การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน |
ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ
ปตท. ตระหนักและให้ความสำคัญกับการควบคุม ป้องกัน และลดมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระบวนการผลิตและอุปกรณ์ของ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการปฏิบัติการของระบบก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชนรอบข้าง และประชาชนทั่วไปได้ จึงได้มุ่งมั่นในการยกระดับการควบคุมคุณภาพอากาศภายในบริเวณ รวมทั้งโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติงานอย่างจริงจัง โดยลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการบำบัด/ กำจัดมลพิษ การศึกษาและค้นคว้าหาวิธีลดมลพิษที่แหล่งกำเนิด การติดตามตรวจวัด และจัดการคุณภาพอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และลดลงอย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย
ปตท. ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพอากาศ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน โดยกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อัตราการเพิ่มการระบายมลพิษทางอากาศของทุกปีเป็นศูนย์ อีกทั้งกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (QSHE) โดยมีตัวชี้วัดมลพิษทางอากาศ ได้แก่ ปริมาณก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur Dioxide: SO₂) และปริมาณการระบายสารอินทรีย์ระเหย (Volatile Organic Compounds: VOCs) สำหรับมลพิษอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) นั้น มีการตรวจวัดและรายงานหน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งเพื่อเฝ้าระวังและค้นหาวิธีการหรือเครื่องมือในการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยของพนักงาน ผู้ปฏิบัติงาน ชุมชนและสังคม
แนวทางการจัดการ
ปตท. กำหนดให้การบริหารจัดการและการควบคุมคุณภาพอากาศ เป็นหนึ่งในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้ การบริหารจัดการด้าน SSHE มีการกำหนดนโยบาย เป้าหมายระยะยาวและประจำปี ตลอดจนติดตามตรวจวัดและกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย มาตรฐาน แนวปฏิบัติ นโยบาย เป้าหมายและขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งมีการทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามโครงสร้างกำกับดูแลด้าน SSHE ที่กำหนดเป็นรายไตรมาส อีกทั้งมีการรายงานหน่วยงานราชการและเปิดเผยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องได้รับทราบอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง
ปตท. ตระหนักถึงความรับผิดชอบและมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านการควบคุมคุณภาพอากาศที่พร้อมตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน จึงได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุม ป้องกันและลด รวมทั้งตรวจติดตามคุณภาพอากาศ เพื่อให้สอดคล้องตามที่กฎหมาย ตลอดจนรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) กำหนด บริษัทได้ลงทุนติดตั้ง/ ใช้อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงระดับสากลมาประยุกต์ใช้เพื่อควบคุมคุณภาพอากาศที่ระบายออกสู่ภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนให้น้อยที่สุด
โครงการ/ Initiatives ที่สำคัญ
การควบคุมการปล่อยก๊าซประเภทออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) และก๊าซออกไซด์ของซัลเฟอร์ (SOx) จากกระบวนการผลิต
ปตท. มุ่งเน้นควบคุมที่แหล่งกำเนิด โดยเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยลด/ กำจัดมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Dry Low Emission (DLE) Selective Catalytic Reduction (SCR) โดยได้ขยายผลการติดตั้งอุปกรณ์ลด/บำบัดมลพิษ ตลอดจนติดตามตรวจวัดและกำกับดูแลการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนพัฒนาการควบคุมคุณภาพอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงสุดการลดการฟุ้งกระจายและการรั่วซึมของสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากกระบวนการผลิต
ในการควบคุมการปล่อย VOCs ปตท. เลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการติดตามตรวจวัดอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีกล้องตรวจจับการรั่วไหลของ VOCs ควบคู่ไปกับการบำรุงรักษาอุปกรณ์เชิงป้องกันเพื่อลดการรั่วไหล ในปี 2565 ได้ดำเนินการศึกษา VOCs Control Techniques เพื่อพัฒนาวิธีการควบคุมสารอินทรีย์ระเหย (Volatile Organic Compounds: VOCs) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นการควบคุมและแก้ปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
ปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของภาคประชาสังคม ปตท. ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาคเอกชนที่มีบทบาทในการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังนี้- สนับสนุนมาตรการระยะยาวของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ของรัฐบาล โดยนำน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีค่ากำมะถันต่ำเฉลี่ย 10 ppm ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ถึง 5 เท่า มาจำหน่ายผ่านสถานีบริการ PTT Station ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออก
- สำหรับแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 อื่น ๆ เช่น การเผาในที่โล่งแจ้ง ปตท. ได้สนับสนุนให้เกษตรกรเก็บใบอ้อย และนำไปเผาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนมาตรการของภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย
- สถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้พัฒนานวัตกรรมเครื่องบำบัด PM2.5 และเชื้อโรคในอากาศ (PTT Innovative Hybrid Treatment Prototype for PM2.5 and Airborne Pathogen Removal) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2564 ประเภทรางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น ด้านความคิดสร้างสรรค์ และได้ขยายผลจากการติดตั้งใช้งานในจุดต่างๆ ของ พื้นที่อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่รวมถึงในการประชุมผู้ถือหุ้นของ ปตท. ไปยังพื้นที่อุตสาหกรรมตามแนวท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ สถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักเอ็นจีวี รวมถึงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ แล้วกว่า 100 จุด ตามที่วางแผนไว้ในปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี สระบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ราชบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมีแผนการขยายผลไปยังพื้นที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกกว่า 200 จุด ในปี 2565
- สถาบันนวัตกรรม ปตท. พัฒนาระบบ Smart Sensor สำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ (PM2.5) “HAWA” (PM Alert air quality monitoring system) ด้วยเทคโนโลยี Laser scattering ส่งผ่านข้อมูลด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ NB-IoT บริหารจัดการข้อมูลผ่านระบบ Cloud server แสดงผลผ่าน Direct text message, Web application, และ Web API สำหรับการนำข้อมูลไปใช้งานบน Platform อื่นๆ สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยติดตั้งในพื้นที่อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ สถานีบริการก๊าซธรรมชาติ และคลังปิโตรเลียมภาคตะวันออก โดยในปี 2566 มีการขยายการติดตั้งระบบ Smart Sensor สำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ครอบคลุมสถานปฏิบัติการของ ปตท. เช่น ศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ กว่า 30 พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการประเมิน ติดตามและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน
- ศึกษาการคาดการณ์ค่าความเข้มข้น PM2.5 ล่วงหน้า ด้วยการประยุกต์ใช้แบบจำลอง ได้แก่ Mekong Air Quality Explorer โดยได้ติดตามเปรียบเทียบกับค่าความเข้มข้น PM2.5 ที่ตรวจวัดได้จริงของกรมควบคุมมลพิษ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงาน
- จัดหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) มาให้ผู้บริหารใช้แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 70 คน โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่ 1 พ.ย. 2566 และทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นในปีต่อไป เพื่อการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
การทบทวนเป้าหมายการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศกลุ่ม ปตท.
ในปี 2566 คณะทำงาน Environment Taskforce (E-TF) กลุ่ม ได้ร่วมกันทบทวนเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศ (Air Emission) ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายด้านการดำเนินงานด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (QSHE) เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนตัวชี้วัดและผลการดำเนินงานที่สำคัญ
ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ ปตท. : ด้านสิ่งแวดล้อม-
การกำกับดูแลความยั่งยืน
- กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน
- การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล
- การปฏิบัติที่เป็นธรรม
- ระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
- การบริหารความเสี่ยงเเละภาวะวิกฤต
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- เครือข่ายด้านความยั่งยืน
- การเปิดเผยข้อมูลและการประเมินผลด้านความยั่งยืน
- มิติด้านเศรษฐกิจ
- มิติด้านสิ่งแวดล้อม
- มิติด้านสังคม