ความยั่งยืน

การบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย

ความยั่งยืน

การบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
  





ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ

ปตท. ต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน จากลักษณะของการประกอบธุรกิจที่มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน มีวัตถุดิบและการใช้สารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นสารอันตราย รวมถึงอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน กิจกรรมหรือการดำเนินการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้รับเหมา ที่อาจมากระทบกับอุปกรณ์หรือพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่อาจส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต การบาดเจ็บ การเจ็บป่วย ความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือการหยุดชะงักของกระบวนการทำงานที่สำคัญ จนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการแข่งขัน รวมถึงอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประเทศ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่ทำให้ ปตท. ต้องบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมรับสถานการณ์และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ

ปตท. มุ่งเน้นการบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (SSHE) อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยนำหลักการและเครื่องมือทางวิศวกรรมตามมาตรฐานสากล ข้อบัญญัติตามกฎหมาย และข้อกำหนดต่าง ๆ มาใช้ในการชี้บ่งอันตราย ประเมินความเสี่ยง และควบคุมอันตรายจากกระบวนการผลิต การจัดเก็บ การออกแบบ การใช้งาน การบำรุงรักษา การตรวจสอบ การทดสอบ และการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์รวมถึงสารเคมีอันตราย ทั้งในกิจกรรมการดำเนินงานที่ ปตท. ดำเนินการเอง รวมถึงที่ดำเนินการโดยผู้รับเหมาประจำและผู้รับเหมาภายนอกอื่น ๆ เช่น ผู้รับเหมาซ่อมบำรุง ผู้รับเหมาขนส่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลกระทบทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยกำหนดให้มีการบริหารจัดการด้วยวิธีการและรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อจัดการความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในระบบการบริหารจัดการด้าน SSHE ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย

ภายใต้ความมุ่งมั่นที่กำหนดไว้ในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม  (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment: QSHE) ปตท. กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานด้าน QSHE ประจำปี ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ (Zero Accident) ภายในปี 2573 ประกอบด้วยตัวชี้วัด ได้แก่

  • จำนวนอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Accident: LTA) ของพนักงานและผู้รับเหมา (คน)
  • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวม (Total Recordable Injury Rate: TRIR) ของพนักงานและผู้รับเหมา (จำนวนคนต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน) 
  • อัตราการเจ็บป่วยจากการทำงานรวม (Total Recordable Occupational Illness Rate: TROIR) ของพนักงาน (จำนวนคนต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน)
  • จำนวนอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Event: PSE)
  • จำนวนอุบัติเหตุจากการใช้รถยนต์ส่วนกลาง
  • อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากรถขนส่งผลิตภัณฑ์ (จำนวนครั้งต่อระยะทาง 1,000,000 กิโลเมตร)
  • อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ (จำนวนครั้งต่อ 1,000 เที่ยวเรือที่เข้าเทียบท่า)

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดตัวชี้วัดในระดับองค์กร (Corporate KPIs) ที่วัดผลการดำเนินงานของผู้บริหารของหน่วยธุรกิจ และถ่ายทอดเป็นเป้าหมายระดับสายงานในแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อสะท้อนถึงสมรรถนะการบริหารจัดการของแต่ละหน่วยธุรกิจ รวมถึงให้บริษัทในกลุ่ม ปตท. นำไปพิจารณากำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องตามบริบทขององค์กรอีกด้วย

เป้าหมายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท.

เป้าหมายการดำเนินงานด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (QSHE)
กลุ่ม ปตท. ประจำปี 2567


เป้าหมายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของกลุ่ม ปตท.

ตัวชี้วัด


เป้าหมาย 2567

อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวม (TRIR)
(คนต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน)
พนักงาน 0.040
ผู้รับเหมา 0.072

อัตราการเจ็บป่วยจากการทำงานรวม (TROIR)
(คนต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน)

พนักงาน 0.072


แนวทางการบริหารจัดการ

นโยบาย QSHE ของ ปตท.

ปตท. บริหารจัดการผลกระทบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment: QSHE) โดยกำหนดเป็นนโยบาย QSHE กลุ่ม ปตท. ลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะกรรมการ ปตท.  อีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการ วางแผน กำหนดเป้าหมาย กำกับ ควบคุมกระบวนการทำงาน การบำรุงรักษา การเพิ่มผลผลิต (Productivity Improvement) ผลิตภัณฑ์และบริการ ให้มีการจัดการความเสี่ยงและต่อยอดโอกาส เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศและเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเสริมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุลและต่อเนื่อง ซึ่งนโยบาย QSHE ถูกกำหนดเป็นกรอบในการบริหารจัดการด้าน QSHE สำหรับ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อให้สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งเน้นการดำเนินการอย่างจริงจัง ดังต่อไปนี้

  • นโยบายฯ ประยุกต์ใช้ครอบคลุมพนักงานและผู้รับเหมาทุกคนตลอดสายโซ่อุปทานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและข้อกำหนดขององค์กร มาตรฐานสากล และพันธสัญญาที่เกี่ยวข้อง
  • เป็นกรอบในการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานด้าน QSHE ระยะยาวและประจำปี เพื่อนำมากำหนดแผนงานและตัวชี้วัดระดับองค์กร โดยวัดผลการดำเนินงานของผู้บริหารทุกระดับ
  • บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันความสูญเสียจากอุบัติการณ์ต่อชีวิต ทรัพย์สิน กระบวนการผลิต และโลจิสติกส์ ส่งเสริมสุขภาพ อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีของพนักงาน ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • บริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อปกป้อง ป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
  • สื่อสารผลการดำเนินงานและประสิทธิผลให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเข้าใจและความตระหนัก รวมถึงการรับฟังความต้องการและความคาดหวัง เปิดโอกาสให้พนักงานและผู้รับเหมามีส่วนร่วมและให้ข้อแนะนำ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
  • กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผู้บริหารทุกระดับต้องมีการกำกับดูแลและเป็นแบบอย่างที่ดี 
  • กำหนดให้พนักงานและผู้รับเหมาทุกคนต้องรับทราบ เข้าใจ และปฏิบัติตามนโยบาย QSHE 
  • กำหนดให้มีการทบทวนนโยบาย เป้าหมาย และแผนงานด้าน QSHE เป็นประจำทุกปี โดยหน่วยงาน QSHE Corporate ดำเนินการทบทวนปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ หน่วยงานคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมระดับสายงาน (QSHE Business Area: QSHE BA) เข้ามามีส่วนร่วมในการทบทวนนโยบายฯ กลั่นกรองผ่านคณะกรรมการจัดการของ ปตท.  และลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะกรรมการ ปตท. อีกตำแหน่งหนึ่ง

นโยบาย มาตรฐานการจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท.


โครงสร้างกำกับดูแลการบริหารจัดการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย  

ปตท. กำหนดกลไกในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ตั้งแต่การถ่ายทอดนโยบาย เป้าหมาย มาตรการการจัดการด้าน SSHE ไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร โดยแต่ละหน่วยธุรกิจจะควบคุมดูแลการนำไปปฏิบัติในสายงาน พื้นที่ปฏิบัติการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามระบบบริหารจัดการด้าน SSHE รวมทั้งคู่มือ ขั้นตอนการดำเนินงาน วิธีปฏิบัติและเอกสารสนับสนุนที่กำหนดไว้ โดยมีหน่วยงาน QSHE ระดับสายงาน ได้แก่ สายงานแยกก๊าซธรรมชาติ สายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ สายงานสถาบันนวัตกรรม ปตท. สายงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และหน่วยงาน QSHE ที่ดูแลพื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. ทำหน้าที่ผลักดัน ส่งเสริม ให้คำปรึกษา ติดตามการดำเนินงานตามเป้าหมาย แผนงาน และตัวชี้วัดที่กำหนด โดยมีการรายงานให้ผู้บริหารทั้งในระดับพื้นที่ สายงาน และหน่วยธุรกิจ จนถึงคณะกรรมการทั้งในระดับจัดการ และระดับคณะกรรมการ ปตท. ตามโครงสร้างกำกับดูแลด้านความยั่งยืน เพื่อพิจารณาทบทวนประสิทธิผลและประสิทธิภาพตามวาระที่กำหนด

กระบวนการบริหารจัดการความปลอดภัยและอาชีวอนามัยGRI403-1

การบริหารจัดการความปลอดภัยของ ปตท. ครอบคลุมทั้งความปลอดภัยส่วนบุคคล ความปลอดภัยในกระบวนการผลิต ความปลอดภัยในการขนส่งผลิตภัณฑ์ และความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดย ปตท. บริหารจัดการตามระบบบริหารจัดการของ ปตท. (PTT Integrated Management System: PIMS) ซึ่งครอบคลุมการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน SSHE ให้เป็นไปตามนโยบายและบรรลุตามเป้าหมายการดำเนินงานที่กำหนด สำหรับบริษัทในกลุ่ม ปตท. กำกับตามแนวทางบริหารจัดการแบบกลุ่ม ปตท. (PTT Group Way of Conduct)

ระบบบริหารจัดการของ ปตท. (PTT Integrated Management System: PIMS)
Element M4: SSHE (Safety Security Occupational Health and Environment)

ระบบบริหารจัดการด้าน SSHE ได้ถูกทบทวนและปรับปรุงให้มีความทันสมัยและสอดคล้องตามกฎหมายของประเทศไทย มาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติต่าง ๆ เช่น มาตรฐาน ISO คู่มือและแนวทางของ GRI, WBCSD, IPIECA เป็นต้น ตลอดจนบริบทและปัจจัยความเสี่ยงขององค์กรอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้บูรณาการเข้ากับระบบการจัดการอื่น ๆ ขององค์กรเพื่อให้การถ่ายทอดไปสู่การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

นอกจากนี้ ทุกพื้นที่ปฏิบัติงานหลักของ ปตท. ไม่ว่าจะเป็นโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ สถานีหลักและสถานีแม่ของระบบเครือข่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ อาคาร ปตท.สำนักงานใหญ่ เป็นต้น ยังได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ISO ได้แก่ ISO45001, ISO14001 โดยมีสถาบันการรับรองมาตรฐานสากล (สรอ.) หรือ Management System Certification Institute (Thailand) (MASCI) เป็นผู้ให้การรับรอง (Certification Body)  ตลอดจนมาตรฐานอื่น ๆ เช่น ISO50001 มาตรฐานการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (Corporate Social Responsibility: CSR-DIW) ISO22301 มาตรฐานการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management) เป็นต้น โดยพิจารณาประยุกต์และขอการรับรองตามบริบทและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง

อีกทั้ง ปตท. ให้ความสำคัญกับการยกระดับการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวิเคราะห์ ระบุ และประเมินความเสี่ยงของภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อ ปตท.

ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานGRI403-2, 403-5

เพื่อควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพนักงานและผู้รับเหมา ปตท. ให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตลอดจนการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กร ซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานและผู้รับเหมา เพื่อให้มีจิตสำนึกและพฤติกรรมความปลอดภัยทั้งในและนอกเวลางาน โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้

  • กำหนดกระบวนการบริหารและควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตั้งแต่การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยง การกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงและลดผลกระทบ ตลอดจนกำหนดเป็นขั้นตอนการดำเนินงาน วิธีปฏิบัติงาน และมาตรฐานการทำงานที่เทียบเท่ามาตรฐานสากล
  • จัดทำกระบวนการและขั้นตอนในการพัฒนาวัฒนธรรมด้าน SSHE ภายในองค์กรอย่างชัดเจน โดยมีการสำรวจระดับของวัฒนธรรมด้าน SSHE ในองค์กรเป็นระยะ เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
  • จัดทำสื่อวีดิทัศน์และแผ่นพับกฎความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของ ปตท. (PTT Life Saving Rules) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อบังคับพื้นฐานด้านความปลอดภัยสำหรับพนักงานและผู้รับเหมาทุกคนที่ปฏิบัติงานให้แก่ ปตท. โดยต้องปฏิบัติตามในการปฏิบัติงานทุกพื้นที่อย่างเคร่งครัด และใช้เป็นแนวทางในการสื่อสารสร้างความรู้ภายใน ปตท. และส่งเสริมการดำเนินงานให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการทำงาน พร้อมทั้งทบทวนเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติงาน การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยงและการรายงานสภาพและการกระทำที่ต่ำกว่ามาตรฐาน การสั่งหยุดงานอันตราย (Stop Work Authority) และการปฏิเสธงานอันตราย (Right to Refuse Work) เพื่อใช้ในการสื่อสาร อบรมความรู้และสร้างความตระหนักถึงกฎความปลอดภัยขั้นพื้นฐานให้แก่พนักงานและผู้รับเหมาของ ปตท. รวมทั้งเพื่อแก้ไขและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่งผลให้ในปี 2566 จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นของพนักงานและผู้รับเหมา ลดลงจากปีที่ผ่านมา ปตท. ให้สิทธิพนักงานและผู้รับเหมาปฏิเสธงานอันตรายเมื่อพบว่างานที่ได้รับมอบหมายไม่ปลอดภัย (Right to Refuse Work) โดยไม่ถือเป็นความผิด และให้อำนาจในการสั่งหยุดงานเมื่อพบว่าพนักงานหรือผู้รับเหมากำลังปฏิบัติงานที่อาจเป็นอันตราย (Stop Work Authority)
  • พัฒนาระบบการรายงานอุบัติการณ์และสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เพื่อเป็นช่องทางให้พนักงานรายงานเมื่อเกิดหรือพบอุบัติการณ์ต่าง ๆ โดยครอบคลุมอุบัติเหตุ (Accident) เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ (Near Miss) การกระทำและสภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน (Substandard Act and Condition) รวมทั้งสิ่งไม่สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อกำหนด หรือขั้นตอนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดเป็นมาตรการในการควบคุมและลดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ในปี 2566 มีการปรับปรุงระบบที่สำคัญ เช่น เพิ่มฟังก์ชันการนำเข้าข้อมูลอุบัติเหตุรถยนต์ ปตท. ที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย ซึ่งมีการติดตามการบันทึกข้อมูลจากผู้ขับขี่ รวมถึงปรับปรุงฟังก์ชันการนำข้อมูลมาใช้ในการจัดทำรายงานสรุปข้อมูลอุบัติการณ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น
  • จัดให้มีการอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยทั้งตามกฎหมาย และตามความต้องการฝึกอบรม (Training needs) แก่พนักงานและผู้รับเหมาทุกคน
  • ดำเนินโครงการ Incident Injury Free (IIF) ในพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ โดยเริ่มต้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการประยุกต์ใช้กระบวนการบูรณาการแก้ไขปัญหาตามหลัก IIF ทั้ง 5 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนงาน (Planning ) การประเมิน (Assessment) การสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) การสร้างทักษะ (Skills) และการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน (Sustaining) รวมทั้งนำหลักการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยมาประยุกต์ใช้กับสายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในปี 2566 มีการส่งเสริมสร้างความตระหนักและพฤติกรรมด้านความปลอดภัย โดยจัดอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการสร้างความตระหนักและพฤติกรรมด้านความปลอดภัยให้แก่บุคลากร มีผู้เข้าร่วมอบรมครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติการ มีการปรับปรุงความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานผ่านการทำกิจกรรม Small Group Activity (SGA) จากการดำเนินการในข้างต้น ทำให้คะแนนประเมินผลระดับวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยหลังจากการนำหลักการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยมาประยุกต์ใช้กับสายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติมีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.16 เป็น 4.36 จากคะแนนเต็ม 5 และมีสถิติจำนวนอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปตท. ยังมีแผนในการปรับปรุงวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นและขยายผลอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั้งองค์กรอีกด้วย

การบริหารจัดการอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานGRI403-1, 403-3

ในการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปตท. ได้พัฒนาระบบการจัดการอาชีวอนามัย กลุ่ม ปตท. (PTT Group Occupational Health Management System) และจัดทำเป็นแนวทางการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยของกลุ่ม ปตท. (PTT Group Occupational Health Management System Guideline) ซึ่งสอดคล้องตามกฎหมาย แนวปฏิบัติและมาตรฐานสากลโดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้

  • จัดจ้างแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ดำเนินการสำรวจพื้นที่ปฏิบัติงาน สัมภาษณ์พนักงานและผู้รับเหมา รวมทั้งทบทวนแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ (Health Risk Assessment: HRA) ให้ครอบคลุมทุกอันตราย รายการตรวจสภาพแวดล้อมในการทำงาน รายการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัย วิธีการเก็บตัวอย่าง และการส่งตัวอย่างรวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัยให้แก่พนักงานเป็นประจำทุกปี
  • วิเคราะห์ข้อมูลตรวจสุขภาพและการเข้ารับการรักษาพยาบาล ในปี 2566 โดยพบว่าพนักงานส่วนใหญ่มีอาการของโรคไม่ติดต่อจากการทำงานในสำนักงาน จึงจัดให้มีการจัดอบรมหลักสูตรด้านอาชีวอนามัย ได้แก่ หลักการพื้นฐานด้านการยศาสตร์ในงานคอมพิวเตอร์ งานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการ ความรู้เชิงลึกและปรับปรุงประเด็นปัญหาด้านการยศาสตร์ในงานคอมพิวเตอร์ มาตรการป้องกันการสูญเสียการได้ยินจากการทำงาน (Hearing Loss Prevention) การจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ (Medical Emergency Management) รวมทั้งการจัดโครงการส่งเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้พนักงานและผู้รับเหมามีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เช่น โครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย Walk and Run Fun and Fit และ Fight Fat Fun
  • จัดทำและปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขั้นตอนการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัย หลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ แนวทางการจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ของกลุ่ม ปตท. แนวทางการจัดการด้านสาธารณสุขและการส่งเสริมสุขภาพในสถานที่ทำงานของกลุ่ม ปตท. แนวทางการจัดการด้านการยศาสตร์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ งานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายของกลุ่ม ปตท. การจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ของกลุ่ม ปตท. เพื่อยกระดับการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางตัวชี้วัดสมรรถนะทางสุขภาพ (Health Performance Indicator: HPI) ตามมาตรฐาน IOGP 

การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตGRI403-2, 403-7

อุบัติเหตุในกระบวนการผลิตสามารถสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง รวมถึงส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้น กลุ่ม ปตท. จึงมุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ ระเบิด หรือสารเคมีอันตรายรั่วไหลสู่ภายนอก โดยการนำระบบ “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” หรือ Process Safety Management (PSM) มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ปฏิบัติการหลัก ตั้งแต่การมุ่งเน้นการออกแบบกระบวนการผลิตและก่อสร้างโรงงานอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานสากล พนักงานเดินเครื่องจักรอย่างปลอดภัยตามคู่มือปฏิบัติการ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ถูกต้องเหมาะสมตามมาตรฐานสากล 

กลุ่ม ปตท. มีการกำหนดและเก็บข้อมูลตัวชี้วัดเชิงรุกและเชิงรับด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Leading and Lagging Indicators) โดยกำหนดวิธีการและแนวทางการเก็บข้อมูลตามมาตรฐานสากล API RP 754 และมีการถ่ายทอดตัวชี้วัดเชิงรับ (Process Safety Event Tier 1 และ 2) เป็นเป้าหมายประจำปีด้าน QSHE ของบริษัทในกลุ่ม ปตท. และติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำหนดมาตรการการแก้ไขและป้องกันการสูญเสียจากอุบัติเหตุกระบวนการผลิตได้อย่างทันท่วงที

ในปี 2566 กลุ่ม ปตท. ยังคงดำเนินการพัฒนากระบวนการตรวจสอบมาตรการควบคุม (Barrier validation) เหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรง (Major Accident Event: MAE) ต่อยอดจากการประยุกต์ใช้เทคนิค Bow Tie Analysis สำหรับการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตในพื้นที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจากปี 2562 ถึงปัจจุบัน โดยกระบวนการตรวจสอบมาตรการควบคุมมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้มั่นใจว่ามาตรการควบคุม MAE ในระบบการจัดการความเสี่ยงของพื้นที่ปฏิบัติการมีประสิทธิภาพที่ดีและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานตามฟังก์ชันที่กำหนด ทั้งมาตรการควบคุมประเภทอุปกรณ์ (Equipment barrier) และบุคคล (Human barrier) รวมถึงดำเนินการปรับปรุงมาตรการควบคุมกรณีพบข้อบกพร่อง ให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปกติ มาตรการควบคุม MAE ที่มีประสิทธิภาพและพร้อมใช้งานจะสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ลดการหยุดชะงักในกระบวนการผลิต ทำให้มีการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้างพื้นที่ปฏิบัติการ โดยโครงการนี้ได้ดำเนินงานร่วมกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบมาตรการควบคุม MAE ในพื้นที่นำร่องเพิ่มเติมจำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 และ หน่วยที่ 6 ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ตรวจสอบทั้งมาตรการควบคุมประเภทอุปกรณ์และมาตรการควบคุมประเภทบุคคล พร้อมทั้งส่งเสริมให้พัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ป้องกันและลดผลกระทบที่รุนแรงจากอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ ระเบิด และสารเคมีอันตรายรั่วไหล ซึ่งในปี 2566 มีพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. ที่มีความเสี่ยงสูงนำเทคนิค Bow Tie Analysis ไปประยุกต์ใช้แล้วคิดเป็นร้อยละ 90 ของพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด และมีแผนนำไปประยุกต์ใช้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ต่อไป รวมถึงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของแต่ละบริษัทซึ่งเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ในปี 2566 ปตท. จัดให้มีการตรวจประเมินด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. (PTT Safety Risk Assessment and Assurance) โดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษาภายนอกด้านการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต มาดำเนินการตรวจประเมินความพร้อมใช้งานของเครื่องจักรอุปกรณ์ (Asset Integrity) และตรวจประเมินระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management: PSM) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการปฏิบัติการของสายงานแยกก๊าซธรรมชาติ สายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสายงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ จำนวน 24 พื้นที่   

การบริหารความมั่นคงปลอดภัย 

ปตท. ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. และแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. พร้อมทั้งพัฒนาวิธีปฏิบัติงานเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของบุคลากรและสินทรัพย์ เพื่อเป็นกรอบการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยให้สอดคล้องกันทั้งองค์กร ครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติงานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. โดยมีการทบทวนแนวทางให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ปตท. ได้ประสานงานกับเครือข่ายหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อดำเนินงานด้านการข่าว และสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที โดยจัดให้มีการซ้อมแผนด้านความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ ของกลุ่ม ปตท. ควบคู่ไปกับการซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นระยะ เพื่อเตรียมความพร้อมและสามารถบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

ปตท. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัย โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ด้านหลัก ๆ ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การพัฒนาแนวทางการดำเนินงาน และการนำนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยเข้ามาประยุกต์ใช้

ปตท. ตระหนักถึงประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานด้านความมั่นคง จึงกำหนดมาตรการด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนไว้อย่างชัดเจนในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท. ซึ่งครอบคลุมถึงการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และข้อมูลขององค์กร ตลอดจนจัดหลักสูตรอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผ่านข้อกำหนดงานจ้างเหมารักษาความปลอดภัย ปตท. เช่น ศิลปะการป้องกันตัว และการตรวจค้นบุคคล และมีการตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผ่านการตรวจประเมินความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. เพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทราบถึงสิทธิในหน้าที่และปฏิบัติงานโดยไม่ให้เกิดการละเมิดในสิทธิของบุคคลอื่น

การจัดการความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ และการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถและทางเรือ

ปตท. มุ่งมั่นพัฒนาระบบการบริหารความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ และการขนส่งผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติเหตุด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์เป็นศูนย์ ในทุกกระบวนการขนส่งทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ ซึ่ง ปตท. ได้มีการดำเนินการ ดังนี้

การจัดการความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: ผู้บริหาร พนักงาน และผู้รับเหมา ได้แก่ พนักงานขับรถ
  • ดำเนินโครงการ Safe Driving Challenge ปี 2566 สำหรับพนักงานและผู้รับเหมาที่ขับขี่รถยนต์ ปตท. โดยใช้ระบบ Advance Safety Vehicle (ASV) เพื่อประเมินและติดตามพฤติกรรมในการขับขี่ และต่ออายุใบขับขี่รถยนต์ ปตท. โดยอัตโนมัติให้แก่ผู้มีพฤติกรรมการขับขี่อย่างปลอดภัยตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 229 คน และจากผลการประเมินพฤติกรรมการขับขี่ปี 2566 พบว่ามีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 97.71% (เพิ่มขึ้น 1.71% จากปี 2565)
  • ดำเนินการโครงการปตท. ร่วมใจสวมหมวกนิรภัย 100% ผ่านกิจกรรม 21-Days Helmet Challenge เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พนักงาน ผู้รับเหมา และผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ปตท. สำนักงานใหญ่ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มาปฏิบัติงาน ให้สวมใส่หมวกนิรภัยทุกคน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 221 คน และจากการสำรวจข้อมูลพบว่ามีผู้สวมใส่หมวกนิรภัยก่อนเริ่มโครงการฯ อยู่ที่ 72% ปัจจุบันมีการสวมใส่หมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นเป็น 80%
  • จัดทำสื่อวีดิทัศน์ความรู้การขับขี่อย่างปลอดภัยลงใน YouTube ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักในการขับขี่อย่างปลอดภัย ให้แก่พนักงาน ผู้รับเหมา รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางถนน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: บริษัทรับเหมาขนส่ง
  • พัฒนาระบบ Advanced Analytics for Road Safety ซึ่งเป็นระบบที่นำข้อมูลการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ ข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ ข้อมูลการบำรุงรักษารถยนต์ และเส้นทางการขนส่ง มาวิเคราะห์ ติดตามโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและจัดทำรายงานประสิทธิภาพของการขนส่ง
  • จัดกิจกรรม Risk in Road Safety เพื่อส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขนส่งให้แก่พนักงานขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยมีขั้นตอนดังนี้
    • พนักงานขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์รายงานจุดเสี่ยงที่พบในเส้นทางการขนส่ง โดยระบุความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณนั้น
    • ปตท. ตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาจุดเสี่ยงจากระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ที่พนักงานขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์รายงานและข้อมูลสถิติอุบัติเหตุบริเวณจุดเสี่ยงนั้น หากพบว่ามีความเสี่ยงสูง ปตท. จะสำรวจพื้นที่และตรวจประเมินความเสี่ยงโดยละเอียด
    • นำผลจากการประเมินจุดเสี่ยงของพื้นที่มาพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไข ป้องกัน หรือมาตรการลดความเสี่ยง ในกรณีที่จุดเสี่ยงนั้นมีความเสี่ยงสูง
    • สื่อความข้อมูลจุดเสี่ยงให้แก่บริษัทรับเหมาขนส่งผลิตภัณฑ์ทราบผ่านคณะทำงานบริหารความปลอดภัยในการขนส่ง กลุ่ม ปตท. (PTT Group Transportation Safety Management Taskforce)
    • มอบรางวัลให้แก่บริษัทรับเหมาขนส่งผลิตภัณฑ์และพนักงานขับรถตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยในปี 2566 มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 264 คน และได้มีการรายงานจุดเสี่ยงจำนวน 354 จุด ซึ่งได้นำมาเก็บในฐานข้อมูล พร้อมทั้งสื่อความรายงานในที่ประชุมคณะทำงานบริหารความปลอดภัยในการขนส่ง กลุ่ม ปตท. (PTT Group Transportation Safety Management Taskforce)

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางราง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: การรถไฟแห่งประเทศไทย
  • จัดทำมาตรฐาน คู่มือการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล Regulation Concerning the International Carriage of Dangerous Goods by Rail (RID)
  • ฝึกซ้อมแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรางร่วมกับ PTTEP การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้นำชุมชน และหน่วยงานราชการจังหวัดพิษณุโลก กรณีเหตุรถไฟตกรางขณะทำการลากจูงขบวนตู้บรรทุกน้ำมันดิบ ณ คลังน้ำมันดิบบึงพระ ตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้กับพนักงาน ผู้รับเหมา ชุมชน และหน่วยงานราชการ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่ เกี่ยวกับการจัดการและตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน โดยการซ้อมแผนฯ ดังกล่าวมีการประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และรับข้อเสนอแนะจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางน้ำ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: บริษัทรับเหมาขนส่งทางเรือ
  • สนับสนุนและผลักดันการนำระบบ Marine Terminal Information System (MTIS) มาใช้ในกลุ่ม ปตท. พร้อมทั้งจัดให้มีการแบ่งปันวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านความปลอดภัยในการขนส่งทางเรือให้กับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ผ่านคณะทำงานบริหารความปลอดภัยในการขนส่ง กลุ่ม ปตท. (PTT Group Transportation Safety Management Taskforce)
  • จัดประชุมคณะทำงานด้านความปลอดภัยการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางเรือ กลุ่ม ปตท. เพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงาน โดยครอบคลุมทั้งกลุ่ม ปตท. รวมถึงบริษัทรับเหมาขนส่งฯ ในด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย การบริหารจัดการองค์กร การบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอายุการใช้งานมาก (Aging Assets) การเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน ท่าเรือ และบนเรือ รวมถึงการปลูกฝังและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ เพื่อมุ่งสู่อุบัติเหตุการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางน้ำเป็นศูนย์

การขับขี่ปลอดภัยของชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: ประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยอง

ในปี 2566 ปตท. ร่วมกับภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดระยอง จัดทำโครงการขับดีมีสุข ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนให้กับโรงเรียนและชุมชนในจังหวัดระยอง โดยประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดังนี้

  • กิจกรรม “โรงเรียนปลอดภัย ชุมชนอุ่นใจ” เป็นการส่งเสริมความปลอดภัยในการขับขี่ภายในโรงเรียน ร่วมกับคณะกรรมการบริหารแผนงานการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคตะวันออก ด้วยการให้ความรู้การค้นหาอันตรายและความเสี่ยงจากการขับขี่ภายในพื้นที่โรงเรียนและบริเวณโดยรอบ ให้คำปรึกษา แนะนำและส่งเสริมให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จัดทำมาตรการแก้ไขจุดเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการขับขี่ภายในพื้นที่โรงเรียนและบริเวณโดยรอบ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน ภายใต้แนวคิด “เรียน เล่น ร่าง สร้างมาตรการแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน” โดย กลุ่ม ปตท. สนับสนุนงบประมาณการแก้ไขจุดเสี่ยงให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ในปี 2566 มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 9 โรงเรียน 9 โครงการ
  • กิจกรรม “นักเรียนรุ่นใหม่ ใส่ใจใบขับขี่” เป็นการอบรมเทคนิคการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย เพื่อขอใบอนุญาตขับขี่ โดย ปตท. ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และบริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด จัดอบรมให้แก่นักเรียน จำนวน 4 โรงเรียน โดยมีนักเรียนผ่านการอบรมและได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 275 คน
  • กิจกรรม “จิตอาสาสร้างความปลอดภัยทางถนน” เป็นการเสริมสร้างความรู้และทักษะการขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุให้แก่ชุมชน โดย ปตท. จัดอบรมหลักสูตรเทคนิคการขับรถเชิงป้องกันให้แก่ผู้นำชุมชนจำนวน 46 คน จาก 7 ชุมชน เพื่อให้นำความรู้ที่ได้รับไปแนะนำหรือสร้างความตระหนักเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้แก่ครอบครัว หน่วยงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง
  • โครงการประเมินและแก้ไขจุดเสี่ยงทางถนน ได้นำข้อมูลจุดเสี่ยงของจังหวัดระยอง จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และข้อมูลอุบัติเหตุย้อนหลัง 3 ปี จากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนนทั้งภาครัฐและเอกชนมาพิจารณา พบว่ามีจุดที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 4 จุด จึงนำมาจัดทำมาตรการลดความเสี่ยง โดยกำหนดแนวทางการแก้ไขและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพร้อมส่งมอบให้แก่ ปภ. จังหวัดระยอง
  • จัดทำสื่อวีดิทัศน์ความรู้ชุด Godji ชวนรู้ เพื่อเป็นการสื่อสารเทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย ประกอบด้วย สื่อวีดิทัศน์เกณฑ์การหักคะแนนใบขับขี่ จำนวน 3 ตอน เทคนิคการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัยจำนวน 6 ตอน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 8 ตอน รวม 17 ตอน โดยมีตัวอย่างสื่อวิดิทัศน์ เช่น การปรับเบาะ ปรับกระจกเพื่อลดจุดบอดในการขับขี่รถยนต์ เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ Facebook ขับดี มีสุข และ YouTube @gooddrivegoodlife ซึ่งจะเป็นช่องทางให้บุคคลทั่วไปสามารถศึกษาและทบทวนเทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัยได้

การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน ภาวะวิกฤต และความต่อเนื่องทางธุรกิจSDGs 3.6

ปตท. ปรับปรุงแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤต ของ ปตท. ให้สอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ปี 2564-2570 เพื่อบูรณาการประสานความร่วมมือและเชื่อมโยงข้อมูลด้านต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2566 ปตท. มีการทบทวนแนวทางการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤต โดยนำระบบการบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System: ICS) มาใช้ในการฝึกซ้อมแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตระดับจังหวัด ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานราชการในจังหวัดระยอง และบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อให้ผู้บริหารและทุกหน่วยงานมีความเข้าใจบทบาทหน้าที่ สามารถบูรณาการกระบวนการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถบริหารจัดการให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในเดือนกันยายน 2566 มีการฝึกซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง (สาธารณภัยระดับกลางหรือระดับ 2) ในพื้นที่การนิคม พื้นที่โดยรอบอุตสาหกรรมมาบตาพุด และบริเวณท่าเรือ อำเภอมาบตาพุด จังหวัดระยอง กรณีเกิดเหตุด้านอุทกภัย วาตภัย คลื่นลมแรง สารเคมี วัตถุอันตราย รังสี และการอพยพประชาชน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ (Incident Commander) ซึ่งในการฝึกซ้อมได้เชื่อมต่อการสื่อสารจากศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินกลุ่ม ปตท. (PTT Group Emergency Management Center: GEMC) ไปยังศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของ GC และศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของ PTTLNG ผ่านระบบการประชุมทางไกลด้วยวีดิทัศน์

นอกจากนี้ยังได้ทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของ ปตท.  พร้อมทั้งฝึกซ้อมแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Attack) ส่งผลให้ระบบงานทั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องมีการบริหารจัดการกรณีก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันออกและตะวันตกมีปริมาณลดลง โดยมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธาน และมีผู้บริหารตามโครงสร้างศูนย์บริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Crisis Management Center: CMC) เข้าร่วมการฝึกซ้อมด้วย มีการประสานไปยังศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของกลุ่มธุรกิจ รวมถึง PTT Digital ผ่านระบบการประชุมทางไกลด้วยวีดิทัศน์  ทั้งนี้ในปี 2566 ปตท. ยังคงได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (ISO22301) โดยสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.)

การสื่อสาร การมีส่วนร่วม และการให้คำปรึกษาGRI403-4

ปตท. มีการสื่อสารนโยบาย แนวทางบริหารจัดการ และผลการดำเนินงานให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกรับทราบอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้พนักงานและผู้รับเหมามีส่วนร่วมในการ  ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ขอคำปรึกษา ตลอดจนแจ้งความต้องการ ความคาดหวัง ข้อสงสัยและข้อกังวลใจ ต่อกระบวนการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น การประชุมความปลอดภัยก่อนเริ่มปฏิบัติงานประจำวัน ระบบข้อร้องเรียนของ ปตท. การร้องเรียนผ่านผู้บังคับบัญชา การร้องเรียนผ่านฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลของแต่ละหน่วยธุรกิจโดยตรง ระบบข้อร้องเรียนแรงงานสัมพันธ์ของส่วนแรงงานสัมพันธ์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (สร.ปตท.) การประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ ซึ่งมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นประธาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างร่วมเป็นกรรมการ

การส่งเสริมสุขภาพพนักงานGRI403-6

ปตท. จัดให้มีสถานพยาบาลใน ปตท. ที่ให้สิทธิทั้งพนักงาน และครอบครัวของพนักงานเข้าใช้บริการโดยพนักงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยให้บริการตรวจรักษาครอบคลุมโรคที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน นอกจากนี้ พนักงานและครอบครัวยังสามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลภายนอกตามสิทธิที่ ปตท. กำหนด อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ผลการตรวจสุขภาพประจำปีและข้อมูลการเข้ารับการรักษาพยาบาล มาจัดโครงการส่งเสริมสุขภาพให้กับพนักงาน เช่น โครงการลดความเสี่ยงจากโรคกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ non-communicable diseases (NDC)  โครงการออกกำลังกาย ซึ่งข้อมูลการตรวจสุขภาพทั้งหมดจะถูกจัดเก็บเป็นความลับในรูปแบบดิจิทัลในระบบฐานข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล ตามกฎหมาย นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของ ปตท. ซึ่งพนักงานสามารถเข้าดูได้ในข้อมูลส่วนบุคคลใน Intranet ขององค์กร

ตัวชี้วัด และผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ ปตท.