การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
กรอบกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ปตท. GRI 2-22,
ปตท. ตระหนักและเล็งเห็นถึงความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลง กระแสของโลกในอนาคต (Megatrend และ Energy Outlook) จึงได้นำมาเป็นปัจจัยป้อนเข้าที่สำคัญในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสะท้อนอยู่ใน วิสัยทัศน์ กรอบกลยุทธ์ ตลอดจนแผนธุรกิจของบริษัทที่ชัดเจน
วิสัยทัศน์
ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร “Powering Life with Future Energy and Beyond” ปตท. มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนธุรกิจ (Business Diversification) ไปสู่การเติบโตในธุรกิจพลังงานอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน สอดรับกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลง กระแสของโลกในอนาคต (Megatrend และ Energy Outlook) รวมทั้งปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสที่สำคัญจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะมีทั้งการลงทุนในธุรกิจดังนี้
- Future Energy หรือธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน ห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงศึกษาโอกาสในไฮโดรเจน
- Beyond หรือนอกเหนือธุรกิจพลังงาน ได้แก่
- วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science) เช่น ธุรกิจยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหารเพื่อสุขภาพ
- เคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business)
- ธุรกิจสนับสนุนการเคลื่อนที่และวิถีชีวิต (Mobility & Lifestyle) ซึ่งรวมถึงธุรกิจค้าปลีก Non-oil
- ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน
- ธุรกิจ AI หุ่นยนต์ และดิจิทัล
กรอบกลยุทธ์และเป้าหมาย
เพื่อขับเคลื่อนการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ปตท. ได้กำหนดกรอบกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจขององค์กรซึ่งสอดรับกับ Aspiration “PTT by PTT หรือ Powering Thailand’s Transformation”![]() |
ในการเป็นองค์กรด้านพลังงานที่เป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นทิศทางการดำเนินธุรกิจใน 3 ด้าน ได้แก่ Partnership & Platform, Technology for All และ Transparency & Sustainability อีกทั้งกำหนดเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะบรรลุภายในปี 2030 สะท้อนความมุ่งมั่นในการลดกระทบ(Mitigation) และความสามารถในการเตรียมพร้อมและปรับตัว (Resilience & Adaptation) ต่อปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนี้
![]() |
Business Growth: ปรับพอร์ตการลงทุนธุรกิจพลังงาน โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
|
![]() |
New Growth: เพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจกลุ่ม Future Energy & Beyond ให้ไม่ต่ำกว่า 30% |
![]() |
Clean Growth: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ กลุ่ม ปตท. ลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2563 อีกทั้งประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ ปตท. ในปี 2583 และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 |
กลยุทธ์การดำเนินงาน
โดยมีกลยุทธ์การดำเนินงาน “4R” ประกอบไปด้วย
- Resilience สร้างความยืดหยุ่นพร้อมดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รักษาสภาพคล่อง สร้างความปลอดภัยและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน (Operation Excellence) ส่งเสริมพลังร่วมและบริหารจัดการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การสนับสนุนให้พนักงานมีความคล่องตัวและเตรียมพร้อมรับมือในสถานการณ์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและจัดการวิกฤต
- Reenergize เสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจปัจจุบัน สร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ปรับ Portfolio รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานจากไฮโดรคาร์บอน และลดการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่
- Reimagination ริเริ่มขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเป็น Next normal ทั้งธุรกิจพลังงานที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวเช่น LNG ไฟฟ้า และการเร่งพัฒนาและขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือธุรกิจไฮโดรคาร์บอน ทั้งกลุ่มธุรกิจพลังงานอนาคต (Future Energy) และนอกเหนือธุรกิจพลังงาน (Beyond)
- Reform พิจารณาปรับเปลี่ยนโดยจัดโครงสร้างองค์กรหรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคต พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น
กรอบกลยุทธ์ทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดไปในแผนธุรกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทในกลุ่ม ปตท. มีการกำหนดผู้รับผิดชอบ แผนการดำเนินงาน ตลอดจนกลไกและวิธีการที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของ ปตท. เช่น โครงสร้างกำกับดูแล การกำหนดเป็นตัวชี้วัดต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการดำเนินงานไปสู่วิสัยทัศน์และเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและเป็นระบบ
ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
ภายใต้ Transparency & Sustainability ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปณิธาน PTT by PTT (Powering Thailand’s Transformation by Partnership & Platform, Technology for All, Transparency & Sustainability) ปตท. มุ่งเน้นการสร้างความโปร่งใสและพัฒนาธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ปตท. ได้กำหนด “ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน” ไว้ใน “แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568” ประกอบด้วย 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ซึ่งมีการกำหนดตัวชี้วัด เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว และกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance) อยู่ในลำดับ 1st Quartile ของตัวชี้วัดในระดับสากลที่สำคัญ คือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งสนับสนุน SDGs ดังนี้
![]() |
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปตท. ทบทวนลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นหนึ่งในปัจจัยป้อนเข้าในการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และแผนวิสาหกิจขององค์กร ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สำคัญ โดยมีกระบวนการทบทวน 3 ขั้นตอน ดังนี้
- สำรวจปัจจัยภายในและภายนอกองค์กรที่สำคัญ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร นโยบาย ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน นโยบาย เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ตลอดจนแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนระดับโลกต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- จัดลำดับความสำคัญและระดับการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอ้างอิงจากคู่มือการดำเนินงานที่เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล เช่น คู่มือ SDG Ambition Integration Guide และคู่มือ SDG Compass ของ UN Global Compact คู่มือ Mapping the Oil and Gas Industry to the SDGs: An Atlas ของ IPIECA คู่มือ SDG Sector Roadmaps ของ WBCSD และคู่มือ Accelerating Action: An SDG Roadmap for the Oil and Gas Sector ของ IPIECA ร่วมกับ WBCSD เป็นต้น ร่วมกับการพิจารณาความสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ปตท. นำมาจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ เป้าหมายที่ต้องบูรณาการเข้าไปในกระบวนการดำเนินงานขององค์กร (Integrated into Core Business) 10 เป้าหมาย และเป้าหมายที่ควรดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายด้านความยั่งยืนหรือสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง (Collaborate with Other Stakeholders) 7 เป้าหมาย โดยมีเป้าหมายที่ 17 เป็นเป้าหมายที่เกื้อหนุนและสนับสนุนให้เป้าหมายอื่น ๆ บรรลุผลสำเร็จ
- ชี้แจงการจัดลำดับความสำคัญและแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นกรอบในการพิจารณาจัดทำแผนวิสาหกิจ แผนงานและโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ตลอดจนแผนสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในส่วนที่รับผิดชอบ
![]() |
ความเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติกับ
ตัวชี้วัด เป้าหมายและผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2566 ของ ปตท.
โครงสร้างกำกับดูแลและนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
โครงสร้างการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนGRI 2-9, GRI 2-13
ปตท. กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยระบุโครงสร้าง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ทั้งในระดับคณะกรรมการบริษัท ฝ่ายจัดการ ผู้บริหาร รวมทั้งหน่วยงานภายใน เพื่อผลักดัน สนับสนุน ติดตาม และทบทวนการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนในภาพรวม ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดังภาพ โดยได้มีการรวบรวม วิเคราะห์ผลการดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานตาม “แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568” ต่อคณะกรรมการจัดการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร (GRCMC) และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน (CGSC) รายไตรมาส และรายงานผลการดำเนินงาน และการทบทวนกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน และแผนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประจำปี ให้แก่คณะกรรมการ ปตท. อีกด้วย
![]() |
ในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน แต่ละประเด็นจะมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบชัดเจน รวมทั้งมีการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการ ทั้งในระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
นโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบGRI 2-9, GRI 2-13
ปตท. ตระหนักและให้ความสำคัญยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยได้แสดงความมุ่งมั่นไว้ในนโยบายหลากหลายฉบับ ดังนี้
- นโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท. ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล
- นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีเจตนารมณ์ส่งเสริมให้ ปตท. เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการและการบริหารจัดการที่ดีเลิศ โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยรวม มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
- คำแถลงด้านสิทธิมนุษยชน ลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
นอกจากนี้ ปตท. ยังมีการกำหนดนโยบายเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญในแต่ละประเด็นเพื่อความชัดเจนมากยิ่งขึ้นตามความเหมาะสม อาทิ
- นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม กลุ่ม ปตท.
- นโยบายการบริหารผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของ ปตท.
- นโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
นโยบายทุกฉบับจะมีการกำหนดช่วงเวลาในการทบทวนเนื้อหาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป
การกำกับดูแลบริษัทในกลุ่ม ปตท.GRI 2-24
ปตท. กำหนดนโยบายการกำกับดูแลแบบกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดแนวทางบริหารจัดการแบบกลุ่ม ปตท. (PTT Group Way of Conduct) ซึ่งเป็นการรวบรวมแนวทาง หลักปฏิบัติ และกระบวนการในการทำงานในมิติต่าง ๆ ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ให้มีความสอดคล้องและประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นเครื่องมือกำกับดูแลบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น นำไปปฏิบัติและผลักดันให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตลอดทั้งกลุ่ม ปตท. ผ่านผู้แทน ปตท. ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้กลุ่ม ปตท. มีเอกภาพในการดำเนินงาน ก่อให้เกิดพลังร่วม เสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งในการแข่งขันในระดับสากลให้กับกลุ่ม ปตท. เพื่อให้กลุ่ม ปตท. เติบโตไปด้วยกันอย่างโปร่งใสและยั่งยืนต่อไป
มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. (PTT Sustainability Management Standard)GRI 2-24
ในปี 2564 ปตท. ได้พิจารณาทบทวนและปรับปรุงกรอบการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท. ฉบับปี 2559 เป็น “มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท.” เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและสากลที่มีการพัฒนาปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ตลอดจนองค์กรสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้น เช่น ISO26000 แนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม United Nation Global Compact (UNGC) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาตรฐานการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) รวมทั้งเกณฑ์การประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) เป็นต้น ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1. หลักการการบริหารจัดการความยั่งยืน ประกอบด้วย 7 หลักการ ได้แก่
- ความรับผิดชอบ (Accountability) การกำกับดูแลองค์กรควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาส การบริหารประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน และกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล
- ความโปร่งใส (Transparency) การเปิดเผยกิจกรรมขององค์กรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยความชัดเจน ถูกต้อง ทันท่วงที และครบถ้วน
- การปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม (Ethical behavior) การยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมในการทำข้อตกลงใด ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้องค์กรอื่น ๆ และผู้บริโภคตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
- การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Respect for stakeholder interests) การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ตลอดจนการให้ข้อมูล
ป้อนกลับอย่างครบถ้วน - การเคารพต่อหลักนิติธรรม (Respect for rule of law) การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และข้อกำหนดต่าง ๆ และทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมาย
- การเคารพต่อการปฏิบัติตามแนวทางของสากล (Respect for international norms of behavior) การเคารพต่อหลักนิติธรรม และหลีกเลี่ยงการร่วมกระทำผิดที่ไม่เป็นไปตามแนวทางของสากล
- การเคารพต่อสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights) การปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท.
2. หัวข้อหลักด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย 7 ประเด็นหลัก ได้แก่
1) ธรรมาภิบาล
2) สิทธิมนุษยชน
3) การปฏิบัติด้านแรงงาน
4) สิ่งแวดล้อม
5) การปฏิบัติที่เป็นธรรม
6) ประเด็นด้านผู้บริโภค
7) การมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนาชุมชน
3. กระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอน | การดำเนินงาน |
---|---|
1. การกำกับดูแลและผู้นำองค์กร (Organizational Governance & Leadership) |
|
2. การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและกำหนดกลยุทธ์ แผนแม่บท และเป้าหมาย (Materiality Assessment, Strategic Planning and Target Setting) |
|
3. การนำไปปฏิบัติ (Implementation) |
|
4. การติดตามผลการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูล (Monitoring and Reporting) |
|
การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนGRI 3-1, GRI 3-2
กระบวนการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของ ปตท. ประยุกต์ตามมาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนของ Global Reporting Initiatives (GRI) Universal Standards 2021 และข้อกำหนดของ Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) เพื่อระบุประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กรทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง (Actual) และมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต (Potential) โดยพิจารณาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินและการสร้างคุณค่าขององค์กร (Financial Materiality) ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตามหลักการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนแบบ Double Materiality ซึ่งจะดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนอย่างรอบด้านและบูรณาการไปกับกระบวนการประเมินความเสี่ยงขององค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงของผลกระทบตามบริบท ปัจจัยภายใน/ ภายนอก และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมี 4 ขั้นตอนหลักดังนี้
![]() |
ขั้นตอนที่ 1: ทำความเข้าใจบริบทขององค์กร
พิจารณาจากปัจจัยภายใน (เช่น วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงองค์กร การดำเนินงาน/ กิจกรรมขององค์กร เป็นต้น) ปัจจัยภายนอก (เช่น มาตรฐาน ข้อกำหนด แนวปฏิบัติ แนวโน้มและความเสี่ยงของโลกที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น) และพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืนของ ปตท. บริษัทในกลุ่ม ปตท. และบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมควบคู่ด้วย ทั้งยังวิเคราะห์ประเด็นความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าจากกิจกรรมขององค์กร รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักขององค์กร ผ่านแบบสำรวจ/ การรับฟัง/ การสัมภาษณ์ เพื่อรวบรวม/ จัดกลุ่มและระบุประเด็นด้านความยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 2: ระบุผลกระทบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ระบุผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้านจากประเด็นด้านความยั่งยืน ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการระบุผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในมุมมองที่องค์กรก่อให้เกิด มีส่วนร่วมทำให้เกิด หรือเชื่อมโยงโดยตรงให้ได้ซึ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจจากห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร หลังจากนั้นระบุผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตที่ส่งมอบคุณค่าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบไม่สามารถนำมาชดเชยซึ่งกันและกันได้
ขั้นตอนที่ 3: ประเมินความสำคัญของผลกระทบ
ประเมินความสำคัญของผลกระทบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) โดยการวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพทั้งผลกระทบเชิงลบและเชิงบวก
ผลกระทบเชิงลบ: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง โดยพิจารณาจากความรุนแรง ที่ครอบคลุมทั้งความร้ายแรง ขอบเขต และความสามารถในการฟื้นฟู รวมถึงผลกระทบเชิงลบที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากความรุนแรงข้างต้นและโอกาสการเกิด
ผลกระทบเชิงบวก: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจากขนาดและขอบเขตของผลกระทบ รวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากขนาด ขอบเขตและโอกาสการเกิด
ขั้นตอนที่ 4: จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบเพื่อการรายงาน
จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบและคัดเลือกประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน จากการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) เพื่อนำมาบริหารจัดการและเปิดเผยผลการดำเนินงานในแบบ 56-1 One Report และเว็บไซต์ ปตท. อย่างเหมาะสม ซึ่งผลการประเมินได้ผ่านการทบทวนร่วมกับหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและเห็นชอบจากคณะกรรมการระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ได้แก่ คณะกรรมการจัดการการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนตามลำดับ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกทวนสอบกระบวนการและผลประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน เพื่อความครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ และโปร่งใส โดย ปตท. ได้พิจารณานำเอาข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2566GRI 3-2, GRI 3-3
![]() |
สำหรับผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนประจำปี 2566 พบว่ามีประเด็นสำคัญทั้งในมุมมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร 3 ลำดับแรกและประเด็นสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงจากปี 2565 ดังนี้
- การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญอันดับที่หนึ่งเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงเป็นวาระสำคัญระดับโลก ซึ่งจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 27 เน้นย้ำถึงความพยายามจากหลายภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมภายในศตวรรษนี้ ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน มีภารกิจในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคพลังงาน ปตท. จึงบูรณาการการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไปในการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยพิจารณาปัจจัยเสี่ยงจากการดำเนินงานขององค์กรที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การเปลี่ยนผ่านของพลังงาน และผลกระทบทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนพิจารณาโอกาสทางธุรกิจใหม่ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ปตท. จึงกำหนดเป้าหมายระดับองค์กร New Growth, Business Growth, และ Clean Growth รวมถึงกลยุทธ์และแนวทางการดาเนินงาน “3P Decarbonization Pathways” เพื่อขยายธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำและบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มลำดับความสำคัญขึ้นมาอย่างชัดเจน ในการพัฒนาและขยายตัวของธุรกิจใหม่ที่ต้องประยุกต์ใช้และต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในปัจจุบัน รวมถึงรองรับการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” ที่มุ่งเน้นปรับรูปแบบและขยายไปยังธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ปรับพอร์ตการลงทุน และมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนตำ เช่น พลังงานหมุนเวียน ห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต เป็นต้น ปตท. จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมจากภายในและภายนอกองค์กร ทั้งในส่วนของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมในกระบวนการทำงาน และนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ เพื่อปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงต่อยอดไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายระดับองค์กร ในส่วนของเป้าหมาย New Growth มุ่งเน้นไปที่การเร่งและปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนของรายได้จากการเติบโตในห่วงโซ่คุณค่าพลังงานในอนาคตและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน โดย ปตท. ได้กำหนดเป้าหมาย ทิศทางการดำเนินงาน ตลอดจนกลยุทธ์และแผนงานไว้ใน “แผนแม่บทการจัดการนวัตกรรมของ ปตท.” นอกจากนี้ การขยายธุรกิจใหม่ของ ปตท. ส่งผลให้ประเด็นการบริหารจัดการน้ำ มีความสำคัญ และอาจมีความเสี่ยงในการบริหารจัดการน้าในอนาคต ทั้งจากความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk) และความเสี่ยงในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
- อาชีวอนามัยและความปลอดภัย พนักงานและผู้รับเหมาของ ปตท. มีความเสี่ยงต่อการเผชิญกับอันตรายที่เกิดขึ้นจากการทางานในอุตสาหกรรมน้ามันและก๊าซ ที่นำไปสู่การบาดเจ็บ การเจ็บป่วย ความเสียหายต่อสุขภาพที่เยียวยาไม่ได้ หรือการสูญเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดต้นทุนความเสียหายต่อทรัพย์สิน การสูญเสียรายได้จากการหยุดดาเนินการที่สำคัญอย่างกะทันหัน การเยียวยา ค่าปรับ ฯลฯ ปตท. จึงมุ่งมั่นปรับปรุงความมั่นคง ความปลอดภัย และการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น พร้อมรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ โดยไม่กระทบต่อการดาเนินธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปตท. ได้กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนไว้ใน “แผนแม่บทการบริหารจัดการความยั่งยืน” โดยพิจารณาครอบคลุม 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งในทิศทางกลยุทธ์มิติสังคม ครอบคลุมถึง “การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน” มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เช่น การปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิต การเฝ้าระวังสุขภาพ การวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Bow Tie and Barrier Validation) ระบบรายงานสุขภาพของ ปตท. และ ระบบคาดการณ์อุบัติเหตุของรถขนส่งเอ็นจีวี เป็นต้น
เป้าหมายและตัวชี้วัดประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนในระดับสูง
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน | เป้าหมายการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน เทียบเป้าหมายระยะสั้น | ตัวชี้วัด | |
---|---|---|---|---|
ระยะสั้น ปี 2566 | ระยะยาว | |||
การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ |
|
|
|
|
นวัตกรรมและเทคโนโลยี |
|
กำไรจากนวัตกรรมที่สร้างขึ้นภายในไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 ของกำไรสุทธิในปี 2573 |
|
|
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย |
|
|
ผลการดำเนินงาน ปี 2566 ทุกตัวชี้วัดมีค่าเป็นไปตามค่าเป้าหมายยกเว้นจำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ขั้นร้ายแรง ดังนี้
|
|
ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
ดาวน์โหลด ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
การประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน
ปตท. มีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบด้านความยั่งยืน โดยครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานขององค์กรอย่างแท้จริง ที่สะท้อนถึงผลกระทบภายนอกในเชิงบวกและเชิงลบจากการดำเนินงานขององค์กรในรูปแบบของมูลค่าทางการเงิน นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบทางลบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถนำมาใช้ประกอบการวางแผนและพิจารณาตัดสินใจในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคต
การประเมินมูลค่าที่แท้จริงด้านความยั่งยืนขององค์กรสามารถแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก โดยที่ขอบเขตการประเมินฯ ครอบคลุมข้อมูลผลการการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ในแต่ละปี (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม ปตท.) ดังนี้
- ศึกษานโยบาย กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความยั่งยืน
- เลือกประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญขององค์กรประจำปี เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อม
- รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดและตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด เพื่อวิเคราะห์หาผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ รวมถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อมที่เหมาะสม
- คำนวณมูลค่าผลกระทบด้านความยั่งยืนทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นด้วยการนำข้อมูลเชิงปริมาณของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนคูณกับตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด
- รวมมูลค่าของตัวชี้วัดแต่ละด้านทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ เพื่อคำนวณมูลค่าที่แท้จริงขององค์กร
![]() |
ผลกระทบภายนอกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย | ปริมาณ หรือ หน่วยของ ผลกระทบภายนอก | รูปแบบการประเมินผลกระทบ | หน่วยของการประเมินผลกระทบ |
---|---|---|---|
มิติการกำกับดูแล (Governance Dimension) |
|||
มูลค่าเพิ่ม (Gross Value Added: GVA) เป็นการวัดมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตในพื้นที่อุตสาหกรรม องค์กร หรือภาคของเศรษฐกิจแต่ละราย |
บาท |
ผลรวมของกำไรสุทธิ (หลังหักภาษีเงินได้) และตัวเลขทางการเงินขององค์กร เช่น ค่าตอบแทนและสวัสดิการของผู้บริหารและพนักงาน, และการจ่ายภาษีให้แก่ภาครัฐ เป็นต้น |
บาท |
มิติสังคม (Social Dimension) |
|||
เงินเดือนผู้บริหารและพนักงาน (Wage) เงินเดือนหรือรายได้ของผู้บริหารและพนักงาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้จ่ายในระดับพื้นฐานของครัวเรือน ที่ส่งเสริมให้ได้รับโภชนาการ ที่อยู่อาศัย สุขภาพ และการศึกษาที่ดี โดยผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้บริหารและพนักงานของ ปตท. เทียบได้กับการใช้จ่ายในระดับพื้นฐาน หรือค่าครองชีพในระดับประเทศ |
บาท |
เงินเดือนของผู้บริหารและพนักงานแยกตามระดับ เปรียบเทียบกับความสามารถในการใช้จ่ายในระดับพื้นฐาน หรือค่าครองชีพของประเทศ เทียบกับ 2 ตัวแปร ได้แก่ |
บาท |
ความปลอดภัยอาชีวอนามัย (Health & Safety) ครอบคลุมถึงการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงานและผู้รับเหมา ซึ่งสร้างภาระค่าใช้จ่ายต่อพนักงานและชุมชน โดยต้นทุนทางสังคมจากค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่รวมถึงรายการต่าง ๆ เช่น ผลผลิตที่เสียหาย การสูญเสียรายได้ในปัจจุบันและอนาคต และค่าใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคมสำหรับพนักงานและชุมชนที่ได้รับบาดเจ็บ |
จำนวนและประเภทอุบัติการณ์ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย | ต้นทุนทางอ้อมจากความเสียหายของผลผลิต การสูญเสียรายได้ขององค์กรในปัจจุบันและอนาคต ค่าใช้จ่ายทางสังคมสำหรับพนักงานและชุมชนที่ได้รับการบาดเจ็บ | บาทต่อจำนวนอุบัติการณ์ |
มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental Dimension) |
|||
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) การบริหารจัดการพื้นที่ปฏิบัติการขององค์กรที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและ/หรือ เชิงลบต่อระบบนิเวศและชีวิตของชุมชนท้องถิ่น |
หน่วยพื้นที่เฮกตาร์ | ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ จากการทำลายและ/หรือฟื้นฟูระบบนิเวศ | บาทต่อหน่วยพื้นที่เฮกตาร์ |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emissions) การปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบและเชิงบวกต่อของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบเสียต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น สุขภาพของมนุษย์ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจหยุดชะงัก การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริการของระบบนิเวศ เป็นต้น |
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า |
ต้นทุนคาร์บอนที่ส่งผลกระทบต่อสังคม | บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า |
มลพิษทางอากาศ (Air pollution) มลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พืชผลและป่าไม้ ระบบนิเวศ และความเสียหายวัสดุอุปกรณ์ |
ตันของมลพิษทางอากาศ ได้แก่ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน, ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, สารอินทรีย์ระเหย เป็นต้น | ต้นทุนมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสังคม | บาทต่อตันของมลพิษทางอากาศ |
การใช้น้ำ (Water consumption) ความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับพื้นที่ขาดแคลนน้ำ |
ลูกบาศก์เมตร | ต้นทุนทางสังคมของความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ | บาทต่อลูกบาศก์เมตร |
การจัดการของเสีย (Waste) การจัดการของเสียส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (เช่น การเผาก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก การฝังกลบทำให้เกิดก๊าซมีเทนและทำให้น้ำใต้ดินปนเปื้อน เป็นต้น) |
ตัน | ต้นทุนการปล่อยของเสียและการจัดการของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสังคม | บาทต่อตัน |
-
การกำกับดูแลความยั่งยืน
- กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน
- การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล
- การปฏิบัติที่เป็นธรรม
- ระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
- การบริหารความเสี่ยงเเละภาวะวิกฤต
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- เครือข่ายด้านความยั่งยืน
- การเปิดเผยข้อมูลและการประเมินผลด้านความยั่งยืน
- มิติด้านเศรษฐกิจ
- มิติด้านสิ่งแวดล้อม
- มิติด้านสังคม