ความยั่งยืน

ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความยั่งยืน

ความหลากหลายทางชีวภาพ

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
     



ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ

ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ รวมทั้งสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ โดยปัจจุบันมีการนำข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ประโยชน์เป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามในสถานการณ์และแนวโน้มการขยายตัวของสังคมเมืองและภาคอุตสาหกรรม ได้ส่งผลกระทบและคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจมีผลทำให้ชนิดพันธุ์ที่มีความอ่อนไหวหรือไม่สามารถปรับตัวได้ค่อย ๆ สูญพันธุ์ไปจากแหล่งธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อไป

ปตท. ตระหนักดีว่าการประกอบกิจการ กิจกรรมและการดำเนินงานของ ปตท. และตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจของ ปตท. เช่น การก่อสร้างโรงงาน การวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถและทางเรือ นั้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังคุณภาพการดำรงชีวิตชุมชนและสังคม จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ ปตท. มีการบริหารจัดการเชิงรุกอย่างเป็นระบบ โดยมีการกำหนดมาตรการลดผลกระทบ รวมไปถึงการดำเนินโครงการเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบและวิธีการอย่างจริงจัง จนส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนชุมชนและสังคมที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องกันทั้งกลุ่ม ปตท.

ปตท. จึงได้จัดทำแนวทางการประเมินความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และบริการของระบบนิเวศ กลุ่ม ปตท. โดยอาศัยหลักการบรรเทาผลกระทบในทุกขั้นตอนการดำเนินโครงการ ซึ่งประกอบด้วย 

  • การหลีกเลี่ยง: ปตท. ได้ดำเนินการตรวจสอบและกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของโครงการต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งระบุไว้ในนโยบาย QSHE ของกลุ่ม ปตท.
  • การลดผลกระทบ: ปตท. ได้จัดทำมาตรการลดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศบริการ ทั้งการลดระยะเวลา ความรุนแรง และกำหนดขอบเขตของผลกระทบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  • การสร้างพื้นที่ใหม่: ปตท. ดำเนินโครงการปลูกป่าในบ่อกุ้งร้างในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้เกิดระบบนิเวศป่าชายเลนขึ้นใหม่ ในปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี
  • การฟื้นฟู: ปตท. ดำเนินโครงการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูและรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์การเรียนรู้ป่าวังจันทร์ และศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี
  • การเปลี่ยนแปลงพื้นที่: ปตท. ตระหนักและปกป้องการสูญเสียธรรมชาติ โดยสร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. พันธมิตรทางธุรกิจ และชุมชนท้องถิ่น ผ่านการเข้าร่วมโครงการปลูกป่า เช่น โครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ของ ปตท.
ปตท. ดำเนินการตามมาตรการและแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง มีการติดตามประสิทธิผลของโครงการ เพื่อลดผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจเกิดจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการติดตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในระหว่างการดำเนินงาน และดำเนินโครงการการปลูกป่าเพื่อชดเชยผลกระทบ

วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย

ปตท. มุ่งมั่นบริหารจัดการผลกระทบที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยมีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ดังนี้

  • จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan: BAP) ในพื้นที่ที่มีผลการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพสูง ให้ครบทุกพื้นที่
  • ประเมินความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss Assessment) ของโครงการใหม่ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงให้ได้ครบร้อยละ 100 ภายในปี 2567 สำหรับบริษัทในกลุ่ม Oil & Gas และภายในปี 2568 สำหรับบริษัทที่เป็น Flagships เพื่อสนับสนุนเป้าหมายควบคุมกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss)

เป้าหมาย

2564

2565

2566

2567

2568

การดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เสี่ยงสูง จัดทำแผนการดำเนินงาน
ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
(Biodiversity Action Plan: BAP)
ในพื้นที่ที่มีผลการประเมินความเสี่ยง
ด้านความหลากหลายทางชีวภาพสูง
100% บริษัทในกลุ่ม Oil & Gas
จัดทำแผนการดำเนินงาน
ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
(Biodiversity Action Plan: BAP)
ในพื้นที่ที่มีผลการประเมินความเสี่ยง
ด้านความหลากหลาย
ทางชีวภาพสูง
100% บริษัทในกลุ่ม
Oil & Gas
การประเมินความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการใหม่ในพื้นที่เสี่ยงสูง N/A N/A ประเมินความสูญเสียด้าน
ความหลากหลายทางชีวภาพ
(No-Net-Loss Assessment)
ของโครงการใหม่ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง
100% บริษัทในกลุ่ม Oil & Gas
  • มุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ (NPI) ให้กับโครงการใหม่ที่ครอบคลุมกิจกรรมต้นน้ำและปลายน้ำภายในปี 2593
    • สำหรับธุรกิจต้นน้ำ: ปตท.สผ. ซึ่งเป็นบริษัท flagship ในกลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุผลกระทบเชิงบวกสุทธิจากความหลากหลายทางชีวภาพในมหาสมุทรและบริการระบบนิเวศในการดำเนินงานนอกชายฝั่งภายในประเทศ ภายในปี 2568 และการดำเนินงานนอกชายฝั่งทั้งหมดภายในปี 2573
    • สำหรับธุรกิจขั้นปลาย: PTTGC มุ่งมั่นที่จะรักษาสถานที่ปฏิบัติงานในปัจจุบันและอนาคตอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิภายในปี 2593

แนวทางการจัดการ

นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ของ ปตท.

ปตท. ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ โดยกำหนดไว้อย่างชัดเจนใน นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท. (PTT Group QSHE Policy) นอกจากนี้ เพื่อยืนยันถึงการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท. ได้แสดงเจตนารมณ์ผ่านประกาศ “คำแสดงเจตจำนงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (PTT Biodiversity Statement)” ในการหลีกเลี่ยงการสำรวจ บุกเบิกและดำเนินธุรกิจในพื้นที่ที่ได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลก และพื้นที่อนุรักษ์ตามที่ IUCN และมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ (No Net Deforestation) และดำเนินการฟื้นฟูหรือปลูกต้นไม้ชดเชย ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ ได้แก่ คู่ค้า Tier-1 suppliers และคู่ค้า Non-tier 1 suppliers ซึ่งมีเป้าหมายสำหรับการประยุกต์ใช้กับโครงการใหม่ของ ปตท. ภายในปี 2567

คำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท.

การบริหารจัดการผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

ปตท. มีแนวทางในการบริหารจัดการ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้อง ป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ ตั้งแต่การพิจารณาผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพในกระบวนการตัดสินใจและการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ  ดังนี้

  • บูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกระบวนการบริหารนโยบาย QSHE กลุ่ม ปตท.
  • จัดการความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อ่อนไหวด้านความหลากหลายทางชีวภาพหรือพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากลที่ยึดถือปฏิบัติ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศของกลุ่ม ปตท.
  • แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No-Net-Loss) ภายใต้ขอบเขตที่สามารถจัดการได้
  • เสริมสร้างมูลค่าความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือจากภายในพื้นที่ปฏิบัติการหรือพื้นที่ใกล้เคียง ผ่านกิจกรรมการลงทุนเพื่อสังคมหรือการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ได้แก่ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน และศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์

แนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ

ภายใต้ คำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ปตท. ได้จัดทำแนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศขึ้น  โดยอ้างอิงมาจากข้อกำหนดด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสากล เช่น International Finance Corporation Performance Standard 6 (IFC6), – Biodiversity Conservation and Sustainable Management of Living Natural Resources (2012) และ Business and Biodiversity Offset Program (BBOP) โดยครอบคลุมขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
  • การประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ 
  • การประเมินความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับโครงการใหม่
  • การจัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงและอาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง
  • การติดตามตรวจสอบและการวัดผล
  • การทบทวนและตรวจสอบการดำเนินงานเป็นประจำทุกปีเทียบกับแนวทางการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศและเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

การประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการพัฒนา/ โครงการก่อสร้าง

การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวทางการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศบริการ ปตท. ที่กำหนดขึ้น ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโครงการโดยผนวกไว้ใน การศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) โดยทำการประเมินความเสี่ยงของโครงการในทุกระยะของการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ ซึ่งปัจจัยนำเข้าในการประเมินความเสี่ยง ประกอบด้วย สถานที่ตั้งและขอบเขตขนาดของที่ดิน ที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่คุ้มครอง และพื้นที่นอกเขตพื้นที่คุ้มครองที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ระยะห่างของโครงการกับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง นอกจากนี้ ได้มีการนำข้อมูลชนิดพันธุ์ที่อยู่ในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) มาประกอบในการพิจารณาผลกระทบจากความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อันเป็นผลมาจากการดำเนินงานของโครงการด้วย ทั้งนี้ การประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นระบบทำให้ ปตท. สามารถจัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขบรรเทาผลกระทบและกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เพื่อชดเชยและสร้างความสมดุลต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจสูญเสียไปที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และลักษณะของโครงการที่จะพัฒนาขึ้นได้อย่างเหมาะสม เช่น การจำกัดพื้นที่แผ้วถางให้น้อยที่สุด การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้เป็นป่าสมบูรณ์ดังเดิม การเลือกใช้เส้นทางคมนาคมที่ก่อให้เกิดการรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและการประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าในกรณีที่ต้องช่วยเหลือสัตว์ป่าออกจากพื้นที่โครงการ

การประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ปฏิบัติการGRI304-1,GRI304-2,GRI304-3,GRI304-4

ปตท. ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพครบถ้วนทุกพื้นที่ปฏิบัติการในประเทศไทย โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งประเมินจากระยะทางที่ห่างจากเขตอนุรักษ์ หรือพื้นที่ที่มีคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสูง และชนิดและผลกระทบของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดย ปตท. กำหนดให้โครงการที่มีความเสี่ยงในระดับสูงจำเป็นต้องมีการพัฒนาแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan: BAP) เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพืชพรรณ สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม 

ผลจากการประเมิน พบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 1 พื้นที่ ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งการประเมินความเสี่ยง ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับชนิดพันธุ์ที่อยู่ในบัญชีแดงของ IUCN และสถานภาพการอนุรักษ์ ตามเกณฑ์กำหนดของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) และค่างแว่นถิ่นใต้ (Trachypithecus obscurus) และได้จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan) แล้วเสร็จ โดยแผนการดำเนินงานฯ ประกอบด้วย รายละเอียดแผนการดำเนินงาน วัตถุประสงค์ ระยะเวลา และหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอน เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ การให้ความรู้แก่พนักงาน ผู้ปฏิบัติงาน และชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ นอกจากนี้ ได้มีการประเมินความเสี่ยง และจัดทำแผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Action Plan) ของพื้นที่ปฏิบัติการของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย โดยอยู่ในระหว่างการทบทวนผลการประเมิน

ปตท. ยังสนับสนุนให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะข้อคิดเห็น ความคาดหวัง ข้อกังวลต่อรายงาน EIA มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม และจน BAP โดยผ่านกิจกรรมการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผ่านการตอบแบบสอบถามในช่วงการจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย

จำนวนพื้นที่ขนาด (เฮกตาร์)
พื้นที่ทั้งหมด
5 208.16
พื้นที่ที่มีความเสี่ยง 1 7.52
พื้นที่ที่มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยง 1 7.52
รายงานสิ่งมีชีวิตตามบัญชีแดงของ IUCN (IUCN Red List species) และ
รายงานสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการอนุรักษ์แห่งชาติ
(national conservation list)
ที่มีถิ่นอาศัยและได้รับผลกระทบจากสถานประกอบกิจการ
1 7.52

โครงการ/ Initiatives ที่สำคัญ

การสำรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ

ปตท. ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสำรวจความหลากชนิดและความชุกชุมของสัตว์และพืชรอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. เพื่อวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของแต่ละพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อจัดทำชุดข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และจัดทำแผนงาน ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อฟื้นฟู พัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยมีชนิดของสิ่งมีชีวิตที่สำรวจ ได้แก่ นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินบกสะเทินน้ำ แมลง ปลา พืช และสัตว์ตระกูลครัสเตเชียน สำหรับการสำรวจที่ผ่านมา ได้คัดเลือกพื้นที่โดยใช้ข้อมูลการประเมินความเสี่ยงฯ และประเด็นของชุมชน ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม และพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัท OR ได้แก่ สถานีเติมน้ำมันอากาศยานภูเก็ต คลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมนครสวรรค์  คลังน้ำมันสระบุรี และคลังน้ำมันพิษณุโลก โดยมีที่ปรึกษาของโครงการ รวบรวมโดยสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (Bird Conservation Society of Thailand: BCST)  ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยและ NGOs

จากการสำรวจพื้นที่โดยรอบโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม ทำให้ค้นพบพืชล้มลุกที่เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย ที่มีชื่อว่า ม่วงขนอม (Microchirita involucrate (Craib) Yin Z.Wang var.gigantiflora C.Puglisi) พบเฉพาะในพื้นที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น นอกจากนี้ยังค้นพบผีเสื้อกลางคืนชนิดใหม่ของโลกในบริเวณคลังน้ำมันสระบุรี โดยได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Gatesclarkeana thailandica พบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

นอกจากนี้ ปตท. ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ บริเวณพื้นที่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี เพื่อสำรวจ วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล จัดทำเป็นชุดข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีการฟื้นฟูพื้นที่โครงการตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อโครงการสำรวจแล้วเสร็จ ผลการศึกษาสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักรู้กับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ต่อไปในอนาคต

การบริหารจัดการผลกระทบกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล

สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล ปตท. และกลุ่ม ปตท. มีแนวทางการบริหารจัดการผลกระทบร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยดำเนินการบรรเทาผลกระทบ เฝ้าระวัง และติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และจัดทำแผนการฟื้นฟูทั้งระยะสั้นและระยะยาวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของเหตุการณ์ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันรั่วไหลจากแหล่งมอนทารา ปตท.สผ. ได้ร่วมจัดทำแนวทางบรรเทาผลกระทบ และมีการสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานวิจัยอิสระภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลออสเตรเลีย และในปี 2565 ได้มีแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลดังกล่าว

การสร้างเครือข่ายกำหนดนโยบายภาครัฐและสร้างองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

ปตท. ร่วมมือกับสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในการกำหนดกลยุทธ์การอนุรักษ์และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อสร้างความรู้และความตระหนักแก่สาธารณชนถึงคุณค่าและความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และมุ่งเน้นสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเป็นแนวทางในการแบ่งปันข้อมูลและการบริหารจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่บุคคลภายนอก เช่น ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ สถาบันศึกษา และองค์กรเอกชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปตท. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการ และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและวิชาการ ด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ระหว่างหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพประจำปี 2023 (International Conference on Biodiversity 2023: IBD2023)

การร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านความหลากหลายทางชีวภาพSDGs 12.2, 14.2, 15.2, 15.5 

ในการดำเนินการด้านความหลากหลายทางชีวภาพนั้น ปตท. ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนภายนอกองค์กร เช่น กรมป่าไม้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย Siamensis และ Save Wildlife Thailand เป็นต้น รวมถึง ชุมชนท้องถิ่น โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้จัดทำโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อศึกษาและรวบรวมความหลากหลายชนิดของสัตว์และพืชรอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. ในแต่ละฤดูกาล รวมทั้งมีการจัดเสวนา เพื่อให้ตัวแทนชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ได้มีการศึกษาการบริการของระบบนิเวศและการประเมินมูลค่าการบริการของระบบนิเวศป่าชายเลนศูนย์สิรินาถราชินี ซึ่ง ปตท.เป็นผู้สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ฯ บริเวณพื้นที่แปลงปลูกป่าฯ FPT 29 และ FPT 29/3 ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า-คลองคอย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับการฟื้นฟูและปลูกป่าเพิ่มเติมจากการเป็นนากุ้งร้าง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540  ทั้งนี้ในการประเมินความสมบูรณ์ของป่าชายเลนจะเน้นศึกษาให้เห็นถึงการฟื้นตัวของป่าปลูกและป่าธรรมชาติ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศ เพื่อศึกษาการบริการของระบบนิเวศ จากการเป็นแหล่งวัตถุดิบ เช่น เป็นแหล่งทรัพยากรทางยา ด้านการควบคุม ได้แก่ การควบคุมคุณภาพอากาศ การควบคุมภูมิอากาศ การบำบัดของเสีย และการหมุนเวียนธาตุอาหาร ด้านการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย คือการเป็นแหล่งอนุบาล และด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การเป็นแหล่งนันทนาการ ทั้งในรูปของการให้บริการโดยตรงและมูลค่าในรูปของตัวเงิน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน 

ชื่อพันธมิตรภายนอก / องค์กรคำอธิบายความร่วมมือด้านการประเมิน /
การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ

กองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • กำหนด (ร่าง) พระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ...
  • จัดทำแผนแม่บทการดำเนินงานด้านความหลากลายทางชีวภาพ ประเทศไทย
  • ร่วมทบทวนและแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อจัดทำกรอบการบริหารจัดการ คำแสดงเจตจำนง แผนการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของ ปตท. เพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับ (ร่าง) พระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ... และแผนแม่บทการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ประเทศไทย

คณะทำงานด้านการจัดการสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
  • จัดทำแนวทางการสำรวจติดตามและประเมินสถานภาพสัตว์ทะเลที่เป็นสัตว์สงวน สัตว์คุ้มครอง สัตว์หายากและใกล้สูญพันธ์
  • จัดทำแนวทางการอนุรักษ์และแผนบริหารจัดการสัตว์ทะเลที่เป็นสัตว์สงวน สัตว์คุ้มครอง สัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์
  • ให้ข้อมูลสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ซึ่งใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ของพื้นที่ปฏิบัติการ ปตท. เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม รวมทั้งข้อมูลสนับสนุนการจัดทำแนวทางการอนุรักษ์และแผนบริหารจัดการสัตว์ทะเลที่เป็นสัตว์สงวน สัตว์คุ้มครอง สัตว์หายากและใกล้สูญพันธ์
  • กรมป่าไม้
  • กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
  • สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
  • กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม
  • สมาคมเซฟ ไวล์ดไลฟ์ ไทยแลนด์
ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ รอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. 
  • สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษา และให้ข้อมูลในการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ร่วมโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อศึกษาและรวบรวมความหลากหลายชนิดของสัตว์และพืชรอบพื้นที่สถานประกอบการของ ปตท. โดยมีการค้นพบพืชล้มลุกที่เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย ที่มีชื่อว่า ม่วงขนอม (Microchirita involucrate (Craib) Yin Z.Wang var.gigantiflora C.Puglisi) พบเฉพาะในพื้นที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น
  • กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
  • องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)
ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ บริเวณพื้นที่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี
  • สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญในการร่วมสำรวจข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ วิเคราะห์ และจำแนกชนิดพันธุ์พืชและกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (ประกอบด้วย แมลง, ปลา, สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์สะเทินบกสะเทินน้ำ, นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) บริเวณพื้นที่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ  จ.กาญจนบุรี (ในรัศมี 500 เมตรจากแนวเส้นท่อ)

ข้อมูลที่เปิดเผยในหน้านี้ได้รับการทวนสอบโดยหน่วยงานอิสระภายนอก