ความยั่งยืน

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม

ความยั่งยืน

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม

ปตท. มีความตั้งใจดำเนินงานกิจการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน (Together for Sustainable Thailand and Sustainable World) โดยทบทวนและปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสม และได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานโดยพิจารณาจากปัจจัยภายในและภายนอกตามสถานการณ์ ได้แก่ การสร้างคุณค่าร่วม และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมด้วยการนำความรู้ความเชี่ยวชาญของกลุ่ม ปตท. เข้าในช่วยในงานพัฒนาชุมชน การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) การสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ปัญหาการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาในการเข้าถึงพลังงาน รวมถึงผลสำรวจความต้องการของสังคมชุมชน นอกจากนี้ ปตท. ยังมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลักสำคัญในการดำเนินงาน สนับสนุนชุมชนในประเด็นต่าง ๆ ตามลำดับความต้องการของชุมชน โดย ปตท. เชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชน จึงมุ่งดำเนินกิจการเพื่อสังคม เพื่อให้คนไทยร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ

โดย ปตท. ได้กำหนด “ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน” ไว้ใน “แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568” และมีการกำหนดตัวชี้วัด เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว และกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance) อยู่ในลำดับ 1st Quartile ของตัวชี้วัดในระดับสากลที่สำคัญ คือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI)

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pttplc.com


การดำเนินงานมิติการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม

สร้างโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพ และส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต

เนื่องจากเล็งเห็นถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ปตท. จึงสนับสนุนให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และส่งเสริมศักยภาพในการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดทุกช่วงวัย ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างโอกาสทางการศึกษา การส่งเสริมทักษะและความคิดสร้างสรรค์ โดย ปตท. ได้ดำเนินงานพัฒนาการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายต่าง ๆ ผ่านโครงการที่สำคัญ ดังนี้

การมีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) และสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ณ วังจันทร์วัลเล่ย์ จังหวัดระยอง

1. โรงเรียน กำเนิดวิทย์ (KVIS)

กลุ่ม ปตท. สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระยะยาวผ่านโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ตั้งแต่เริ่มเปิดการเรียนการสอนในปี 2558 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างรากฐานในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ผ่านการพัฒนางานวิจัยและสร้างบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนักนวัตกรรมชั้นนำของประเทศในอนาคต



  • จำนวนนักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ในปี 2567 จำนวน 72 คน (รวมสะสมทั้งหมด 7 รุ่น จำนวน 494 คน) ได้ไปศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ร้อยละ 68 ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพร้อยละ 31 ได้รับทุนศึกษาต่อด้าน STEM ทั้งในและต่างประเทศเฉลี่ยร้อยละ 53 พร้อมกันนี้ ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานวิจัยได้รับรางวัลจากการแข่งขันในเวทีระดับชาติและนานาชาติจำนวนมาก อีกทั้งมีผลงานจดอนุสิทธิบัตร ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ ได้รับเชิญไปนำเสนอในเวทีระดับนานาชาติ นอกจากความสำเร็จด้านวิชาการแล้ว นักเรียนกำเนิดวิทย์ยังได้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาและกิจกรรมพัฒนาตนเองด้านอื่น ๆ หลากหลาย นับเป็นความสำเร็จเชิงประจักษ์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการมีส่วนร่วมสร้างอนาคตให้กับประเทศ

    สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kvis.ac.th

2. สถาบันวิทยสิริเมธี  (VISTEC)

เป็นสถาบันการศึกษาระดับขั้นอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศที่กลุ่ม ปตท. สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน โดย มีความหมายของชื่อสถาบันที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งว่า “สถาบันแห่งผู้รู้อันยอดเยี่ยมด้านวิชาวิทยาศาสตร์” เป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาเอก และปริญญาโท มุ่งเน้นการวิจัยอย่างเข้มข้นทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยี โดยมีศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า เสริมสร้างความเข้มแข็งทางการวิจัย และให้การสนับสนุนด้านทุนการวิจัยแก่สถาบันฯ ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการศึกษา วิจัย การสร้างนวัตกรรม สร้างความร่วมมือทางด้านวิจัยกับสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 50 มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของโลกในปี พ.ศ 2578


สถาบันวิทยสิริเมธี  (VISTEC)
ในเมืองแห่งนวัตกรรม Smart City วังจันทร์วัลเลย์ (Wangchan Valley) จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 3,454 ไร่


  • สถาบันฯ ได้ผลิตผลงานวิจัยชั้นแนวหน้า ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ อีกทั้ง ยังได้รับการจัดอันดับใน Nature Index Ranking ให้เป็นอันดับที่ 1 มหาวิทยาลัยของประเทศไทยที่มีผลงานวิจัย “ชั้นเลิศ” ทางด้านวิทยาศาสตร์เคมีด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และด้านวิทยาศาสตร์รวมทุกสาขา รวมถึงความ มุ่งมั่นสร้างผลงานวิจัยชั้นแนวหน้าทางด้าน Computer Sciences ทำให้สถาบันฯ ได้ก้าวขึ้นสู่ “อันดับที่ 1” ของกลุ่มมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยการจัดอันดับบนฐานข้อมูลของเว็บไซต์ CSrankings.org
  • จำนวนมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกจากสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในปี 2567 จำนวน 46 คน (รวมสะสมทั้งหมด 169 คน)

ประเภทผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ จากสถานบันวิทยสิริเมธี  (VISTEC)



สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vistec.ac.th/


3. การพัฒนาทักษะความรู้และสร้างแรงบันดาลใจด้าน STEM

กลุ่ม ปตท. ระดมจุดแข็งและองค์ความรู้ของกลุ่ม ปตท. มาพัฒนาการศึกษาด้านสะเต็มศึกษา (STEM) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยร่วมมือกับโรงเรียนกำเนิดวิทย์และสถาบันวิทยสิริเมธี  สร้างแรงบันดาลใจและเปิดมุมมอง​การเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่เยาวชนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมรวม 69 โรงเรียน ครู 90 คน และนักเรียน 216 คน  ผ่าน 3 โครงการ ประกอบด้วย
  • โครงการส่งเสริมสะเต็มศึกษา ปี 2567 ซึ่งเป็นกิจกรรมค่ายเชิงปฏิบัติการทำโครงงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
  • โครงการเตรียมความพร้อมสู่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโรงเรียน ปี 2567 ผ่านกิจกรรมค่ายเชิงปฏิบัติการทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT)
  • โครงการ PTT Group STEM Camp 2024 ได้เรียนรู้ทักษะด้าน STEM อาทิ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และการคิดวิเคราะห์ ผ่านฐานกิจกรรมการทดลองจริงและสถานการณ์จำลอง

ศิลปกรรม ปตท.

สร้างสรรค์สังคมด้วยศิลปะ

ปตท. ไมได้ส่งต่อแต่เรื่องพลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งต่อพลังดีๆ แก่สังคมผ่านงานศิลปะ โดยเป็นหนึ่งในเรื่องการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นับตั้งแต่ทศวรรษแรกของการเริ่มต้นการประกวดศิลปกรรม ปตท. ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2529 โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนไทยผ่านศิลปะ โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศิลปากร จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว ศิลปกรรม ปตท. ได้ดำเนินมาอย่าง ต่อเนื่องยาวนานมากกว่าสามทศวรรษจจนถึงปัจจุบันคือปีที่ 39 และมีโอกาสเป็นเวทีการประกวดผลงานศิลปกรรมที่ยาวนานต่อเนื่องเวทีหนึ่งของประเทศไทย บ่มเพาะศิลปิน บุคลากรในวงการศิลปะ และการศึกษาศิลปะของประเทศ โดยได้มีส่วนในการรังสรรค์ศิลปินแล้วกว่า 28,000 คน โดยมีผลงานกว่า 36,000 ชิ้น ที่ได้ส่งเข้าประกวดในโครงการ PTT ART AWARDS

ปัจจุบันเป็นเวทีการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัย ที่เปิดกว้างและสร้างโอกาสให้กับทุกคนในสังคม จึงได้เพิ่มประเภทผลงานรางวัลร่วมสมัย อาทิ Contemporary Art และ Digital Art ที่สามารถสร้างประโยชน์สู่สังคม ชุมชน อีกทั้งเป็นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนในเวทีการประกวดระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ผลงานจากเวทีประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 39 ภายใต้หัวข้อ “พลังที่ส่งต่อ”

PTT Art Gallery @ บ้านเจ้าพระยา

ปตท. ได้เปิดพื้นที่แสดงงานศิลปะและสร้างโอกาสเข้าถึงงานศิลปะสำหรับทุกคน  รวมถึง จัดให้มีกิจกรรมสำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจงานศิลปะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างต่อเนื่อง  ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมโยงเครือข่ายศิลปินในประเทศไทย ศิลปินที่เคยได้รับรางวัลศิลปกรรม ปตท. ในรูปแบบกิจกรรมศิลปะที่สามารถสร้างประโยชน์สู่สังคม ชุมชน โดยตลอดปี 2567 มีผู้เยี่ยมชมกิจกรรม Art Exhibition สะสมกว่า 29,469 คน

PTT Art Gallery at บ้านเจ้าพระยา ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ จ.กรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 - 19.00 น. ยกเว้นวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์



การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเด็ก และเยาวชนด้านกีฬา

กลุ่ม ปตท. จับมือสมาคมกีฬา สนับสนุนโครงการพัฒนากีฬาและนักกีฬาอย่างครบวงจรในระยะยาว โดยให้การสนับสนุน 20 สมาคมกีฬา ภายใต้การกำกับดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี (2567-2570) ด้วยงบประมาณรวมปีละ 200 ล้านบาท เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ทั่วประเทศได้ฝึกฝนทักษะด้านกีฬา และเข้าร่วมการแข่งขันมาตรฐานระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทย โดยในการแข่งขันโอลิมปิก ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สมาคมกีฬาภายใต้การสนับสนุนของกลุ่ม ปตท. สามารถสร้างผลงานโดดเด่น โดยคว้าเหรียญรางวัลได้ 2 สมาคม ได้แก่ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย (1 เหรียญทอง) และสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย (1 เหรียญทองแดง) นอกจากนี้ ปตท. ร่วมกับสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย จัดโครงการ “ว่ายน้ำเพื่อชีวิต” เพื่อสอนการว่ายน้ำแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำ และร่วมกับสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย มอบอาหารและหญ้าแห้ง ยาและเวชภัณฑ์ และสนับสนุนการเคลื่อนย้ายพื้นที่ให้กับผู้ประสบภัยและสัตว์ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ อ.แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่




ด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมชุมชน กลุ่ม ปตท. เพิ่มขีดความสามารถชุมชนเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน โดยดำเนินงานโครงการชุมชนเข้มแข็ง รายละเอียด ดังนี้

โครงการชุมชนเข้มแข็ง

  • ดำเนินการต่อยอดความสำเร็จของโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม กลุ่ม ปตท. สู่การพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง โดยเสริมทักษะด้านการเกษตรด้วยแนวคิดการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในรูปแบบร่วมทุน ให้ชุมชนได้มีบทบาทความเป็นเจ้าของร่วมกัน เสริมแนวคิดความคุ้มค่าคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์ และร่วมขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานทางเศรษฐกิจโดยรวมของชุมชน ผ่านโมเดลเศรษฐกิจยั่งยืน (BCG Economy Model) สำหรับการเสริมศักยภาพด้านการเกษตรสมัยใหม่ โดยนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของแต่ละบริบทชุมชนเข้าไปประยุกต์ใช้ในแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย โซล่าเซลล์สูบน้ำ ระบบรดน้ำอัจฉริยะ โรงเรือนเพาะปลูก เตาเผาถ่าน โดรนเพื่อการเกษตร ปุ๋ยนาโนซิงค์ออกไซด์ และไบโอบูสเตอร์  โดยในปี 2567 ได้พัฒนาชุมชนเข้มแข้งจำนวน 143 ครัวเรือน ใน 7 พื้นที่แม่ข่าย  ที่สามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้ชุมชนเครือข่ายอื่นๆ ต่อไป ได้แก่
    • ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
    • ตำบลบ้านน้ำพุ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
    • ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
    • ตำบลคำแคน อำเภอมัญจสคีรี จังหวัดขอนแก่น
    • ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี
    • ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
    • ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนรินทร์ จังหวัดพัทลุง 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนงานพัฒนาทักษะชุมชน โดยฝึกอบรมทักษะช่างชุมชน เน้นให้ความรู้ในการออกแบบ ติดตั้ง และซ่อมบำรุงรักษาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาดูงานและการทำ Workshop ในพื้นที่ต้นแบบ รวมจำนวน 33 คน และเริ่มศึกษาพัฒนาโมเดลหรือนวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำ และวางแผนการพัฒนาพื้นที่ชุมชนในเครือข่าย ปตท. ให้เป็นจุดเรียนรู้ต้นแบบด้านบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคและการเกษตร ที่เกิดจากภัยแล้งให้เป็นรูปธรรม

โครงการชุมชนยิ้มได้

เพื่อเป็นการต่อยอโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนมีความยากลําบากด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปตท. จึงพัฒนา Platform www.ชุมชนยิ้มได้.com ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัด เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยได้เปิด “ร้านชุมชนยิ้มได้ Official Store” แห่งแรก ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าชุมชนอีกทางหนึ่ง

ปัจจุบัน จากการดำเนินการตลอดทั้งปี 2566 ขณะนี้มีสินค้า และผลิตภัณฑ์ชุมชนอยู่บนช่องทางการจำหน่ายของเครือข่าย ร้านชุมชนยิ้มได้รวม 1,474 SKU จาก 453 ชุมชน เช่น อาหารแปรรูป ของใช้ของที่ระลึก สมุนไพรแปรรูป ผ้าและเครื่องแต่งกาย และเครื่องดื่ม โดยสามารถรวมรายได้จากทุกช่องทางการจำหน่ายกว่า 2.4 ล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการชุมชนยิ้มได้มีแผนการดำเนินงานที่จะขยายช่องทางการจำหน่าย และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ งานออกร้าน Pop-up Store ในพื้นที่เครือข่ายความร่วมมือ และสถานศึกษา และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อเป็นกลไกในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างชุมชนยั่งยืน

การพัฒนาชุมชนยั่งยืน กำหนดกรอบการพัฒนาในมิติต่างๆ ได้แก่ มิติด้านพลังงาน  มิติด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  มิติด้านเศรษฐกิจชุมชน โดยพัฒนาชุมชนต้นแบบต่อยอดจากพื้นที่เครือข่ายชุมชนเดิมของ ปตท. ด้วยการนำความรู้และนวัตกรรมของ ปตท.หรือ กลุ่ม ปตท. ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนตามแผนพัฒนาพื้นที่และการจัดการพลังงานชุมชนแต่ละแห่ง สร้างช่างชุมชนให้มีความสามารถในการจัดการนวัตกรรมที่มีได้ด้วยตนเอง ส่งเสริมความรู้ด้านการเกษตรยั่งยืน  พัฒนาทักษะด้านการตลาดครบวงจร สร้างโอกาสในการเชื่อมกับธุรกิจ กลุ่ม ปตท.และพันธมิตรเครือข่ายต่างๆรวมถึง สร้างคนรุ่นใหม่เพื่อสานต่องานชุมชนในพื้นที่



ระบบก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร

เพื่อแก้ไขปัญหากลิ่นรบกวนจากฟาร์มสุกรและนำของเสียจากฟาร์มสุกรผลิตเป็นก๊าซชีวภาพใช้ภายในชุมชนทดแทนการก๊าซหุงต้ม และถ่านไม้ในครัวเรือน นอกจากนี้ ยังต่อยอดด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ชุมชน

ต้นแบบการดำเนินงานโครงการระบบก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร ที่มีความโดดเด่น ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี มีจุดเด่นจากกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนใน การวิเคราะห์ศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ออกแบบและพัฒนาระบบฯ ตลอดจนมีการจัดตั้งคณะทำงานของชุมชน ลดความขัดแย้งจากปัญหากลิ่นจากการปล่อยน้ำเสียจากฟาร์มสุกร ซึ่งปัจจุบันโมเดลท่ามะนาว ได้ถูกขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ เกิดเป็นชุมชนต้นแบบที่ประชาชนมีส่วนร่วมในระบบการจัดการพลังงานท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ


ศูนย์เรียนรู้ และเครือข่ายชุมชน ปตท.

ปตท. และชุมชนเครือข่ายทั่วประเทศได้ร่วมกันดำเนินงานภายใต้โครงการ “รักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง” ได้นำความรู้ที่ได้แบ่งปันสู่เครือข่าย โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนผ่านเวทีเครือข่าย เพื่อนำไปขยายผลอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับการสร้างคุณภาพชีวิต ให้มีความสอดคล้องตามบริบทความต้องการของชุมชน ทั้งด้านพลังงานชุมชน การจัดการทรัพยากรชุมชน อีกทั้งมิติด้านเกษตรยั่งยืน และด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ได้ต่อยอดใช้ประโยชน์ความรู้จากเครือข่ายรางวัลลูกโลกสีเขียวและหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการอีกด้วย

แปลงเรียนรู้ เกษตรแปลงใหญ่ ตำบลท่ามะนาว จังหวัดลพบุรี



การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

กลุ่ม ปตท. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ผ่าน บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด โดยต่อยอดจากจุดแข็ง หรือใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ที่มีอยู่ของกลุ่ม ปตท. โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ว่างงาน เกษตรกร และชุมชน  โดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ

1. โครงการร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน เพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance)
มีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ อาทิ กลุ่มผู้พิการทางการได้ยิน กลุ่มผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ ฯลฯ ให้มีงานประจำที่มีรายได้แน่นอน รวมถึงได้สร้างศักยภาพให้กลุ่มดังกล่าวในด้านธุรกิจกาแฟ ปัจจุบันมีร้านกาแฟ Café Amazon for Chance ทั้งหมด 6 สาขา สร้างงานประจำให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส 21 คน
  • สร้างศักยภาพให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผ่านการอบรมหลักสูตรบาริสต้าที่ศูนย์ฝึกอบรม Amazon Inspiring Campus (AICA) ของธุรกิจ Café Amazon (OR) และเข้าฝึกงานที่ร้านกาแฟ Café Amazon for Chance
  • สร้างความเข้าใจให้สังคมเพื่อส่งเสริมการสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสผ่านการสื่อสารในร้าน Café Amazon for Chance
ทั้งนี้ ได้เป็นต้นแบบให้แก่ร้าน Café Amazon ของบริษัท  น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)  ที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้นกว่า 354 สาขาทั่วประเทศ)


2. โครงการจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชน
มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มช่องทางที่แน่นอนในการจำหน่ายเมล็ดกาแฟให้แก่เกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม และส่งเสริมการปลูกและผลิตกาแฟภายใต้ระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทักษะอาชีพด้านการปลูกและการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน รวมถึงส่งเสริมการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งของชุมชน ปัจจุบัน มีกลุ่มเกษตรกรจากในพื้นที่ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พื้นที่ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เข้าร่วมโครงการ รวมพื้นที่ปลูกกาแฟประมาณ 4,585 ไร่ โดยในปี 2567 บริษัทรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลา จากเกษตรกรรวมทั้งสิ้นจำนวน 426 ตันกะลา

  • จำนวนผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 327 คน มีรายได้เพิ่มขึ้น
  • จัดอบรมเรื่องกระบวนการแปรรูปเมล็ดกาแฟแบบ Honey Process ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่โครงการ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://sarnpalung.pttgrp.com

3. โครงการศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนปฐมวัยของ ปตท.
มีเป้าหมายเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มแม่บ้านการรถไฟแห่งประเทศไทย และเป็นศูนย์ต้นแบบให้แก่ภาครัฐและภาคเอกชน ในการตอบสนองนโยบายภาครัฐ สำหรับการแก้ไขปัญหาการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย โดยเปิดดำเนินการ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 นับจากเริ่มดำเนินงานจนถึง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 มีเด็กเข้ารับบริการจำนวน 27 คน

  • สร้างงานประจำให้แก่สตรีด้อยโอกาสอันเกิดจากมีการศึกษาน้อย จำนวน 3 ราย มีรายได้รับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11,000 บาทต่อเดือนต่อคน และพยาบาลผู้สูงอายุ 1 คน มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน
รายละเอียดเพิ่มเติม https://pttdaycare.com/

การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ

กลุ่ม ปตท. เฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติตลอดทั้งปี เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและฟื้นฟูให้ประชาชนรอบพื้นที่ธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนสนับสนุนการช่วยเหลือของแก่ประชาชน ให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตและสามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็ว ในปี 2567 มีจำนวนผู้ได้รับประโยชน์สะสมจากการให้ความช่วยเหลือรวมกว่า 49,200 ราย

นอกจากนี้ สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทั้งในและต่างประเทศ ยังได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการชมรม PTT Group SEALs ประกอบด้วยพนักงานจิตอาสาจากบริษัทในกลุ่ม ปตทกลุ่ม ปตท. พร้อมอุปกรณ์สนับสนุน เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในช่วงที่สังคมเกิดภาวะวิกฤติ ทั้งด้านกำลังพล การกู้ภัย อาหาร ความช่วยเหลือต่าง ๆ เป็นจิตอาสาที่ไม่แสวงผลตอบแทน มากว่า 10 ปี นับตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา และมีแผนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน


การขับเคลื่อนสังคมด้วยกิจกรรมจิตอาสา

เพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกในการทำประโยชน์เพื่อสังคม  ปตท.  จึงได้สร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานภายในองค์กร  ในการร่วมเป็นอาสาสมัครเชื่อมโยงกิจกรรมกับเครือข่ายกลุ่ม ปตท. ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่มีใจอาสาร่วมเป็นสมาชิกและทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน ทำให้เกิดความหลากหลายของกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมผ่านกิจกรรมจิตอาสา  ที่มุ่งประเด็นตามปัญหาสังคมและทิศทางธุรกิจ เช่น กิจกรรมจิตอาสาที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพ ผู้สูงอายุ อาทิ การทำคุณช้างจับมือ  การจัดทำศิลปะบนถุงผ้า การทำถุงมือป้องกันการดึงสายน้ำเกลือ  เพื่อมอบให้แก่ผู้ป่วยตามโรงพยาบาล  และกล่องส่งความสุข เพื่อมอบให้แก่เยาวชนที่ด้อยโอกาส  เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานโดยเฉพาะพนักงานรุ่นใหม่ๆ ผ่านโครงการจิตอาสา DIY เปิดโอกาสให้พนักงานเสนอโครงงานเพื่อสังคมที่ตนเองสนใจเข้าประกวด เพื่อขอรับงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการ ร่วมกับ “ชมรมพลังไทย ใจอาสา”  และการสนับสนุนจากสมาคมสโมสรพนักงาน ปตท. (สสม. ปตท.)