ความยั่งยืน

การบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย

ความยั่งยืน

การบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
  





ผลกระทบของประเด็นในช่วงเวลาต่าง ๆ

ผลกระทบของประเด็นในช่วงเวลาต่าง ๆ
ระยะสั้น
ระยะกลาง
ระยะยาว
สูง
สูง
สูง


การบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย
มุมมองด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality)
มุมมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality)
  • ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การประเมินความเสี่ยง และการสอบสวนเหตุการณ์
  • ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ/ เจ็บป่วย
    ต่อพนักงานและผู้ปฏิบัติงาน
  • การบริการด้านสุขภาพ
    การให้คำปรึกษาการฝึกอบรม การส่งเสริมสุขภาพ และการสื่อสารต่อพนักงานและผู้ปฏิบัติงาน
  • การป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เชื่อมโยงโดยตรงกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
  • ความปลอดภัยจากกระบวนการผลิต
  • ความปลอดภัยจากการเดินทาง/ ขนส่งทางรถและเรือ
  • ความปลอดภัยของชุมชน
  • การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน ภาวะวิกฤต และความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ
    ต่อธุรกิจ สังคมชุมชน
    และสิ่งแวดล้อม
ความเสี่ยงต่อบริษัท โอกาสต่อบริษัท + ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ/
เจ็บป่วย/ บาดเจ็บในการทำงาน
+ ยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน ผู้รับเหมาและสังคมชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติงาน
- การบาดเจ็บและเจ็บป่วยจากการทำงานของพนักงานและ ผู้รับเหมาที่เกิดจากอุบัติการณ์/ อุบัติเหตุ 
- อันตรายและความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ/ เหตุฉุกเฉินของโครงการก่อสร้าง/ การทำงานต่อชุมชนรอบสถานประกอบการ



ต้นค่าใช้จ่ายด้านประกันภัยและค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น
มูลค่าความเสียหายทาง

การเงินและภาพลักษณ์


+  เพิ่มผลิตภาพในการทำงานและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

ภาพรวมการบริหารจัดการ

ปตท. บริหารจัดการความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย (SECURITY, SAFETY AND OCCUPATIONAL HEALTH) ภายใต้กรอบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม  (Security, Safety, Occupational Health and Environment: SSHE) และเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม  (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment: QSHE) ของบริษัท โดยมีรายละเอียดของกรอบการบริหารจัดการ นโยบาย  โครงสร้างการกำกับดูแล และระบบการจัดการ ตามเนื้อหาในเว็บไซต์หัวข้อ ระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (SSHE Management System)

วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย

ภายใต้ความมุ่งมั่นที่กำหนดไว้ในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม  (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment: QSHE) ปตท. กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานด้าน QSHE ประจำปี ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ (Zero Accident) ภายในปี 2573 ประกอบด้วยตัวชี้วัด ได้แก่

  • อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Accident: LTA) ของพนักงานและผู้รับเหมา หน่วย: คน
  • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวม (Total Recordable Injuries Rate: TRIR) ของพนักงานและผู้รับเหมา หน่วย: ต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน
  • อุบัติเหตุด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Event: PSE) (ระดับ Tier 1 และผลรวมระดับ Tier 1 และ 2) หน่วย: ครั้ง
  • อัตราการเจ็บป่วยจากการทำงานรวม (Total Recordable Occupational Illness Rate: TROIR) ของพนักงาน หน่วย: ต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน
  • จำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ระดับร้ายแรง หน่วย: ครั้ง
  • อัตราการเกิดอุบัติเหตุรถขนส่งผลิตภัณฑ์ระดับร้ายแรง (Major Truck Accident Rate) หน่วย: ครั้งต่อ 1,000,000 กิโลเมตร
  • อัตราการเกิดอุบัติเหตุเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ระดับร้ายแรง หน่วย: ครั้งต่อ 1,000 เที่ยวเรือที่เข้าเทียบท่า

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดตัวชี้วัดในระดับต่าง ๆ ที่วัดผลการดำเนินงานของผู้บริหารของหน่วยธุรกิจ และถ่ายทอดเป็นเป้าหมายระดับสายงานในแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อสะท้อนถึงสมรรถนะการบริหารจัดการของแต่ละหน่วยธุรกิจ รวมถึงให้บริษัทในกลุ่ม ปตท. นำไปพิจารณากำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องตามบริบทขององค์กรอีกด้วย

ตารางการบริหารจัดการประเด็น

เป้าหมายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท.

เป้าหมายการดำเนินงานด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (QSHE) กลุ่ม ปตท. ประจำปี 2568

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

การจัดการความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน GRI403-2, GRI403-5

เพื่อควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพนักงานและผู้รับเหมา ปตท. ให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตลอดจนการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กร ซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานและผู้รับเหมา เพื่อให้มีจิตสำนึกและพฤติกรรมความปลอดภัยทั้งในและนอกเวลางาน โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้

  • กำหนดกระบวนการบริหารและควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตั้งแต่การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยง การกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงและลดผลกระทบ ตลอดจนกำหนดเป็นขั้นตอนการดำเนินงาน วิธีปฏิบัติงาน และมาตรฐานการทำงานที่เทียบเท่ามาตรฐานสากล
  • จัดทำกระบวนการและขั้นตอนในการพัฒนาวัฒนธรรมด้าน SSHE ภายในองค์กรอย่างชัดเจน โดยมีการสำรวจระดับของวัฒนธรรมด้าน SSHE ในองค์กรเป็นระยะ เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
  • จัดทำสื่อวิดิทัศน์และแผ่นพับกฎความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของ ปตท. (PTT Life Saving Rules) รวมทั้งทบทวนเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติงานตามกฎความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของ ปตท. เพื่อใช้ในการสื่อสารสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่พนักงานและผู้รับเหมาที่มาปฏิบัติงาน อีกทั้งมีการจัดอบรม เพื่อช่วยส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บจากการทำงาน โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมการปฏิบัติงานในหน้างานจริงของทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ระบบการขออนุญาตทำงาน การตัดแยกแหล่งพลังงาน การทำงานในที่อับอากาศ การทำงานบนที่สูง การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) การยก เคลื่อนย้าย วัตถุ สิ่งของ และการจัดการสารเคมี เป็นต้น   รวมถึงให้สิทธิพนักงานและผู้รับเหมาปฏิเสธงานอันตรายเมื่อพบว่างานที่ได้รับมอบหมายไม่ปลอดภัย (Right to Refuse Work) โดยไม่ถือเป็นความผิด และให้อำนาจในการสั่งหยุดงานเมื่อพบว่าพนักงานหรือผู้รับเหมากำลังปฏิบัติงานที่อาจเป็นอันตราย (Stop Work Authority)
  • พัฒนาระบบการรายงานอุบัติการณ์และสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เพื่อเป็นช่องทางให้พนักงานรายงานเมื่อเกิดหรือพบอุบัติการณ์ต่าง ๆ โดยครอบคลุมอุบัติเหตุ (Accident) เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ (Near Miss) การกระทำและสภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน (Substandard Act and Condition) รวมทั้งสิ่งไม่สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อกำหนด หรือขั้นตอนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดเป็นมาตรการในการควบคุมและลดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
  • จัดให้มีการอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยทั้งตามกฎหมาย และตามความต้องการฝึกอบรม (Training needs) แก่พนักงานและผู้รับเหมาทุกคน
  • การสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มดำเนินโครงการ Incident and Injury Free (IIF) ที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยองและขนอม มุ่งเน้นบูรณาการกระบวนการแก้ไขปัญหาตามหลัก IIF ทั้ง 5 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนงาน การประเมิน การสร้างการมีส่วนร่วม การสร้างทักษะ และการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน และขยายผลการประยุกต์ใช้ไปยังสายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ มีการส่งเสริมการสร้างความตระหนักและพฤติกรรมด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติการมีการปรับปรุงความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานผ่านกิจกรรม Small Group Activity (SGA) ส่งผลให้คะแนนประเมินระดับวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยของสายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติมีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.36 เป็น 4.49 จากคะแนนเต็ม 5 และมีสถิติจำนวนอุบัติเหตุระดับร้ายแรงเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรม เสริมสร้างความรู้ และพฤติกรรมด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของสถานีจ่ายก๊าซหลัก หรือสถานีแม่ (Mother Station) จำนวน 9 แห่ง มีผู้เข้าร่วมอบรมรวม 234 คน ทั้งนี้ ปตท. มีแผนปรับปรุงวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นและขยายผลอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั้งองค์กรอีกด้วย

การบริหารจัดการอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ในการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปตท. ได้พัฒนาระบบการจัดการอาชีวอนามัย กลุ่ม ปตท. (PTT Group Occupational Health Management System) และจัดทำเป็นแนวทางการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยของกลุ่ม ปตท. (PTT Group Occupational Health Management System Guideline) ซึ่งสอดคล้องตามกฎหมาย แนวปฏิบัติและมาตรฐานสากลโดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้

  • จัดจ้างแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ดำเนินการทบทวนแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ (Health Risk Assessment: HRA) ให้ครอบคลุมทุกสิ่งคุกคามที่สำคัญ เช่น สิ่งคุกคามทางกายภาพ สิ่งคุกคามทางสารเคมี และสิ่งคุกคามทางชีวภาพ รายการตรวจสภาพแวดล้อมในการทำงาน รายการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัย วิธีการเก็บตัวอย่าง และการส่งตัวอย่างรวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัยให้แก่พนักงานเป็นประจำทุกปี
  • จัดให้มีการอบรมหลักสูตรด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้แก่พนักงาน ได้แก่ หลักสูตรมาตรการอนุรักษ์การได้ยิน (Hearing Conservation) เพื่อให้ความรู้ในการป้องกันอันตรายจากเสียงในการทำงาน และหลักสูตรหลักการพื้นฐานและเชิงลึกด้านการยศาสตร์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ และงานยกเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกาย ให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อให้นำไปใช้ในการสำรวจและปรับปรุงประเด็นปัญหาด้านการยศาสตร์ รวมทั้งการจัดทำเอกสารแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการยศาสตร์ดังกล่าว เพื่อยกระดับให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล
  • จัดทำและปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยที่เกี่ยวข้อง แนวทางการจัดการด้านการยศาสตร์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ งานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายของกลุ่ม ปตท. การจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ของกลุ่ม ปตท. เพื่อยกระดับการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ตามแนวทางตัวชี้วัดสมรรถนะทางสุขภาพ (Health Performance Indicator: HPI) ตามมาตรฐาน IOGP

การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตGRI403-2, 403-7

อุบัติเหตุในกระบวนการผลิตสามารถสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง รวมถึงส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้น กลุ่ม ปตท. จึงมุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ ระเบิด หรือสารเคมีอันตรายรั่วไหลสู่ภายนอก โดยการนำระบบ “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” Process Safety Management (PSM) มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ปฏิบัติการหลัก ตั้งแต่การมุ่งเน้นการออกแบบกระบวนการผลิตและก่อสร้างโรงงานอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานสากล พนักงานเดินเครื่องจักรอย่างปลอดภัยตามคู่มือปฏิบัติการ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ถูกต้องเหมาะสมตามมาตรฐานสากล

กลุ่ม ปตท. มีการกำหนดและเก็บข้อมูลตัวชี้วัดเชิงรุกและเชิงรับด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Leading and Lagging Indicators) โดยกำหนดวิธีการและแนวทางการเก็บข้อมูลตามมาตรฐานสากล API RP 754 และมีการถ่ายทอดตัวชี้วัดเชิงรับ (Process Safety Event Tier 1 และ 2) เป็นเป้าหมายประจำปีด้าน QSHE ของบริษัทในกลุ่ม ปตท. และติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขความสูญเสียจากอุบัติเหตุกระบวนการผลิตได้อย่างทันท่วงที

กลุ่ม  ปตท. ประยุกต์ใช้เทคนิค Bow Tie Analysis และการตรวจสอบประสิทธิภาพและความพร้อมของมาตรการควบคุม (Barrier Validation) เหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรง (Major Accident Event: MAE) ในการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันและควบคุมการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในพื้นที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน โดยกระบวนการตรวจสอบมาตรการควบคุมมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้มั่นใจว่ามาตรการควบคุม MAE ในระบบการจัดการความเสี่ยงของพื้นที่ปฏิบัติการมีประสิทธิภาพที่ดีและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานตามฟังก์ชันที่กำหนด ทั้งมาตรการควบคุมประเภทอุปกรณ์ (Equipment Barrier) และบุคคล (Human Barrier) รวมถึงดำเนินการปรับปรุงมาตรการควบคุมกรณีพบข้อบกพร่อง ให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปกติ มาตรการควบคุม MAE ที่มีประสิทธิภาพและพร้อมใช้งานจะสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ลดการหยุดชะงักในกระบวนการผลิต ทำให้มีการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้างพื้นที่ปฏิบัติการ ในปี 2567 มีการขยายผลการประยุกต์ใช้เทคนิค Bow Tie Analysis ไปยังพื้นที่ปฏิบัติการเพิ่มเติมจำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่ สถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติวังน้อย (Wangnoi Compressor Station: WCS) และคลังน้ำมันศรีราชา ซึ่งทำให้พื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติร้ายแรงทุกพื้นที่ มีการประยุกต์ใช้เทคนิค Bow Tie Analysis ครบถ้วนแล้ว ซึ่งต่อไปจะเข้าสู่ระยะของการทบทวนรายละเอียดและปรับปรุงข้อมูลความเสี่ยงให้เป็นปัจจุบัน และดูแลมาตรการควบคุมให้มีความพร้อมใช้งานอย่างเหมาะสมต่อไป อีกทั้ง ยังได้ขยายผลการทำ Barrier Validation เพิ่มเติม จำนวน 1 พื้นที่ ได้แก่ สถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติราชบุรี (Ratchaburi Compressor Station: RCS) ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ตรวจสอบทั้งมาตรการควบคุมประเภทอุปกรณ์และมาตรการควบคุมประเภทบุคคล พร้อมทั้งส่งเสริมให้พัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ป้องกันและลดผลกระทบที่รุนแรงจากอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ ระเบิด และสารเคมีอันตรายรั่วไหล เป็นต้น รวมถึงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของแต่ละบริษัทซึ่งเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ปตท. ได้ขยายผลการดำเนินการตรวจประเมินด้านความพร้อมใช้งานของเครื่องจักรอุปกรณ์ (Asset Integrity) ในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. ภายใต้โครงการ PTT Safety Risk Assessment and Assurance ที่ดำเนินการในปี 2567 อีกจำนวน 9 พื้นที่ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

การเรียนรู้จากอุบัติเหตุระดับร้ายแรง (Lesson Learned from Major Accidents) ในปี 2567

รายละเอียดเหตุการณ์
กรณีอุบัติเหตุสารละลาย Benfield รั่วไหลจาก Line Drain ในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ขณะทำการ Drain สารละลาย Benfield ภายใน Turbine ทำให้มีสารละลายรั่วไหลจากกระบวนการผลิตและพนักงานได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาทางการแพทย์ (Medical Treatment Case)
มาตรการแก้ไขและป้องกัน
จากการวิเคราะห์หาสาเหตุพื้นฐาน ได้กำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยมุ่งเน้นการทบทวนความเสี่ยงในการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์ ทบทวนวิธีการปฏิบัติงาน กำหนดมาตรการด้านวิศวกรรม รวมทั้งส่งเสริมความตระหนักถึงอันตรายที่อาจะเกิดขึ้นในขั้นตอนการทำงานที่เกิดอุบัติเหตุ

การบริหารความมั่นคงปลอดภัย

ปตท. ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. และแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. พร้อมทั้งพัฒนาวิธีปฏิบัติงานเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของบุคลากรและสินทรัพย์ เพื่อเป็นกรอบการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยให้สอดคล้องกันทั้งองค์กร ครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติงานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท. โดยมีการทบทวนแนวทางให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ปตท. ได้ประสานงานกับเครือข่ายหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อดำเนินงานด้านการข่าว และสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที โดยจัดให้มีการซ้อมแผนด้านความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ ของกลุ่ม ปตท. ควบคู่ไปกับการซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นระยะ เพื่อเตรียมความพร้อมและสามารถบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

ปตท. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัย โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ด้านหลัก ๆ ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การพัฒนาแนวทางการดำเนินงาน และการนำนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยเข้ามาประยุกต์ใช้

ปตท. ตระหนักถึงประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานด้านความมั่นคง จึงกำหนดมาตรการด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนไว้อย่างชัดเจนในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมกลุ่ม ปตท. ซึ่งครอบคลุมถึงการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และข้อมูลขององค์กร ตลอดจนจัดหลักสูตรอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผ่านข้อกำหนดงานจ้างเหมารักษาความปลอดภัย ปตท. เช่น ศิลปะการป้องกันตัว และการตรวจค้นบุคคล และมีการตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผ่านการตรวจประเมินความมั่นคงปลอดภัยกลุ่ม ปตท. เพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทราบถึงสิทธิในหน้าที่และปฏิบัติงานโดยไม่ให้เกิดการละเมิดในสิทธิของบุคคลอื่น โดยนโยบายดังกล่าวนั้นครอบคลุมไปถึงคู่ค่าที่ให้บริการด้านความปลอดภัยในทุกพื้นที่ดำเนินงานของ ปตท. และจัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดดทุก 3 ปี ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น ปตท. ได้ดำเนินการผลักดันให้มีเครือข่ายประสานความร่วมมือด้านการข่าว พร้อมประเมินภัยคุกคามการก่อความไม่สงบ ต่อ ปตท. และบริษัทภายในกลุ่ม ปตท. ในพื้นที่ที่มีภัยคุกคามสูง  3 พื้นที่ ดังนี้

1. ภาคใต้: 3 จังหวัดชายแดน


2. ภาคตะวันตก
: เฉพาะบริเวณแถบชายแดนไทย – พม่า


3. ภาคตะวันออก: จ. ชลบุรี และ จ.ระยอง


ในส่วนของความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ปตท. ร่วมกับ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดงานการประชุมทางวิชาการความมั่นคงปลอดภัยต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ CI-SEC (Academic Conference on Critical Infrastructure Security) เพื่อพัฒนาและส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ



การจัดการความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ และการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางรถและทางเรือ  

ปตท. มุ่งมั่นพัฒนาระบบการบริหารความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ และการขนส่งผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติเหตุด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์เป็นศูนย์ ในทุกกระบวนการขนส่งทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ ซึ่ง ปตท. ได้มีการดำเนินการ ดังนี้

การจัดการความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: ผู้บริหาร พนักงาน และผู้รับเหมา ได้แก่ พนักงานขับรถ
  • พัฒนาระบบ Defensive driving Auto-assessment System (DAS) ซึ่งเป็นระบบ และอุปกรณ์สำหรับประเมินพฤติกรรมการขับขี่บนถนนจริง (On Road Driving Test - Commentary Driving) แบบอัตโนมัติตามหลักการขับขี่เชิงป้องกัน (Defensive Driving) สำหรับการประเมินผลภาคปฏิบัติในหลักสูตร Defensive Driving เพื่อขอและต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนกลางของ ปตท. ทดแทนการใช้มนุษย์ในการประเมินผล ซึ่งระบบสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำในการประเมินผล นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการประเมินขับขี่ และคำแนะนำได้เป็นรายบุคคล เพื่อให้พนักงานสามารถนำไปพัฒนาทักษะการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นพัฒนาหลักสูตรสำหรับอบรมรถจักรยานยนต์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างจิตสำนึก ทัศนคติการขับขี่อย่างปลอดภัยให้เกิดขึ้นในกลุ่มพนักงาน และผู้รับเหมาของ ปตท. เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ รูปแบบการอบรมของหลักสูตรมุ่งเน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ผ่านการเรียนรู้เชิงทฤษฎีหลักการขับขี่อย่างปลอดภัย การจำลองสถานการณ์การสูญเสียสมรรถภาพในการขับขี่ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงร่วมกันภายในชั้นเรียน ซึ่งได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการอบรม คือ พนักงาน และผู้รับเหมาของ ปตท. ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ในปี 2567 ได้ดำเนินการเริ่มจัดอบรมเป็นครั้งแรกให้กับพนักงาน ปตท. และผู้รับเหมาที่มีการขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทบิ๊กไบค์ ในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง จำนวน 50 คน และจะมีการขยายผลจัดการฝึกอบรมในพื้นที่ปฏิบัติการอื่นๆ ในปี 2568 ต่อไ

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางถนน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: บริษัทรับเหมาขนส่ง
  • ร่วมกับคณะทำงานความปลอดภัยการขนส่ง กลุ่ม ปตท. (PTT Group Transportation Safety Taskforce) ในการส่งเสริม สร้างจิตสำนึก วัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในการขนส่ง และการสนับสนุนนโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์แก่บริษัทรับเหมาขนส่งทางถนน ผ่าน 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรม Risk in Road Safety และ กิจกรรม Eco Driving
  • จัดกิจกรรม Risk in Road Safety การสำรวจ และประเมินจุดเสี่ยงเส้นทางบนถนน เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัย กระตุ้นให้พนักงานขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์เป็นผู้ค้นหา รายงานจุดเสี่ยงที่พบบนท้องถนนระหว่างการขนส่งผลิตภัณฑ์มายัง ปตท. เพื่อพิจารณา คัดเลือกนำไปกำหนดมาตรการแก้ไข ป้องกัน หรือมาตรการลดความเสี่ยง และสื่อความในกลุ่มบริษัทรับเหมาขนส่งต่อไป โดยในปี 2567 มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 532 คน และมีการรายงานจุดเสียงเข้ามาจำนวน 1,163 จุดเสี่ยง
  • กิจกรรม Eco Driving การลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของผู้รับเหมาขนส่งทางถนน เป็นกิจกรรมมุ่งเน้น กระตุ้นให้บริษัทรับเหมาขนส่งผลิตภัณฑ์ทางถนน เกิดการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการขนส่งผลิตภัณฑ์ของ กลุ่ม ปตท. ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ 5 ล้านลิตรต่อปี หรือเทียบเท่าได้กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 4.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
    • ร่วมกับคณะสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (Oil Industry Environmental Safety Group Association : IESG) และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ถังบรรจุและการขนส่งทางถนน รวมถึงการฝึกซ้อมแผนการจัดการเหตุฉุกเฉิน ซึ่งในปี 2567 ได้ดำเนินการจัดอบรมไปจำนวน 2 จังหวัด ประกอบด้วย จ.จันทบุรี และ จ.สุรินทร์

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางราง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: การรถไฟแห่งประเทศไทย
  • ร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ถังบรรจุและขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางรถไฟ รวมถึงการดับเพลิงขั้นต้น ให้กับพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตอบโต้เหตุฉุกเฉินเบื้องต้น กรณีเกิดเหตุเกี่ยวกับก๊าซปิโตรเลียมเหลว
  • ฝึกซ้อมแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเหลวทางรางร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานราชการเทศบาลบางละมุง จังหวัดชลบุรี กรณีเหตุรถไฟขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวตกราง ณ สถานีรถไฟบางละมุง  จังหวัดชลบุรี เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติที่ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้แก่พนักงาน ผู้รับเหมา และหน่วยงานราชการ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่ เกี่ยวกับการจัดการและตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน โดยการซ้อมแผนดังกล่าวมีการประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และรับข้อเสนอแนะจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำไปพัฒนา ปรับปรุงการจัดการตอบสนองเหตุฉุกเฉินให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

การขนส่งผลิตภัณฑ์ทางน้ำ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: บริษัทรับเหมาขนส่งทางเรือ
  • ยกระดับมาตรฐานและการดำเนินงานด้านความปลอดภัย โดยริเริ่มดำเนินโครงการ PTT Group Marine Safety Award ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย PTTEP, TOP, IRPC, GC, OR, PTT Tank และ PTTLNG เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติเหตุการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางน้ำเป็นศูนย์ ประกอบไปด้วยเกณฑ์การประเมินผล 3 ด้านหลัก ได้แก่ Maintain คือ การพัฒนาและรักษาการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางเรือ, Collaboration คือ ความร่วมมือในการดำเนินงาน และ Promotion คือ การยกระดับในการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย (Safety Culture)

การขับขี่ปลอดภัยของชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง: ประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยอง

ในปี 2567 ปตท. ร่วมกับภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดระยอง จัดทำโครงการขับดีมีสุข ประจำปี 2567 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนให้กับโรงเรียนและชุมชนในจังหวัดระยอง โดยประกอบด้วย 2 กิจกรรม ดังนี้

  • กิจกรรม “นักเรียนรุ่นใหม่ ใส่ใจใบขับขี่” ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกและบริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด ในการอบรมเทคนิคการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในหลักการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และขอใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สำหรับผู้ที่ผ่านการอบรม โดยในปี 2567 ได้ดำเนินการจัดอบรมให้แก่นักเรียนจำนวน 2 โรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนผ่านการอบรม และได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 306 คน
  • กิจกรรม ประกวดคลิปวีดิทัศน์ “ขับ-D Challenge Clip Contest ร่วมกับภาคีเครือข่าย วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนในจังหวัดระยอง มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์แนวคิด และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยที่ดีในการขับขี่ยานพาหนะเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านหัวข้อการประกวด “ขับดี..มีสุข” ถนนปลอดภัย ถ้าเราช่วยกัน เพื่อสร้างความตระหนัก และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายภายใต้การร่วมสร้างการขับขี่ที่ปลอดภัย โดยในปี 2567 มีผู้สนใจสมัคร และส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจำนวน 47 ทีม จาก 11 สถาบันการศึกษาในจังหวัดระยอง ประกอบด้วย ระดับประถมศึกษา จำนวน 4 ทีม ระดับมัธยมศึกษาและอนุปริญญาหรือเทียบเท่า จำนวน 42 ทีม และระดับปริญญาตรี จำนวน 1 ทีม ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจำนวน 5 ผลงานได้ถูกนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์การขับขี่ปลอดภัยและรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของโครงการขับดี มีสุข

การเรียนรู้จากอุบัติเหตุระดับร้ายแรง (Lesson Learned from Major Accidents) ปี 2567

รายละเอียดเหตุการณ์
พนักงานขับรถยนต์ส่วนกลางของหน่วยงานชนเสาไฟส่องสว่าง ทำให้รถยนต์เสียหาย มีมูลค่าความเสียหายระดับร้ายแรง
มาตรการแก้ไขและป้องกัน
จากการวิเคราะห์หาสาเหตุพื้นฐานได้กำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยอบรมทบทวนการขับขี่อย่างปลอดภัย (Defensive Driving) ให้พนักงานที่ขับขี่และควบคุมการใช้ยานพาหนะประจำหน่วยงานตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และจัดทำ Lesson Learned เพื่อสื่อสารสร้างความตระหนักให้กับผู้ปฏิบัติงานที่ต้องขับขี่รถยนต์ของ ปตท. 

การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน ภาวะวิกฤต SDGs 3.6

การจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติงานจะมีการจัดทำแผนฉุกเฉินประจำพื้นที่และมีการสื่อความให้ชุมชนโดยรอบรับทราบรายละเอียดของขั้นตอนการดำเนินงาน รวมทั้งการอพยพ ในแต่ละปีทุกพื้นที่ปฏิบัติงานจะจัดให้มีการซ้อมแผนฉุกเฉิน/ แผนอพยพ ซึ่งให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมซ้อมและสังเกตการณ์ด้วย สำหรับการจัดการในระดับองค์กร ในปี 2567 ได้มีการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤต กลุ่ม ปตท. (PTT Group Emergency & crisis Management Guideline) โดยเริ่มพิจารณาในการนำระบบการบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System: ICS) มาใช้ประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการจัดการเหตุ ให้สอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ปี 2564 - 2570 เพื่อบูรณาการประสานความร่วมมือและเชื่อมโยงข้อมูลด้านต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2567 ปตท. จัดให้มีการฝึกซ้อมแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตระดับจังหวัด ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานราชการในจังหวัดนครนายก เพื่อให้ผู้บริหารและทุกหน่วยงานเข้าใจบทบาทหน้าที่ สามารถบูรณาการกระบวนการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยจำลองสถานการณ์ฝึกซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครนายก (สาธารณภัยระดับกลาง ระดับ 2) ในพื้นที่แนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติภายในจังหวัดนครนายก บริเวณแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 (ระยอง-แก่งคอย) ขนาด 42 นิ้ว ต.พรหมมณี อ.เมือง จ.นครนายก โดยในการฝึกซ้อม มีผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ปภ.นครนายก สาธารณสุขจังหวัด สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด พลังงานจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเมืองนครนายก โรงพยาบาลนครนายก สภ. เมืองนครนายก อบต พรหมมณี ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ และ ปตท. 

การบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ SDGs 3.6

ปตท. มีการทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ รวมถึงแผนในการจัดหาแหล่งทรัพยากรสำรองในกรณีฉุกเฉิน พร้อมทั้งฝึกซ้อมแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยในปี 2567 ได้มีการทดสอบ 1 ครั้ง ในสถานการณ์จำลอง กรณีสถานี LNG  Map Ta Phut Terminal1 (LMPT1) ของ PTTLNG ถูกวางเพลิงและท่อส่งก๊าซธรรมชาติถูกก่อวินาศกรรม ส่งผลให้ต้องมีการบริหารจัดการกรณีก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันออกได้รับผลกระทบมากกว่า 1 แหล่ง โดยมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธาน และมีผู้บริหารตามโครงสร้างศูนย์บริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Crisis Management Center: CMC) เข้าร่วมการฝึกซ้อมด้วย มีการประสานไปยังศูนย์บริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของกลุ่มธุรกิจ ผ่านระบบการประชุมทางไกลด้วยวีดิทัศน์ ในส่วนของการรับรองมาตรฐานการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจตาม ISO 22301 ซึ่งครอบคลุมงานดูแลระบบสาธารณูปโภคของบริษัท ก็ยังคงได้รับการรับรองระบบ จากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) อย่างต่อเนื่อง

การส่งเสริมสุขภาพพนักงานGRI403-6

ปตท. จัดให้มีสถานพยาบาลใน ปตท. ที่ให้สิทธิทั้งพนักงาน และครอบครัวของพนักงานเข้าใช้บริการโดยพนักงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยให้บริการตรวจรักษาครอบคลุมโรคที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน นอกจากนี้ พนักงานและครอบครัวยังสามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลภายนอกตามสิทธิที่ ปตท. กำหนด อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ผลการตรวจสุขภาพประจำปีและข้อมูลการเข้ารับการรักษาพยาบาล มีการจัดโครงการส่งเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้พนักงานและผู้รับเหมามีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เช่น โครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย Fight Fat Fun โครงการ GSP Anti Office Syndrome ที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และการสื่อสาร/ เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพให้พนักงานและผู้รับเหมาได้รับทราบผ่านอีเมลประชาสัมพันธ์ภายใน ปตท. เป็นต้นซึ่งข้อมูลการตรวจสุขภาพทั้งหมดจะถูกจัดเก็บเป็นความลับในรูปแบบดิจิทัลในระบบฐานข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล ตามกฎหมาย นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของ ปตท. ซึ่งพนักงานสามารถเข้าดูได้ในข้อมูลส่วนบุคคลใน Intranet ขององค์กร

การร่วมมือกับพันธมิตรและเครือข่ายต่าง ๆ

โครงการความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนด้านความปลอดภัยทางถนน

เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ปตท. ได้ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมการขนส่งทางบก แขวงทางหลวง บริษัทกลางประกันภัย สาธารณสุขจังหวัด และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ร่วมกันผลักดันโครงการขับดีมีสุขในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึก และความตระหนักในการขับขี่อย่างปลอดภัยต่อตนเอง ผู้ร่วมใช้ทาง และชุมชน โดยในปี 2567 ปตท. ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดระยองจัดกิจกรรมให้กับโรงเรียน และชุมชนในพื้นที่จังหวัดระยอง ดังนี้

  • กิจกรรม “นักเรียนรุ่นใหม่ ใส่ใจใบขับขี่” ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และบริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด ในการอบรมเทคนิคการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในหลักการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และขอใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สำหรับผู้ที่ผ่านการอบรม โดยในปี 2567 ได้ดำเนินการจัดอบรมให้แก่นักเรียนจำนวน 2 โรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนผ่านการอบรม และได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 306 คน
  • กิจกรรม ประกวดคลิปวีดิทัศน์ “ขับ-D Challenge Clip Contest” ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนในจังหวัดระยอง มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์แนวคิด และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยที่ดีในการขับขี่ยานพาหนะเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านหัวข้อการประกวด “ขับดี..มีสุข” ถนนปลอดภัย ถ้าเราช่วยกัน เพื่อสร้างความตระหนัก และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายภายใต้การร่วมสร้างการขับขี่ที่ปลอดภัย โดยในปี 2567 มีผู้สนใจสมัคร และส่งผลงานเข้าร่วมประกวด 47 ทีม จาก 11 สถาบันการศึกษาในจังหวัดระยอง ทั้งในระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาและอนุปริญญาหรือเทียบเท่า และระดับปริญญาตรี ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจำนวน 5 ผลงานได้ถูกนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์การขับขี่ปลอดภัยและรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของโครงการขับดี มีสุข

เครือข่ายด้านความมั่นคงปลอดภัย

ในปี 2567 ปตท. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัด “การประชุมวิชาการ การบริหารจัดการวิกฤตด้านความมั่นคงปลอดภัย ประจำปี 2567 (CI-SEC 2024)” เมื่อวันที่ 28 - 29 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่าย การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยให้มีการบูรณาการกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคงภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมจาก กลุ่ม ปตท. รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงทั้งในระดับยุทธศาสตร์ หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ

นอกจากนี้นช่วงปี พ.ศ. 2566-2567 ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในหลายพื้นที่ ปตท. จึงริเริ่มสร้างเครือข่ายการข่าวด้านความมั่นคงขึ้นในกลุ่ม ปตท. เพื่อจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้กับหน่วยงานความมั่นคงและประสานความร่วมมือด้านการข่าวกรองเพื่อจัดทำแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและเผชิญเหตุจากการก่อความไม่สงบร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องร่วมกับ กลุ่ม ปตท.  อีกทั้งได้เล็งเห็นถึงภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยียานไร้คนขับ จึงได้ดำเนินการจัดทำแนวทางในการจัดการยานไร้คนขับ กลุ่ม ปตท. ขึ้น ด้วยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการภัยคุกคามจากยานไร้คนขับ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ปตท. จะสามารถดำเนินการจัดการภัยคุกคาจากยานไร้คนขับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในอนาคต

ปตท. มุ่งบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้านความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมา ในปี 2568 มีแผนการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยสายงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ การขยายผลการนำเทคนิค Bow Tie Analysis และหลักการ Barrier Validation รวมถึงการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท. เริ่มใช้งานระบบการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพบนเว็บไซต์ (Health Risk Assessment on Web) และ เริ่มใช้งานระบบประเมินการขับขี่เชิงป้องกันแบบอัตโนมัติ (Defensive Driving Auto-Assessment System: DAS)

ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ ปตท.: ด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย