การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ
ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ รวมทั้งสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ โดยปัจจุบันมีการนำข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ประโยชน์เป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์และแนวโน้มการขยายตัวของสังคมเมืองและภาคอุตสาหกรรม ได้ส่งผลกระทบและคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งอาจมีผลทำให้ชนิดพันธุ์ที่มีความอ่อนไหวหรือไม่สามารถปรับตัวได้ค่อย ๆ สูญพันธุ์ไปจากแหล่งธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อไป
ปตท. ตระหนักดีว่าการประกอบกิจการ กิจกรรมและการดำเนินงานของ ปตท. และตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจของ ปตท. เช่น การก่อสร้างโรงงาน การวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถและทางเรือ เป็นต้นนั้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังคุณภาพการดำรงชีวิตชุมชนและสังคม จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ ปตท. มีการบริหารจัดการเชิงรุกอย่างเป็นระบบ โดยมีการกำหนดมาตรการลดผลกระทบ รวมไปถึงการดำเนินโครงการเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบและวิธีการอย่างจริงจัง จนส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนชุมชนและสังคมที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย
ปตท. มุ่งมั่นบริหารจัดการผลกระทบที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยมีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ดังนี้
- จัดทำ แผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan: BAP) ในพื้นที่ที่มีผลการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพสูง ให้ครบทุกพื้นที่
- ประเมินความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss Assessment) ของโครงการใหม่ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงให้ได้ครบร้อยละ 100 ภายในปี 2567 สำหรับบริษัทในกลุ่ม Oil & Gas และภายในปี 2568 สำหรับบริษัทที่เป็น Flagships เพื่อสนับสนุนเป้าหมายควบคุมกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss)
เป้าหมาย |
2564 |
2565 |
2566 |
2567 |
2568 |
---|---|---|---|---|---|
การดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เสี่ยงสูง | จัดทำแผนการดำเนินงาน ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan:BAP) ในพื้นที่ที่มีผลการประเมินความเสี่ยง ด้านความหลากหลายทางชีวภาพสูง 100% บริษัทในกลุ่ม Oil & Gas |
จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ | |||
การประเมินความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการใหม่ในพื้นที่เสี่ยงสูง | N/A | N/A | ประเมินความสูญเสียด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss Assessment) ของโครงการใหม่ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง 100% บริษัทในกลุ่ม Oil & Gas |
แนวทางการจัดการ
นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ของ ปตท.
ปตท. ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ โดยกำหนดไว้อย่างชัดเจนใน นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท. (PTT Group QSHE Policy) นอกจากนี้ เพื่อยืนยันถึงการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท. ได้แสดงเจตนารมณ์ผ่านประกาศ “คำแสดงเจตจำนงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (PTT Biodiversity Statement)” ในการหลีกเลี่ยงการสำรวจ บุกเบิกและดำเนินธุรกิจในพื้นที่ที่ได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลก และพื้นที่อนุรักษ์ตามที่ IUCN และมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ (No Net Deforestation) และดำเนินการฟื้นฟูหรือปลูกต้นไม้ชดเชย ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ ได้แก่ คู่ค้า Tier-1 suppliers และคู่ค้า Non-tier 1 suppliers ซึ่งมีเป้าหมายสำหรับการประยุกต์ใช้กับโครงการใหม่ของ ปตท. ภายในปี 2567คำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท.
การบริหารจัดการผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
ปตท. มีแนวทางในการบริหารจัดการ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้อง ป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ ตั้งแต่การพิจารณาผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพในกระบวนการตัดสินใจและการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ ดังนี้
- บูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกระบวนการบริหารนโยบาย QSHE กลุ่ม ปตท.
- จัดการความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อ่อนไหวด้านความหลากหลายทางชีวภาพหรือพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากลที่ยึดถือปฏิบัติ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศของกลุ่ม ปตท.
- แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss) ภายใต้ขอบเขตที่สามารถจัดการได้
- เสริมสร้างมูลค่าความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือจากภายในพื้นที่ปฏิบัติการหรือพื้นที่ใกล้เคียง ผ่านกิจกรรมการลงทุนเพื่อสังคมหรือการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ได้แก่ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน และศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ เป็นต้น
แนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ
ภายใต้ คำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท. ได้จัดทำแนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศขึ้น โดยอ้างอิงมาจากข้อกำหนดด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสากล เช่น International Finance Corporation Performance Standard 6 (IFC6), – Biodiversity Conservation and Sustainable Management of Living Natural Resources (2012) และ Business and Biodiversity Offset Program (BBOP) เป็นต้น โดยครอบคลุมขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้- การประเมินความเสี่ยง
- การประเมินความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับโครงการใหม่
- การจัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงและอาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง
- การติดตามตรวจสอบและการวัดผล
- การทบทวนและตรวจสอบการดำเนินงานเป็นประจำทุกปีเทียบกับแนวทางการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศและเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
การประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการพัฒนา/ โครงการก่อสร้าง
การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศบริการ ปตท. ที่กำหนดขึ้น ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโครงการโดยผนวกไว้ในการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) โดยทำการประเมินความเสี่ยงของโครงการในทุกระยะของการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถจัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขบรรเทาผลกระทบและกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เพื่อชดเชยและสร้างความสมดุลต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจสูญเสียไปที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และลักษณะของโครงการที่จะพัฒนาขึ้น เช่น การจำกัดพื้นที่แผ้วถางให้น้อยที่สุด การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้เป็นป่าสมบูรณ์ดังเดิม การเลือกใช้เส้นทางคมนาคมที่ก่อให้เกิดการรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด การประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าในกรณีที่ต้องช่วยเหลือสัตว์ป่าออกจากพื้นที่โครงการ เป็นต้นการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ปฏิบัติการGRI304-1,GRI304-2,GRI304-3,GRI304-4
ผลจากการประเมิน พบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 1 พื้นที่ ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan) แล้วเสร็จ โดยแผนการดำเนินงานฯ ประกอบด้วย รายละเอียดแผนการดำเนินงาน วัตถุประสงค์ ระยะเวลา และหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอน เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ การให้ความรู้แก่พนักงาน ผู้ปฏิบัติงาน และชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการประเมินความเสี่ยง และจัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan) ของพื้นที่ปฏิบัติการของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย โดยอยู่ในระหว่างการทบทวนผลการประเมิน
ปตท. ยังสนับสนุนให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะข้อคิดเห็น ความคาดหวัง ข้อกังวล ต่อรายงาน EIA มาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจน BAP โดยผ่านกิจกรรมการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผ่านการตอบแบบสอบถามในช่วงการจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
จำนวนพื้นที่ | ขนาด (เฮกตาร์) | |
---|---|---|
พื้นที่ทั้งหมด
|
5 | 208.16 |
การตรวจประเมิน | 5 | 208.16 |
พื้นที่ที่มีความเสี่ยง
|
1 | 7.52 |
พื้นที่ที่มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยง | 1 | 7.52 |
รายงานสิ่งมีชีวิตตามบัญชีแดงของ IUCN (IUCN Red List species ) และรายงานสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการอนุรักษ์แห่งชาติ (national conservation list) ที่มีถิ่นอาศัยและ ได้รับผลกระทบจากสถานประกอบกิจการ |
1 | 7.52 |
โครงการ/ Initiatives ที่สำคัญ
การสำรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ
ปตท. ได้ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสำรวจความหลากชนิดและความชุกชุมของสัตว์และพืชรอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. เพื่อวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของแต่ละพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อจัดทำชุดข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และจัดทำแผนงาน ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อฟื้นฟู พัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยมีชนิดของสิ่งมีชีวิตที่สำรวจ ได้แก่ นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินบกสะเทินน้ำ แมลง ปลา พืช และสัตว์ตระกูลครัสเตเชียน สำหรับการสำรวจที่ผ่านมา ได้คัดเลือกพื้นที่โดยใช้ข้อมูลการประเมินความเสี่ยงฯ และประเด็นของชุมชน ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม และพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัท OR ได้แก่ สถานีเติมน้ำมันอากาศยานภูเก็ต คลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมนครสวรรค์ คลังน้ำมันสระบุรี และคลังน้ำมันพิษณุโลก โดยมีที่ปรึกษาของโครงการ รวบรวมโดยสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (Bird Conservation Society of Thailand: BCST) ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยและ NGOsจากการสำรวจพื้นที่โดยรอบโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม ทำให้ค้นพบพืชล้มลุกที่เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย ที่มีชื่อว่า ม่วงขนอม (Microchirita involucrate (Craib) Yin Z.Wang var.gigantiflora C.Puglisi) พบเฉพาะในพื้นที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น นอกจากนี้ยังค้นพบผีเสื้อกลางคืนชนิดใหม่ของโลกในบริเวณคลังน้ำมันสระบุรี โดยได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Gatesclarkeana thailandica พบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
การสร้างเครือข่ายกำหนดนโยบายภาครัฐและสร้างองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
ปตท. ร่วมมือกับสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในการกำหนดกลยุทธ์การอนุรักษ์และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อสร้างความรู้และความตระหนักแก่สาธารณชนถึงคุณค่าและความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และมุ่งเน้นสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเป็นแนวทางในการแบ่งปันข้อมูลและการบริหารจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่บุคคลภายนอก เช่น ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ สถาบันศึกษา และองค์กรเอกชน เป็นต้น อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปตท. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างหน่วยงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านความหลากหลายทางชีวภาพSDGs 12.2, 14.2, 15.2, 15.5
ในการดำเนินการด้านความหลากหลายทางชีวภาพนั้น ปตท. ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนภายนอกองค์กร เช่น กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) Siamensis และ Save Wildlife Thailand เป็นต้น รวมถึง ชุมชนท้องถิ่น โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้จัดทำโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อศึกษาและรวบรวมความหลากหลายชนิดของสัตว์และพืชรอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. ในแต่ละฤดูกาล รวมทั้งมีการจัดเสวนา เพื่อให้ตัวแทนชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ได้มีการศึกษาการบริการของระบบนิเวศและการประเมินมูลค่าการบริการของระบบนิเวศป่าชายเลนศูนย์สิรินาถราชินี ซึ่ง ปตท.เป็นผู้สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ฯ บริเวณพื้นที่แปลงปลูกป่าฯ FPT 29 และ FPT 29/3 ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า-คลองคอย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับการฟื้นฟูและปลูกป่าเพิ่มเติมจากการเป็นนากุ้งร้าง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ทั้งนี้ในการประเมินความสมบูรณ์ของป่าชายเลนจะเน้นศึกษาให้เห็นถึงการฟื้นตัวของป่าปลูกและป่าธรรมชาติ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศ เพื่อศึกษาการบริการของระบบนิเวศ จากการเป็นแหล่งวัตถุดิบ เช่นเป็นแหล่งทรัพยากรทางยา ด้านการควบคุม ได้แก่ การควบคุมคุณภาพอากาศ การควบคุมภูมิอากาศ การบำบัดของเสีย และการหมุนเวียนธาตุอาหาร ด้านการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย คือการเป็นแหล่งอนุบาล และด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การเป็นแหล่งนันทนาการ ทั้งในรูปของการให้บริการโดยตรงและมูลค่าในรูปของตัวเงิน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
ชื่อพันธมิตรภายนอก / องค์กร | คำอธิบาย | ความร่วมมือด้านการประเมิน / การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ |
---|---|---|
กองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
|
|
คณะทำงานด้านการจัดการสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ |
|
|
|
องค์กรมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น สัตว์ป่าหายาก สิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธ์ ทรัพยากรทางทะเล เป็นต้น รวมถึงมีองค์ความรู้ในด้าน การส่งเสริมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ |
|
การบริหารจัดการผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหลที่มอนทารา
สำหรับกรณีเหตุการณ์มอนทารา ปตท.สผ. ร่วมกันจัดทำแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ สำหรับเหตุการณ์ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันรั่วไหลจากแหล่งมอนทารา โดยได้มีการสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานวิจัยอิสระภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลออสเตรเลีย และในปี 2565 ได้มีแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลดังกล่าว
ข้อมูลที่เปิดเผยในหน้านี้ได้รับการทวนสอบโดยหน่วยงานอิสระภายนอก