื่อช่วยให้ชุมชนอื่น ๆ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
![]() |
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.greenglobeinstitute.com |
รางวัลลูกโลกสีเขียว
สถาบันลูกโลกสีเขียว ประกาศผลรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 21 ภายใต้แนวคิด “วิถีพอเพียง แบ่งปัน ผูกพัน ดิน น้ำ ป่า” จำนวน 44 ผลงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไทยจากทั่วประเทศ ใน 7 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย ประเภทชุมชน จำนวน 8 ผลงาน/ ประเภทบุคคล จำนวน 3 ผลงาน/ ประเภทกลุ่มเยาวชน จำนวน 8 ผลงาน/ ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต จำนวน 13 ผลงาน/ ประเภทความเรียงเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 2 ผลงาน/ ประเภทความเรียงเยาวชนอายุ 16 – 25 ปี จำนวน 6 ผลงาน/ ประเภทงานเขียน จำนวน 3 ผลงาน/ และประเภทงานสื่อมวลชน จำนวน 1 ผลงานในปี 2566 ปตท. ขยายผลนำความรู้จากพื้นที่ต้นแบบสู่เครือข่ายชุมชนอื่น โดยเผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะและจัดเวทีคืนความรู้ตามภูมิภาคต่าง ๆ รวม 4 ภาค รวมถึงนำองค์ความรู้จากผลงานที่ได้รับรางวัลมาใช้ประโยชน์สำหรับการดำเนินงานโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยกรรมการของสถาบันลูกโลกสีเขียวเป็นวิทยากร เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานปลูกป่าใหม่
เครือข่ายหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ
ปตท. ได้ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายดำเนินงาน “โครงการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อย่างต่อเนื่องเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ส่งผลให้เกิดการขยายผลการปลูกและใช้ประโยชน์หญ้าแฝกอย่างแพร่หลายในภาคประชาชน ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศ มีแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับสถาบันการศึกษา หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ตื่นตัวต่อการปลูกหญ้าแฝกเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการรวมตัวเป็นเครือข่ายคนรักษ์แฝก ร่วมขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ดินและน้ำ และต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสริมสร้างรายได้และพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนอีกด้วย![]() |
-
การกำกับดูแลความยั่งยืน
- กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน
- การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล
- การปฏิบัติที่เป็นธรรม
- ระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
- การบริหารความเสี่ยงเเละภาวะวิกฤต
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- เครือข่ายด้านความยั่งยืน
- การเปิดเผยข้อมูลและการประเมินผลด้านความยั่งยืน
- มิติด้านเศรษฐกิจ
- มิติด้านสิ่งแวดล้อม
- มิติด้านสังคม