ความยั่งยืน

การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล

ความยั่งยืน

การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
 





ผลกระทบ ความเสี่ยงและโอกาส

ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญของการมีโครงสร้างการกำกับดูแลที่แข็งแรงอันเป็นพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและการคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของคณะกรรมการและคณะผู้บริหาร เพื่อเสริมสร้างผลประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ การมีโครงสร้างการกำกับดูแลที่ดีจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร เพิ่มโอกาสในการเติบโตขององค์กรในระดับสากล ในทางตรงกันข้าม หากบริษัทมีโครงสร้างการกำกับดูแลที่ไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดด้านผลกระทบเชิงลบ เพิ่มความเสี่ยงให้มีข้อพิพาททางกฎหมายจนส่งผลให้เกิดการดำเนินคดีหรือค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และส่งผลถึงภาพลักษณ์ของบริษัท จนถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักการดำเนินธุรกิจ 

วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย

ปตท.มีหลักการบริหารและดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” และมีเป้าหมายในการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ที่สอดคล้องตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจและแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และสร้างความน่าเชื่อถือต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

แนวทางการบริหารจัดการ 

โครงสร้างกำกับดูแลและคณะกรรมการGRI2-9

ปตท. กำหนดโครงสร้างกำกับดูแลองค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการ ปตท. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นเพื่อกำกับดูแลแนวทางการดำเนินงานของ ปตท. โดยแบ่งเป็นคณะกรรมการเฉพาะเรื่องจำนวน 5 คณะ ช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยมีฝ่ายจัดการ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินกิจการและบริหารงานของบริษัทโดยรวม มีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท

องค์ประกอบของคณะกรรมการ ปตท.GRI2-9, GRI2-11

โครงสร้างคณะกรรมการฯ (Board of Directors) เป็นระบบคณะกรรมการ 1 ระดับชั้น (One-Tier System)  ประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ซึ่งในปัจจุบันมีกรรมการอิสระทั้งสิ้น  12 คน และกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหาร 2 คน  ทั้งนี้ ปตท. ได้กำหนดให้ประธานกรรมการ ไม่เป็นผู้บริหารของ ปตท. และเป็นคนละบุคคลกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ อันเป็นแนวปฏิบัติต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2544 เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

คุณสมบัติของกรรมการ ปตท.

คณะกรรมการ ปตท. ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่ส่งเสริมและเป็นประโยชน์แก่ ปตท. ได้เป็นอย่างดี มีความทุ่มเทและให้เวลาอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ คณะกรรมการได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นเพื่อกำกับดูแลแนวทางการดำเนินงานของ ปตท. โดยสามารถอ่านรายละเอียดนโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวกับคณะกรรมการฯ รวมถึงมีการเปิดเผยประวัติและรายละเอียดการดำรงตำแหน่งของกรรมการทุกรายในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) และเว็บไซต์หัวข้อคณะกรรมการ ปตท.

คุณสมบัติของกรรมการอิสระ

ปตท. ได้กำหนดให้มีจำนวนกรรมการอิสระไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ และกำหนดให้กรรมการอิสระไม่สามารถดำรงตำแหน่งเกิน 9 ปีต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปตท.ยังได้กำหนดคุณสมบัติของกรรมการอิสระ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือที่แนบมา คุณสมบัติกรรมการอิสระของ ปตท.

กระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการGRI2-10

เพื่อให้เกิดความโปร่งใส คณะกรรมการสรรหาทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการใหม่ เมื่อมีตำแหน่งว่างลง (จากการลาออก หรือครบวาระ) เพื่อเสนอคณะกรรมการ ปตท. หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อดำเนินการแต่งตั้งกรรมการบริษัท โดยคำนึงถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ความรู้ ความเป็นอิสระ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อ ปตท. ตามองค์ประกอบใน Board Skill Matrix ของ ปตท. และฐานข้อมูลกรรมการ (Director Pool) ของกระทรวงการคลังและของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รวมทั้งไม่มีกรณีผลประโยชน์ขัดแย้งกับ ปตท. (Conflict of Interest) อีกทั้งคุณสมบัติของกรรมการที่ต้องการสรรหา ต้องให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
กระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการ พิจารณาเกณฑ์ ดังนี้

  • นโยบายการพิจารณาถึงความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัทฯ ในกระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการ: ปตท. ได้ให้ความสำคัญกับความหลากหลายของคณะกรรมการ โดยให้ความสำคัญกับความแตกต่างทางด้านสังคม เชื้อชาติ เพศ ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม คณะกรรมการสรรหาได้กำหนดเป้าหมายในการสรรหากรรมการหญิงอย่างน้อย 2 ท่าน เพื่อให้โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการมีความหลากหลาย
  • การพิจารณาคุณสมบัติด้านความรู้ หรือประสบการณ์เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน (Industry Experience ตามเกณฑ์ GICS Level 1): ปตท.ได้พิจารณาถึงคุณสมบัติในการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาอาชีพที่จำเป็นต่อการบริหารกิจการของ ปตท. ได้อย่างสมดุล เช่น ผู้ที่มีความรู้ด้านธุรกิจพลังงาน/ปิโตรเลียม ด้านกฎหมาย/นิติศาสตร์ ด้านบัญชี/การเงิน
กระบวนการสรรหาและแต่งตั้งระดับจัดการ 

เนื่องจาก ปตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้น การสรรหาและแต่งตั้งระดับจัดการ ในตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมถึงผู้บริหารท่านอื่น ๆ จึงต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย
สำหรับการสรรหาและแต่งตั้งตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการใหญ่นั้น ทางคณะกรรมการสรรหาได้มีการกำหนดทักษะที่จำเป็นของผู้นำบริษัท (CEO หรือเทียบเท่า) ที่ต้องการสรรหา เช่น ในเรื่องของความหลากหลายของระดับจัดการ คณะกรรมการสรรหาให้ความสำคัญกับความแตกต่างทางด้านสังคม เชื้อชาติ เพศ ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม รซึ่งปัจจุบัน ระดับจัดการของ ปตท. มีผู้บริหารระดับสูงผู้หญิง 4 ท่าน คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนระดับจัดการทั้งหมด ทั้งนี้คณะกรรมการสรรหาได้มีการวางแผน Succession Plan เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้การขึ้นดำรงตำแหน่งเพื่อทดแทนผู้บริหารระดับสูงที่จะเกษียณอายุในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า อย่างต่อเนื่อง

บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ปตท. และระดับจัดการGRI2-12
ระดับคณะกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลและจัดการ ปตท. ให้มีการดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตลอดจนนโยบาย หรือแนวทางที่ได้กำหนดไว้ เช่น
  • อนุมัติแผนการดำเนินงานและงบประมาณประจำปี
  • แต่งตั้งฝ่ายบริหาร เพื่อรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ, แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง เพื่อรับผิดชอบเฉพาะเรื่องที่ได้รับมอบหมาย, แต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัท, แต่งตั้งเลขานุการบริษัท รับผิดชอบการดำเนินการประชุม
  • การกำหนดค่าตอบแทน
  • การบริหารความเสี่ยง ซึ่งต้องพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการกำกับดูแล ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
  • การกำกับดูแลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการผ่านการรายงานผลการดำเนินการทั้งในส่วนที่เป็นตัวเงินและส่วนที่ไม่ใช่ตัวเงิน ในที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. รายไตรมาส
  • ติดตามการดำเนินงานของฝ่ายจัดการผ่านคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง เพื่อช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญอย่างรอบคอบ ขับเคลื่อนให้ดำเนินการตามกลยุทธ์และกรอบนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
  • การเข้าร่วมประชุมของคณะกรรมการ ปตท.: ปตท. ได้กำหนดสัดส่วนการเข้าร่วมประชุมของกรรมการที่ร้อยะ 80 โดย ปตท. มีการกำหนดการประชุมคณะกรรมการ ปตท. ไว้อย่างเป็นทางการล่วงหน้าตลอดปี โดยในปี 2567 กำหนดการประชุมเดือนละ 1 ครั้งในทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน และได้แจ้งตารางการประชุมคณะกรรมการ ประจำปี 2568 ให้กรรมการทราบในการประชุมคณะกรรมการ ปตท. นัดพิเศษ ครั้งที่ 11/2567 วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567
  • การดำรงตำแหน่งกรรมการ:
    1. ดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจ และ/หรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้น ได้ไม่เกิน 3 แห่ง
    2. ดำรงตำแหน่งกรรมการใรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ไม่เกิน 3 แห่ง และไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ในข้อ 1 ทั้งนี้การดำรงตำแหน่งกรรมการรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 5 แห่ง
โดย สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หัวข้อ อำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ คณะกรรมการ
ระดับจัดการ มีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารบริษัทตามแผนงานหรืองบประมาณตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ปตท. อย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ สุจริต รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด ฝ่ายจัดการใช้อำนาจในการบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการจัดการของ ปตท. (PTT Management Committee: PTTMC) และมีคณะกรรมการระดับจัดการชุดอื่น ๆ อีก 61 คณะ ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาและจัดการเรื่องภายในบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบด้านความยั่งยืนของคณะกรรมการและระดับจัดการ
GRI2-9,2-12,2-13,2-14

ปตท. กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยระบุโครงสร้าง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ทั้งในระดับคณะกรรมการบริษัท  ระดับจัดการ รวมทั้งหน่วยงานภายใน เพื่อผลักดัน สนับสนุน ติดตาม และทบทวนการบริหารจัดการประเด็นสำคัญและผลกระทบด้านความยั่งยืนในภาพรวม ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดังภาพ ประกอบด้วย

  • ระดับคณะกรรมการ: คณะกรรมการ ปตท. มอบหมาย คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน หรือ Corporate Governance and Sustainability Committee (CGSC) มีหน้าที่ความรับผิดชอบและบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำ คำปรึกษา ติดตามการดำเนินงานและเห็นชอบการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ดังนี้
    • เห็นชอบการกำหนด/ ทบทวนวิสัยทัศน์ กรอบกลยุทธ์ แผนธุรกิจของบริษัท
    • เห็นชอบนโยบายเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ได้แก่ นโยบายบริหารจัดการความยั่งยืน นโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี คำแถลงการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งนโยบายเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
    • เห็นชอบทิศทางกลยุทธ์ กระบวนการบริหารจัดการ และแผนแม่บทการบริหารจัดการความยั่งยืน ฯ
    • เห็นชอบการระบุและประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ที่มีหรืออาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสิทธิมนุษยชนขององค์กร
    • เห็นชอบให้มีกำกับดูแลการดำเนินงานของแต่ละหน่วยธุรกิจในการจัดการประเด็นความยั่งยืน รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้อง
    • เห็นชอบให้มีกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทย่อยในการสื่อสาร และการจัดการประเด็นด้านความยั่งยืน รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้อง
    • ให้คำแนะนำ คำปรึกษา รวมทั้งสนับสนุนเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายความร่วมมือต่าง ๆ ในการบริหารจัดการผลกระทบของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร
    • ติดตามความก้าวหน้า รวมทั้งทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผลการดำเนินงานการบริหารจัดการผลกระทบของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร เป็นรายไตรมาส
  • ระดับจัดการ: ดูแลภาพรวมด้านความยั่งยืน พิจารณา ผลักดัน และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งยังกลั่นกรองรายละเอียดก่อนเสนอต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน ประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
    • คณะกรรมการจัดการการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร หรือ Governance Risk and Compliance Management Committee (GRCMC)
    • คณะกรรมการกลยุทธ์และบริหารความยั่งยืน กลุ่ม ปตท. หรือ PTT Group Sustainability Strategy and Management Committee (GSMC)
  • ระดับสายงานตามโครงสร้างองค์กร: สายงานรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ประกอบด้วย 2 สายงาน ได้แก่
    • ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์และบริหารความยั่งยืน ทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ แผนแม่บท และแผนงานต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กรและกลุ่ม ปตท.
    • ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เทคโนโลยีและธุรกิจการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ทำหน้าที่ศึกษาพัฒนา ธุรกิจดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และธุรกิจไฮโดรเจน ร่วมกับกลุ่ม ปตท. และพันธมิตรต่าง ๆ

การพัฒนาความรู้และศักยภาพคณะกรรมการ
GRI2-17 

คณะกรรมการ ปตท. และผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญต่อการเข้าร่วมอบรมสัมมนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการอย่างสม่ำเสมอ (รายละเอียดการอบรมแสดงอยู่ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การพัฒนากรรมการ ปตท. ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) โดยกรรมการ ปตท. ส่วนใหญ่ (มากกว่าร้อยละ 90) มีประวัติได้เข้ารับการอบรมกับสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รวมทั้งองค์กร/ สถาบันชั้นนำอื่น ๆ และการเข้าร่วมสัมมนาต่าง ๆ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดให้คณะกรรมการได้ดูงานจากหน่วยงานหรือองค์กรอื่นตามความเหมาะสม เพื่อทำให้เกิดมุมมองความคิดที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของ ปตท. ให้เติบโตอย่างยั่งยืน 
นอกจากนี้ กรรมการ ปตท. ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่น ๆ ของบริษัท เช่น การตรวจเยี่ยมธุรกิจ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การตรวจเยี่ยมธุรกิจของบริษัท PTT International Trading USA Inc. (PTTT USA) และบริษัท PTTGC America Corporation (GCA Corp) ของคณะกรรมการตรวจสอบ เป็นต้น 

การประเมินผลการดำเนินงานคณะกรรมการGRI2-18 
ปตท. จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการเป็นประจำทุกปี ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท. โดยแบบประเมินคณะกรรมการบริษัท จะมี 5 แบบ ตามรายละเอียดการประเมินในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2567 ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การประเมินผลตนเองของคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วย 
  • แบบประเมินผลคณะกรรมการทั้งคณะ
  • แบบประเมินผลคณะกรรมการรายบุคคล (กรรมการประเมินตนเอง)
  • แบบประเมินผลคณะกรรมการรายบุคคล (ประเมินโดยกรรมการท่านอื่น)
  • แบบประเมินผลคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง (กรรมการเฉพาะเรื่องประเมินการทำงานของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องที่ตนเองดำรงตำแหน่ง) และ
  • แบบประเมินบทบาทหน้าที่และผลการปฏิบัติงานของประธานกรรมการ ความพึงพอใจการทำงานของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานกรรมการเฉพาะเรื่องในแต่ละคณะ (ประเมินโดยกรรมการทุกท่าน)
คณะกรรมการสามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินนี้ในการพิจารณาทบทวนผลงาน ปัญหาและอุปสรรคในปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ปตท. ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ มีการเปิดเผยผลการประเมินไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/ รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2560 คณะกรรมการได้นำตัวชี้วัดการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการฯ (KPI) มาวัดผลการดำเนินงาน เพื่อประกอบการพิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการด้วย

การประเมินผลการดำเนินงานคณะกรรมการ ปตท. โดยผู้ประเมินอิสระ

คณะกรรมการ ปตท. ยังได้รับการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ โดยผู้ประเมินอิสระ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เป็นประจำทุกปี และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) เป็นประจำทุก 2 ปี (หรือตามระยะเวลาที่ IOD กำหนด)

นโยบายและกระบวนการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการGRI2-19, GRI2-20 

ปตท. ได้กำหนดนโยบายค่าตอบแทนกรรมการที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผล โดยมีคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ทำหน้าที่ทบทวนค่าตอบแทนกรรมการให้มีความเหมาะสม โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระความรับผิดชอบของกรรมการ สถานะการเงินของบริษัท ผลการดำเนินงานของ ปตท. ตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (Performance Agreement: PA) และเปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน โดยกำหนดค่าตอบแทนเป็นค่าตอบแทนรายเดือน เบี้ยประชุม และโบนัส อนึ่ง กรรมการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะเรื่องชุดอื่น ๆ ก็ให้ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ค่าตอบแทนกรรมการประจำปี 2568 ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เมื่อวันพุธที่ 11 เมษายน 2568  ดังนี้

1) ค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมคณะกรรมการ ปตท. ประกอบด้วย
  • ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 30,000 บาทต่อท่าน โดยประธานกรรมการได้รับค่าตอบแทนรายเดือนเป็นสองเท่าของกรรมการ
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 60,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25 โดยจำกัดการจ่ายเบี้ยประชุม ไม่เกิน 1 ครั้งต่อเดือน ในกรณีมีเหตุสมควร อาจพิจารณาจ่ายได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่ต้องไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี
2) ค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมคณะกรรมการเฉพาะเรื่องที่คณะกรรมการ ปตท. แต่งตั้งเท่ากับอัตราเดิม ดังนี้
2.1 คณะกรรมการตรวจสอบ
  • ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท เท่ากับอัตราเดิม โดยประธานกรรมการได้รับเท่ากับกรรมการ
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 45,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25 และเลขานุการฯ ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 7,500 บาท (คงเดิม)
2.2 สำหรับคณะกรรมการอื่น คือ คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร และคณะกรรมการชุดย่อยอื่น ที่อาจมีการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัทตามความจำเป็นและเหมาะสมในอนาคต กำหนดค่าตอบแทน เท่ากับอัตราเดิม ดังนี้
  • ค่าตอบแทนรายเดือนไม่มีเช่นเดิม
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 30,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25
  • ค่าตอบแทนอื่นๆ: ไม่มีค่าตอบแทนอื่นๆ
3) เงินโบนัสคณะกรรมการ ปตท. ประจำปี 2566
กำหนดค่าตอบแทนที่เป็นเงินโบนัสกรรมการ ประจำปี 2567 ตามผลประกอบการหรือกำไรสุทธิของ ปตท. เป็นอัตราเงินโบนัสเท่ากับร้อยละ 0.05 ของกำไรสุทธิ ประจำปี 2567 และให้คำนวณจ่ายตามระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ภายในวงเงินไม่เกิน 60,000,000 บาท ทั้งคณะ โดยประธานคณะกรรมการ ปตท. จะได้รับโบนัสสูงกว่ากรรมการ ในอัตราร้อยละ 25 (จ่ายตามนโยบายเดิม)


ทั้งนี้ ได้เปิดเผยค่าตอบแทนที่กรรมการได้รับเป็นรายบุคคล ปี 2567 ไว้ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการ ปตท.ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report)

นโยบายการกำหนดค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่GRI2-19
สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ปตท. จะเป็นผู้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้สะท้อนถึงผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ตลอดจนแนวปฏิบัติและมาตรฐานของกลุ่มธุรกิจชั้นนำประเภทเดียวกันภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งอัตราการขึ้นเงินเดือนและอัตราค่าตอบแทนพิเศษประจำปีจะสอดคล้องกับผลการประเมินคะแนน KPIs และผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน (ระยะสั้น) และผลการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ในระยะยาวของ ปตท. อันเป็นการแสดงถึงวิสัยทัศน์และการสร้างมูลค่าเพิ่ม/ ขีดความสามารถให้กับองค์กรในระยะยาว โดยมีการนำเสนอหลักการและจำนวนค่าตอบแทนที่เหมาะสมต่อคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาและอนุมัติ ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 
  • ปัจจัยที่ 1 ผลการดำเนินงานตามระบบการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Assessment Model: SE-AM)
  • ปัจจัยที่ 2 ผลการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่นำเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท.
  • ปัจจัยที่ 3 ความสามารถในการบริหารจัดการและภาวะผู้นำ และ
  • ปัจจัยที่ 4 การประเมิน 360 องศา
ทั้งนี้ โดยมีตัวชี้วัดที่สะท้อนการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ได้แก่ ความสามารถในการบริหารแผนลงทุนตามทิศทางกลยุทธ์และแผนธุรกิจ ที่มุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อสร้างประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-efficiency) การพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง PTT New Business Achievement เพื่อมุ่งสู่ Low carbon business

กระบวนการในการกำหนดค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และผลการดำเนินงานGRI2-20
คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดให้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. นำเสนอผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปีให้คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนพิจารณา จากนั้นคณะกรรมการจะกำหนดค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.ตามผลการปฏิบัติงานทั้งทางด้านการเงิน และไม่ใช่ทางการเงิน โดยกำหนดเกณฑ์ให้ครอบคลุมเป้าหมายที่ท้าทายตามกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท ทั้งความรับผิดชอบและการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน (ESG) ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจและบริษัทจดทะเบียน มีความเป็นอิสระในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิผลภายใต้รัฐบาลไทย และผ่านการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนด ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้นการประเมินค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีการกำหนดเกณฑ์ไว้ 4 ประการ ได้แก่ SE-AM KPIs (20%) ผลการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่นำเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. (40%) ความสามารถในการบริหารจัดการและภาวะผู้นำ (30%) และการประเมิน 360 องศา (10%)

ตัวชี้วัดผลตอบแทนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทนของ CEO  คือ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (ROIC)

คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนจะพิจารณาผลการดำเนินงานทางการเงินของกลุ่ม ปตท. โดยเปรียบเทียบ ROIC ของกลุ่ม ปตท. กับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยผลการประเมินการปฏิบัติงาน ROIC สอดคล้องกับค่าตอบแทนของ CEO เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างค่าตอบแทนของ ปตท. มีความเหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ 

ROIC of PTT Group : ปี 2561-2566



ข้อกำหนดในการเรียกคืนผลประโยชน์และกำไรที่ได้รับของผู้บริหารทุกระดับ (Clawback provision)

กฎการเรียกคืนโบนัสของผู้บริหาร รวมถึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (Clawback Provision) ของบริษัทฯ เป็นไปตามมาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.  2535 และมาตรา 89/7 และ 281/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2551 ซี่งกำหนดให้การดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของบริษัท ข้อบังคับ และมติของคณะกรรมการ ตลอดจน การตัดสินใจในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในกรณีที่พบว่าผู้บริหารล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ ขาดความรอบคอบ หรือกระทำการทุจริตและผิดจรรยาบรรณ บริษัทมีสิทธิเรียกคืนผลประโยชน์และกำไรที่ได้รับ (Clawback) จากผู้บริหารได้ โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของบริษัท และผู้บริหารอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา

นโยบายการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง GRI2-19

ค่าตอบแทนผู้บริหารทุกระดับ ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฯ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ เป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ปตท. กำหนด ซึ่งเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของ ปตท. ตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (Performance Agreement: PA) กำหนดโดยกระทรวงการคลัง ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารทุกระดับร่วมกันกำหนดตัวชี้วัดและตั้งค่าเป้าหมาย (Key Performance Indicators: KPIs) เกี่ยวกับผลปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์ในแต่ละปี และผลตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวครอบคลุมตามมุมมอง Balance Scorecard ได้แก่ มุมมองทางการเงิน มุมมองด้านลูกค้า มุมมองด้านกระบวนการภายใน มุมมองด้านการเรียนรู้และพัฒนา มุมมองด้านผลิตภัณฑ์ และมุมมองด้านบุคลากร เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจและนำไปใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหารทุกระดับ

จำนวนผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. ตามนิยาม ก.ล.ต. มีจำนวน 5 รายตามตำแหน่ง ได้แก่
1. ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
2. ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ
3. ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย
4. ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และ
5. ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน
ซึ่งไม่รวมผู้บริหารระดับสูงที่ไปปฏิบัติงานในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น ที่มาปฏิบัติงานที่ ปตท.

กระบวนการในการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง และผลการดำเนินงาน GRI2-20

ในปี 2567 KPIs ขององค์กรที่ถ่ายทอดลงมายังผู้บริหารและพนักงาน ครอบคลุมการจัดการผลกระทบขององค์กรที่มีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยกำหนด KPIs ที่มีวัตถุประสงค์ในการผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และบริการของ ปตท. และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. 

ปตท. กำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารและพนักงานที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัททั้งในระยะสั้นและในระยะยาวผ่านการบริหารผลการดำเนินงาน (Performance Management) ซึ่งเป็นกระบวนการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อผลักดันให้ผลการปฏิบัติงานขององค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และสอดคล้องกับการวัดผลการดำเนินงานตามระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ โดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงเป้าหมายผลการดำเนินงานในระดับองค์กร ระดับหน่วยงาน และระดับบุคคลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของ ปตท. เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายตามแผนธุรกิจของ ปตท. 

ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานรายบุคคล

การพิจารณาผลการดำเนินงานผู้บริหารทุกระดับ เป็นไปตามผลการดำเนินงานรายบุคคล โดยกำหนดปีละ 1 ครั้ง โดยได้นำตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (Key Performance Indicators – KPIs) มาใช้ในการบริหาร ประเมินผลการดำเนินงานรายบุคคล และการพิจารณาค่าตอบแทนของผู้บริหารทุกระดับ
ในปี 2567 ปตท. ได้ถ่ายทอดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งครอบคลุมการจัดการผลกระทบขององค์กรที่มีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยกำหนด KPIs ที่มีวัตถุประสงค์ในการผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และบริการของ ปตท. และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. โดยตัวชี้วัดสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  1. ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระดับองค์กร (Corporate KPI) ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลอย่างครบถ้วน โดยฝ่ายจัดการจะกำหนดตัวชี้วัดและตั้งเป้าหมายระดับกลุ่ม ปตท. ร่วมกันในแต่ละปี เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจและนำไปใช้ประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยในปี 2567 มีตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงกับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน รวมทั้งหมดร้อยละ 55 ได้แก่
    1. PTT new business (low-carbon business)
    2. GHG emissions
    3. Safety Management Effectiveness
    4. Employee Engagement Score
    5. Non-Compliance
  2. ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระดับธุรกิจ/ ระดับปฏิบัติการ/ ระดับบุคคล (Functional KPI)
    ซึ่งการกำหนด KPIs รายบุคคล โดยถ่ายทอดมาจาก Corporate KPIs และเชื่อมโยงสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์และแผนธุรกิจของบริษัทที่มุ่งเน้นการบูรณาการความยั่งยืนไปในการดำเนินธุรกิจอย่างรอบด้าน

องค์ประกอบของค่าตอบแทนผู้บริหารทุกระดับGRI2-19
รายได้คงที่และผันแปร

ปตท. มีการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้บริหารตั้งแต่ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฯ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ ลงมา เดือนละ 1 ครั้ง โดยอัตราเงินเดือนเป็นไปตามโครงสร้างเงินเดือนซึ่งแบ่งตามค่างานแต่ละระดับงาน โดยการกำหนดโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละระดับงานสอดคล้องกับภาระหน้าที่ของแต่ละบุคคล โดยมีการพิจารณาเทียบเคียงค่าตอบแทนรวมของผู้บริหารทุกระดับกับคู่เทียบของ ปตท. เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ปตท. จะมีการพิจารณาขึ้นเงินเดือนตามผลประเมิน KPIs รายบุคคล ปีละ 1 ครั้ง
ปตท. พิจารณาจ่ายผลตอบแทนจูงใจให้ผู้บริหารทุกระดับของปตท. ในรูปแบบโบนัสประจำปี โดย ปตท. จะนำเสนอคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณา เช่น ผลประกอบการ และ ผลสำเร็จของงานที่ ปตท. ได้ดำเนินการในปีนั้น ๆ อัตราเงินเฟ้อ ข้อมูลการจ่ายค่าตอบแทนของบริษัทที่เป็นคู่เทียบในกลุ่มธุรกิจ Oil & Gas มาประกอบ โดยในระดับผู้บริหารทุกระดับและพนักงานที่อยู่ในตำแหน่งบังคับบัญชา ปตท. ยังกำหนดให้มี Variable Bonus ซึ่งสอดคล้องตามผลการประเมิน KPIs รายบุคคลเชื่อมโยงกับมุมมองตาม Balanced Score Card เพื่อจูงใจให้ปฏิบัติงานได้ตามเป้าหมายขององค์กร

ผลประโยชน์หลังเกษียณ

นอกจากเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานที่ ปตท. จ่ายให้กับผู้บริหารตั้งแต่ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฯ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ ลงมา รวมทั้งพนักงาน เมื่อครบเกษียณอายุในอัตราตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) แล้ว ปตท. ได้กำหนดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มีเงินออมที่เพียงพอใช้จ่ายภายหลังจากเกษียณอายุ และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริหารและพนักงาน รวมทั้งบุคคลในครอบครัว ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ ภายหลังเกษียณอายุ ปตท. มีการกำหนดให้ผู้บริหาร พนักงาน และบุคคลในครอบครัวมีสิทธิเข้ารับการบริการตรวจและรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของ ปตท. โดยพนักงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ผลการดำเนินงาน

องค์ประกอบของคณะกรรมการปตท. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567

1. โครงสร้างของคณะกรรมการบริษัทฯ
2. ความหลากหลายทาง เพศ, อายุ, เชื้อชาติ, สัญชาติ และความเชื่อ 
ในปี 2567 คณะกรรมการ ปตท. ได้สรรหากรรมการที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับกฎหมาย กฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้อง และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับ Skill Matrix และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของ ปตท. นอกจากนี้ ยังบรรลุเป้าหมายในการสรรหากรรมการเพศหญิง 2 ท่าน ทำให้องค์ประกอบของคณะกรรมการมีความหลากหลาย
3. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งเฉลี่ยของคณะกรรมการปตท.
4. การเข้าร่วมประชุมของคณะกรรมการปตท.
5. การดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์
คณะกรรมการ ปตท. กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำรงตำแหน่ง ในรัฐวิสาหกิจและ/หรือนิติบุคคลอื่นของ
กรรมการเพื่อให้มั่นใจว่า กรรมการสามารถทุ่มเทเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ในบริษัท ได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ เนื่องจาก ประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะกรรมการอาจลดลง หากจำนวนบริษัทที่กรรมการ ไปดำรงตำแหน่งมีมากเกินไป โดยกรรมการ ปตท. สามารถ ดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจและ/หรือนิติบุคคลได้ดังนี้
(1) ดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจและ/หรือนิติบุคคล ที่รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 3 แห่ง
(2) ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้ไม่เกิน 3 แห่ง ทั้งนี้การดำ รงตำแหน่ง กรรมการตามความในข้อ 3.3.1(2)นี้จะต้องไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ ในข้อ 3.3.1 (1) ด้วย อนึ่ง การดำรงตำแหน่งกรรมการตามความในข้อ 3.3.1 (1) และข้อ 3.3.1 (2) รวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 5 แห่ง (อ้างอิง คู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาตรฐานทางจริยธรรมและจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ)
6. Board Skill Matrix


ค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ปี 2567 (หน่วย : บาท) 

ค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ปี 2567
ค่าตอบแทนรวม 31,849,041 
โบนัส 10,357,217 
รวม 42,206,258 

หมายเหตุ: ค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในส่วนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่รวมค่าตอบแทนที่ ปตท. จ่ายให้เนื่องจากปฏิบัติงานเพิ่มเติม 
               ได้แก่ การเป็นประธานกรรมการ และหรือกรรมการบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามที่ได้รับ มอบหมาย โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาจ้างบริหาร
                ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เรียบร้อยแล้ว

ค่าตอบแทนรวมของผู้บริหารระดับสูง ปตท. ตามนิยาม ก.ล.ต. (จำนวน 4 ราย) ปี 2567  (หน่วย : บาท) 

ค่าตอบแทนจำนวนราย
ตามตำแหน่ง (ราย)
จำนวนเงิน
(บาท)
เงินเดือนรวม 4 36,950,220
โบนัสรวม 4 18,777,584
รวม 55,727,804

หมายเหตุ 1:
หมายเหตุ 2:

สัดส่วนค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อค่ากึ่งกลาง (Median) ของค่าตอบแทนพนักงาน GRI 2-21 (เฉพาะพนักงาน ปตท. ไม่รวมพนักงาน secondment in และ assignment in ) เท่ากับ 25.75:1
สัดส่วนค่าตอบแทนรวมที่เพิ่มขึ้นของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อค่ากึ่งกลาง (Median) ของค่าตอบแทนรวมที่เพิ่มขึ้นของพนักงาน GRI 2-21 (เฉพาะพนักงาน ปตท. ไม่รวมพนักงาน secondment in และ assignment in ) เท่ากับ -35.18:1