ความยั่งยืน

กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน

ความยั่งยืน

กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
     




 

กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

กรอบกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ปตท. GRI 2-22

ปตท. ตระหนักดีว่ากิจกรรมการดำเนินงานและกระบวนการผลิตของบริษัท ในกลุ่ม ปตท. ตลอดจนในห่วงโซ่คุณค่า มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านพลังงานซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงและโอกาสที่อาจมีผลกระทบต่อการสร้างคุณค่าในระยะยาวของบริษัทได้ ในปี 2566-2567 จึงได้ทบทวนวิสัยทัศน์และกำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความพยายามในการบริหารจัดการผลกระทบ ความเสี่ยงและโอกาสใหม่ โดยมุ่งเน้นบูรณาการความยั่งยืนไปในการดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทั้งกลุ่ม

วิสัยทัศน์

ปตท. สร้างการเติบโตให้ธุรกิจควบคู่ไปกับพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ มีผลประกอบการที่ดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก เพื่อเสริมสร้างคุณค่าสู่สังคมในระยะยาว ดังวิสัยทัศน์ที่ว่า “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” หรือ “TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD”  และมีการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจน 5 ด้าน

กรอบกลยุทธ์และเป้าหมาย


ปตท. มุ่งเน้นสร้างความชัดเจนในแนวทางความยั่งยืน โดยบูรณาการความยั่งยืนไปในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างคุณค่าสู่สังคมในระยะยาว โดยมีการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจน 5 ด้าน ดังนี้

  1. ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิม (Competitiveness Enhancement: Existing Business) ทั้ง Hydrocarbon & Power Business และ Non-Hydrocarbon Business เน้นการลงทุนในก๊าซธรรมชาติ LNG และธุรกิจคาร์บอนต่ำ โดยพิจารณาพอร์ตโฟลิโอควบคู่ไปกับการควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเหมาะสม
  2. สร้างการเติบโต หาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (Growth: New Business & Opportunity) จากเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ ธุรกิจไฮโดรเจนและคาร์บอน (Hydrogen and Carbon Business Integration Strategy) โดยดำเนินการแบบบูรณาการทั้งกลุ่ม ปตท.
  3. สร้างความชัดเจนในแนวทางความยั่งยืน (Sustainability) ทุกมิติ ด้วยการบูรณาการเข้าไปในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ผสานการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุนและผลประกอบการทางธุรกิจ ให้สอดรับไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั้งกลุ่ม ปตท.
  4. สร้างปัจจัยที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม (Enablers for Transformation) ได้แก่ สร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศ (Operational Excellence) การยกระดับ Operation & Efficiency ด้วยการนำเทคโนโลยี ดิจิทัล และ AI ตลอดจน Digital Transformation มาประยุกต์ใช้ และที่สำคัญคือ การเสริมสร้างค่านิยมองค์กร สร้างความตระหนัก ปลูกฝังให้พนักงานกล้าที่จะปรับและพร้อมที่จะเปลี่ยนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
  5. รักษาพื้นฐานสำคัญ (Foundation) มุ่งเน้นธรรมาภิบาลและการกำกับกิจการที่ดี การบริหารบุคลากร ส่งเสริมคนดีและคนเก่งให้เติบโตอย่างเหมาะสม รวมถึงการมีความเป็นเลิศทางด้านการเงิน (Financial Excellence) ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจ


กรอบการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน ปตท.



ภายใต้วิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ดังกล่าว ปตท. ได้กำหนดกรอบการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน (PTT Sustainability Management Framework) ขึ้น เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการการลงทุน (Investment Management) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Management) และการบริหารจัดการความยั่งยืน (Sustainability Management) ให้ไปด้วยกัน โดยมุ่งเน้นการบริหารพอร์ตโฟลิโอการลงทุนควบคู่ไปกับการบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงตามเป้าหมาย ผ่านการประยุกต์ใช้เครื่องมือ (Instruments) ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถรักษาระดับความสามารถในการแข่งขัน และมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับการบริหารจัดการความยั่งยืนในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ซึ่งมีกระบวนการรองรับอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ก็ยังคงดำเนินการต่อเนื่องและยกระดับให้ดียิ่งขึ้น เพื่อบริหารจัดการผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม รวมทั้งต่อยอดคุณค่าในระยะยาวขององค์กรเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยตั้งเป้าหมายให้มีผลการประเมินด้าน ESG (ESG Ratings) ตามที่กำหนด อยู่ในระดับสูงสุดใน 5 เปอร์เซนไทล์แรกของการประเมินในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ ทิศทางกลยุทธ์ และเป้าหมายไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร ได้ถูกถ่ายทอดเป็นแผนธุรกิจ ประจำปี 2568-2572 แผนปฏิบัติการ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายย่อย ซึ่งสะท้อนไปในวิถีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การตัดสินใจการลงทุน การออกแบบโมเดลธุรกิจ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ กระบวนการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กร ตลอดจนวิธีการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่สอดรับกัน ทั้งนี้ผลการดำเนินงานตามทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน แสดงไว้ดังภาพ





การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ปตท. ทบทวนลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นหนึ่งในปัจจัยป้อนเข้าในการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และแผนวิสาหกิจขององค์กร ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สำคัญ โดยมีกระบวนการทบทวน 3 ขั้นตอน ดังนี้

  1. สำรวจปัจจัยภายในและภายนอกองค์กรที่สำคัญ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร นโยบาย ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน นโยบาย เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ตลอดจนแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนระดับโลกต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 
  2. จัดลำดับความสำคัญและระดับการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอ้างอิงจากคู่มือการดำเนินงานที่เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล เช่น คู่มือ SDG Ambition Integration Guide และคู่มือ SDG Compass ของ UN Global Compact คู่มือ Mapping the Oil and Gas Industry to the SDGs: An Atlas ของ IPIECA คู่มือ SDG Sector Roadmaps ของ WBCSD และคู่มือ Accelerating Action: An SDG Roadmap for the Oil and Gas Sector ของ IPIECA ร่วมกับ WBCSD เป็นต้น ร่วมกับการพิจารณาความสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ปตท. นำมาจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ เป้าหมายที่ต้องบูรณาการเข้าไปในกระบวนการดำเนินงานขององค์กร (Integrated into Core Business) 10 เป้าหมาย และเป้าหมายที่ควรดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายด้านความยั่งยืนหรือสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง (Collaborate with Other Stakeholders) 7 เป้าหมาย โดยมีเป้าหมายที่ 17 เป็นเป้าหมายที่เกื้อหนุนและสนับสนุนให้เป้าหมายอื่น ๆ บรรลุผลสำเร็จ
  3. ชี้แจงการจัดลำดับความสำคัญและแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นกรอบในการพิจารณาจัดทำแผนวิสาหกิจ แผนงานและโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ตลอดจนแผนสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในส่วนที่รับผิดชอบ

 



ความเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติกับ
ตัวชี้วัด เป้าหมายและผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2566 ของ ปตท.

โครงสร้างกำกับดูแลและนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

โครงสร้างการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนGRI 2-9, GRI 2-13

ปตท. กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยระบุโครงสร้าง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ทั้งในระดับคณะกรรมการบริษัท  ฝ่ายจัดการ  ผู้บริหาร รวมทั้งหน่วยงานภายใน เพื่อผลักดัน สนับสนุน ติดตาม และทบทวนการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนในภาพรวม ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดังภาพ โดยได้มีการรวบรวม วิเคราะห์ผลการดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานตาม “แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568” ต่อคณะกรรมการจัดการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร (GRCMC) และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน (CGSC) รายไตรมาส และรายงานผลการดำเนินงาน และการทบทวนกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน และแผนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประจำปี ให้แก่คณะกรรมการ ปตท. อีกด้วย



ในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน แต่ละประเด็นจะมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบชัดเจน รวมทั้งมีการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการ ทั้งในระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

นโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบGRI 2-9, GRI 2-13

ปตท. ตระหนักและให้ความสำคัญยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยได้แสดงความมุ่งมั่นไว้ในนโยบายหลากหลายฉบับ ดังนี้

  • นโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท. ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล
  • นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีเจตนารมณ์ส่งเสริมให้ ปตท. เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการและการบริหารจัดการที่ดีเลิศ โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยรวม มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
  • คำแถลงด้านสิทธิมนุษยชน ลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

นอกจากนี้ ปตท. ยังมีการกำหนดนโยบายเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญในแต่ละประเด็นเพื่อความชัดเจนมากยิ่งขึ้นตามความเหมาะสม อาทิ

นโยบายทุกฉบับจะมีการกำหนดช่วงเวลาในการทบทวนเนื้อหาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป

การกำกับดูแลบริษัทในกลุ่ม ปตท.GRI 2-24

ปตท. กำหนดนโยบายการกำกับดูแลแบบกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดแนวทางบริหารจัดการแบบกลุ่ม ปตท. (PTT Group Way of Conductซึ่งเป็นการรวบรวมแนวทาง หลักปฏิบัติ และกระบวนการในการทำงานในมิติต่าง ๆ ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ให้มีความสอดคล้องและประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นเครื่องมือกำกับดูแลบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น นำไปปฏิบัติและผลักดันให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตลอดทั้งกลุ่ม ปตท. ผ่านผู้แทน ปตท. ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้กลุ่ม ปตท. มีเอกภาพในการดำเนินงาน ก่อให้เกิดพลังร่วม เสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งในการแข่งขันในระดับสากลให้กับกลุ่ม ปตท. เพื่อให้กลุ่ม ปตท. เติบโตไปด้วยกันอย่างโปร่งใสและยั่งยืนต่อไป

มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. (PTT Sustainability Management Standard)GRI 2-24

ในปี 2564 ปตท. ได้พิจารณาทบทวนและปรับปรุงกรอบการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท. ฉบับปี 2559 เป็น “มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท.” เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและสากลที่มีการพัฒนาปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ตลอดจนองค์กรสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้น เช่น ISO26000 แนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม United Nation Global Compact (UNGC) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาตรฐานการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) รวมทั้งเกณฑ์การประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) เป็นต้น ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่


1. หลักการการบริหารจัดการความยั่งยืน
 ประกอบด้วย 7 หลักการ ได้แก่

  • ความรับผิดชอบ (Accountability) การกำกับดูแลองค์กรควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาส การบริหารประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน และกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล
  • ความโปร่งใส (Transparency) การเปิดเผยกิจกรรมขององค์กรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยความชัดเจน ถูกต้อง ทันท่วงที และครบถ้วน
  • การปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม (Ethical behavior) การยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมในการทำข้อตกลงใด ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้องค์กรอื่น ๆ และผู้บริโภคตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
  • การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Respect for stakeholder interests) การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ตลอดจนการให้ข้อมูล
    ป้อนกลับอย่างครบถ้วน
  • การเคารพต่อหลักนิติธรรม (Respect for rule of law) การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และข้อกำหนดต่าง ๆ และทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • การเคารพต่อการปฏิบัติตามแนวทางของสากล (Respect for international norms of behavior) การเคารพต่อหลักนิติธรรม และหลีกเลี่ยงการร่วมกระทำผิดที่ไม่เป็นไปตามแนวทางของสากล
  • การเคารพต่อสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights) การปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท.

2. หัวข้อหลักด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย 7 ประเด็นหลัก ได้แก่
    1) ธรรมาภิบาล
    2) สิทธิมนุษยชน
    3) การปฏิบัติด้านแรงงาน
    4) สิ่งแวดล้อม
    5) การปฏิบัติที่เป็นธรรม
    6) ประเด็นด้านผู้บริโภค
    7) การมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนาชุมชน

3. กระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่   

ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. การกำกับดูแลและผู้นำองค์กร (Organizational Governance & Leadership)
  • การแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นขององค์กรที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท. ที่ลงนามโดยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
  • การกำหนดโครงสร้างและมอบหมายผู้รับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดทำกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืนขององค์กร
  • การทบทวนผลการดำเนินงานโดยผู้บริหาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการอย่างเหมาะสมและเกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


2. การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและกำหนดกลยุทธ์ แผนแม่บท และเป้าหมาย (Materiality Assessment, Strategic Planning and Target Setting)
  • วิเคราะห์ปัจจัยภายใน/ ภายนอก ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และรวบรวมประเด็นความคาดหวัง ความต้องการและข้อกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อบ่งชี้และประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร
  • บูรณาการความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนเป็นปัจจัยป้อนเข้าในการกำหนดเป้าหมายระยะยาว ทิศทางกลยุทธ์ แผนวิสาหกิจ 5 ปี แผนบริหารความเสี่ยงขององค์กร
  • จัดทำทิศทางกลยุทธ์ และแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด
  • กำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานระดับองค์กร (Corporate KPI) และสายงาน (Functional KPI) รวมถึงตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


3. การนำไปปฏิบัติ (Implementation)
  • การถ่ายทอดกลยุทธ์ แผนบริหารความเสี่ยง แผนแม่บท และเป้าหมายสู่การปฏิบัติให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • จัดทำแผนปฏิบัติการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องตามแผนแม่บท
  • ถ่ายทอดไปยังบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดกลไก/ วิธีการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ให้สอดคล้องกับ PTT Group Way of Conduct (PTT Group WoC)

4. การติดตามผลการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูล (Monitoring and Reporting)
  • ทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. และกลุ่ม ปตท. ตามกลยุทธ์ แผนวิสาหกิจ แผนปฏิบัติการ แผนงบประมาณ แผนบริหารความเสี่ยง และตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการตามโครงสร้างการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนและในแต่ละประเด็น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ประเมินผลการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อเทียบเคียงสมรรถนะจากบุคคลภายนอก
  • เปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการความยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร โดยดำเนินการตามมาตรฐานและแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลตามที่องค์กรกำหนด เพื่อให้เข้าถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร


การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืGRI 3-1, GRI 3-2

กระบวนการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของ ปตท. ประยุกต์ตามมาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนของ Global Reporting Initiatives (GRI) Universal Standards 2021 และข้อกำหนดของ Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) เพื่อระบุประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กรทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง (Actual) และมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต (Potential)  โดยพิจารณาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินและการสร้างคุณค่าขององค์กร (Financial Materiality) ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตามหลักการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนแบบ Double Materiality ซึ่งจะดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนอย่างรอบด้านและบูรณาการไปกับกระบวนการประเมินความเสี่ยงขององค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงของผลกระทบตามบริบท ปัจจัยภายใน/ ภายนอก และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมี 4 ขั้นตอนหลักดังนี้


ขั้นตอนที่
1: ทำความเข้าใจบริบทขององค์กร
พิจารณาจากปัจจัยภายใน (เช่น วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงองค์กร การดำเนินงาน/ กิจกรรมขององค์กร เป็นต้น) ปัจจัยภายนอก (เช่น มาตรฐาน ข้อกำหนด แนวปฏิบัติ แนวโน้มและความเสี่ยงของโลกที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น) และพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืนของ ปตท. บริษัทในกลุ่ม ปตท. และบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมควบคู่ด้วย ทั้งยังวิเคราะห์ประเด็นความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าจากกิจกรรมขององค์กร รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักขององค์กร ผ่านแบบสำรวจ/ การรับฟัง/ การสัมภาษณ์ เพื่อรวบรวม/ จัดกลุ่มและระบุประเด็นด้านความยั่งยืน

ขั้นตอนที่ 2: ระบุผลกระทบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ระบุผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้านจากประเด็นด้านความยั่งยืน ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการระบุผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในมุมมองที่องค์กรก่อให้เกิด มีส่วนร่วมทำให้เกิด หรือเชื่อมโยงโดยตรงให้ได้ซึ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจจากห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร หลังจากนั้นระบุผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตที่ส่งมอบคุณค่าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบไม่สามารถนำมาชดเชยซึ่งกันและกันได้

ขั้นตอนที่ 3: ประเมินความสำคัญของผลกระทบ
ประเมินความสำคัญของผลกระทบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) โดยการวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพทั้งผลกระทบเชิงลบและเชิงบวก
ผลกระทบเชิงลบ: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง โดยพิจารณาจากความรุนแรง ที่ครอบคลุมทั้งความร้ายแรง ขอบเขต และความสามารถในการฟื้นฟู รวมถึงผลกระทบเชิงลบที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากความรุนแรงข้างต้นและโอกาสการเกิด
ผลกระทบเชิงบวก: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจากขนาดและขอบเขตของผลกระทบ รวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากขนาด ขอบเขตและโอกาสการเกิด

ขั้นตอนที่ 4: จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบเพื่อการรายงาน
จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบและคัดเลือกประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน จากการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) เพื่อนำมาบริหารจัดการและเปิดเผยผลการดำเนินงานในแบบ 56-1 One Report และเว็บไซต์ ปตท. อย่างเหมาะสม ซึ่งผลการประเมินได้ผ่านการทบทวนร่วมกับหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและเห็นชอบจากคณะกรรมการระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ได้แก่ คณะกรรมการจัดการการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนตามลำดับ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกทวนสอบกระบวนการและผลประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน เพื่อความครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ และโปร่งใส โดย ปตท. ได้พิจารณานำเอาข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

ดาวน์โหลดแบบ 56-1 One Report


ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2566
GRI 3-2, GRI 3-3


สำหรับผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนประจำปี 2566 พบว่ามีประเด็นสำคัญทั้งในมุมมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร 3 ลำดับแรกและประเด็นสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงจากปี 2565 ดังนี้

      • การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญอันดับที่หนึ่งเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงเป็นวาระสำคัญระดับโลก ซึ่งจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 27 เน้นย้ำถึงความพยายามจากหลายภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมภายในศตวรรษนี้ ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน มีภารกิจในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคพลังงาน ปตท. จึงบูรณาการการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไปในการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยพิจารณาปัจจัยเสี่ยงจากการดำเนินงานขององค์กรที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การเปลี่ยนผ่านของพลังงาน และผลกระทบทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนพิจารณาโอกาสทางธุรกิจใหม่ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ปตท. จึงกำหนดเป้าหมายระดับองค์กร New Growth, Business Growth, และ Clean Growth รวมถึงกลยุทธ์และแนวทางการดาเนินงาน “3P Decarbonization Pathways” เพื่อขยายธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำและบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 〇 ต้นทุน
〇 ทรัพย์สิน
 ✔ ความเสี่ยง
  • กลยุทธ์การดำเนินงาน 4R: Reenergize
  • แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท
  • 3P Decarbonization Pathways
Click
*ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
    • นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มลำดับความสำคัญขึ้นมาอย่างชัดเจน ในการพัฒนาและขยายตัวของธุรกิจใหม่ที่ต้องประยุกต์ใช้และต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในปัจจุบัน รวมถึงรองรับการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” ที่มุ่งเน้นปรับรูปแบบและขยายไปยังธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ปรับพอร์ตการลงทุน และมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนตำ เช่น พลังงานหมุนเวียน ห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต เป็นต้น ปตท. จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมจากภายในและภายนอกองค์กร ทั้งในส่วนของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมในกระบวนการทำงาน และนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ เพื่อปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงต่อยอดไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายระดับองค์กร ในส่วนของเป้าหมาย New Growth มุ่งเน้นไปที่การเร่งและปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนของรายได้จากการเติบโตในห่วงโซ่คุณค่าพลังงานในอนาคตและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน โดย ปตท. ได้กำหนดเป้าหมาย ทิศทางการดำเนินงาน ตลอดจนกลยุทธ์และแผนงานไว้ใน “แผนแม่บทการจัดการนวัตกรรมของ ปตท.” นอกจากนี้ การขยายธุรกิจใหม่ของ ปตท. ส่งผลให้ประเด็นการบริหารจัดการน้ำ มีความสำคัญ และอาจมีความเสี่ยงในการบริหารจัดการน้าในอนาคต ทั้งจากความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk) และความเสี่ยงในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
นวัตกรรมและเทคโนโลยี 〇 ต้นทุน
✔ ทรัพย์สิน
〇 ความเสี่ยง
  • กลยุทธ์การดำเนินงาน 4R: Reimagination
  • แผนแม่บทการจัดการนวัตกรรม ปตท.
Click
*ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
  • อาชีวอนามัยและความปลอดภัย พนักงานและผู้รับเหมาของ ปตท. มีความเสี่ยงต่อการเผชิญกับอันตรายที่เกิดขึ้นจากการทางานในอุตสาหกรรมน้ามันและก๊าซ ที่นำไปสู่การบาดเจ็บ การเจ็บป่วย ความเสียหายต่อสุขภาพที่เยียวยาไม่ได้ หรือการสูญเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดต้นทุนความเสียหายต่อทรัพย์สิน การสูญเสียรายได้จากการหยุดดาเนินการที่สำคัญอย่างกะทันหัน การเยียวยา ค่าปรับ ฯลฯ ปตท. จึงมุ่งมั่นปรับปรุงความมั่นคง ความปลอดภัย และการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น พร้อมรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ โดยไม่กระทบต่อการดาเนินธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปตท. ได้กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนไว้ใน “แผนแม่บทการบริหารจัดการความยั่งยืน” โดยพิจารณาครอบคลุม 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งในทิศทางกลยุทธ์มิติสังคม ครอบคลุมถึง “การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน” มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เช่น การปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิต การเฝ้าระวังสุขภาพ การวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Bow Tie and Barrier Validation) ระบบรายงานสุขภาพของ ปตท. และ ระบบคาดการณ์อุบัติเหตุของรถขนส่งเอ็นจีวี เป็นต้น
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ✔ ต้นทุน
〇 ทรัพย์สิน
〇 ความเสี่ยง
  • กลยุทธ์การดำเนินงาน 4R: Resilience
  • แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท.
Click
*ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน


เป้าหมายและตัวชี้วัดที่สำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน


ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเป้าหมายการดำเนินงานผลการดำเนินงาน
เทียบเป้าหมายระยะสั้น
ตัวชี้วัด
ระยะสั้น ปี 2566ระยะยาว

การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • ปตท. ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 1 และ 2 รวมใประเทศและต่างประเทศ) ไม่เกิน 11.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
  • กลุ่ม ปตท. ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 1 และ 2 รวมใประเทศและต่างประเทศ) ไม่เกิน 51.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
  • เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2583 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593
  • เป้าหมาย Clean Growth: ดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2563

  • ปตท.: 10.13 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
  • กลุ่ม ปตท.: 41.59 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
  • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI) และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI)*
  • ตัวชี้วัดระดับสายงาน (Functional KPI)
  • ตัวชี้วัดตามแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568
  • ตัวชี้วัดในเป้าหมาย QSHE ปี 2565 สำหรับการดำเนินงานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท.
* SE-AM KPI และ Corporate KPI วัดผลการดำเนินงานในรูปแบบ Eco-Efficiency ซึ่งคำนวณจากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและหน่วยผลิตภัณฑ์เฉพาะ ปตท.
นวัตกรรมและเทคโนโลยี
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานวัตกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิปี 2565
  • ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินงาน > 1.2
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานวัตกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิปี 2565
  • จดสิทธิบัตรจำนวนไม่น้อยกว่า 25 เรื่อง
  • เป้าหมายตามทิศทางกลยุทธ์ “New Growth” โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจใหม่ให้ได้มากกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิรวมของ ปตท. ภายในปี 2030
  • กำไรจากนวัตกรรมที่สร้างขึ้นภายในไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 ของกำไรสุทธิในปี 2573
  • รายได้จากบริษัทในธุรกิจใหม่สูงกว่า แผนธุรกิจร้อยละ 10
  • ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดาเนินงานเท่ากับ 1.2
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานวัตกรรมร้อยละ 11 ของกำไรสุทธิปี 2565
  • จดสิทธิบัตรได้ 40 เรื่อง
  • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI) และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI)
  • ตัวชี้วัดระดับสายงาน (Functional KPI)
* SE-AM KPI และ Corporate KPI วัดผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัด PTT New Business Achievement ซึ่งคำนวนจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจที่ไกลกว่าพลังงาน
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  • อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (LTA) ของพนักงานและผู้รับเหมา เท่ากับ 0
  • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวมต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน (TRIR) ของพนักงาน  ≤ 0.046 และผู้รับเหมา ≤ 0.056
  • อัตราการเจ็บป่วยจากการงานรวม ต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน (TROIR) ของพนักงาน ≤0.084
  • จำนวนอุบัติเหตุรถขนส่งผลิตภัณฑ์ขั้นร้ายแรง (ครั้งต่อ 1,000,000 กิโลเมตร) เท่ากับ 0 
  • อัตราการเกิดอุบัติเหตุเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ขั้นร้ายแรงขึ้นไป (ครั้งต่อ 1,000 เที่ยวเรือที่เข้าเทียบท่า) เท่ากับ 0
  • เป้าหมายปี 2030: ทุกตัวชี้วัดมีค่าเท่ากับ 0
ผลการดำเนินงาน ปี 2566 ทุกตัวชี้วัดมีค่าเป็นไปตามค่าเป้าหมายยกเว้นจำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ขั้นร้ายแรง ดังนี้
  • อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (LTA) ของพนักงาน เท่ากับ 0 และผู้รับเหมา เท่ากับ  3
  • จำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ขั้นร้ายแรงเท่ากับ 1
  • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI) และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI)
  • ตัวชี้วัดตามแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568
  • ตัวชี้วัดในเป้าหมาย QSHE ปี 2566 สำหรับการดำเนินงานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท.
* SE-AM KPI และ Corporate KPI วัดผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัด Safety Management Effectiveness ซึ่งครอบคลุม TRIR, LTA, และ PSE


ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

ดาวน์โหลด ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน


การประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน

ปตท. มีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบด้านความยั่งยืน โดยครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานขององค์กรอย่างแท้จริง ที่สะท้อนถึงผลกระทบภายนอกในเชิงบวกและเชิงลบจากการดำเนินงานขององค์กรในรูปแบบของมูลค่าทางการเงิน นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบทางลบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถนำมาใช้ประกอบการวางแผนและพิจารณาตัดสินใจในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคต

การประเมินมูลค่าที่แท้จริงด้านความยั่งยืนขององค์กรสามารถแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก โดยที่ขอบเขตการประเมินฯ ครอบคลุมข้อมูลผลการการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ในแต่ละปี (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม ปตท.) ดังนี้

  1. ศึกษานโยบาย กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความยั่งยืน
  2. เลือกประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญขององค์กรประจำปี เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อม
  3. รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดและตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด เพื่อวิเคราะห์หาผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ รวมถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อมที่เหมาะสม
  4. คำนวณมูลค่าผลกระทบด้านความยั่งยืนทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นด้วยการนำข้อมูลเชิงปริมาณของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนคูณกับตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด
  5. รวมมูลค่าของตัวชี้วัดแต่ละด้านทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ เพื่อคำนวณมูลค่าที่แท้จริงขององค์กร


ผลกระทบภายนอกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียปริมาณ หรือ หน่วยของ
ผลกระทบภายนอก
รูปแบบการประเมินผลกระทบหน่วยของการประเมินผลกระทบ

มิติการกำกับดูแล (Governance Dimension)

มูลค่าเพิ่ม (Gross Value Added: GVA)

เป็นการวัดมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตในพื้นที่อุตสาหกรรม องค์กร หรือภาคของเศรษฐกิจแต่ละราย

บาท

ผลรวมของกำไรสุทธิ (หลังหักภาษีเงินได้) และตัวเลขทางการเงินขององค์กร เช่น ค่าตอบแทนและสวัสดิการของผู้บริหารและพนักงาน, และการจ่ายภาษีให้แก่ภาครัฐ เป็นต้น

บาท

มิติสังคม (Social Dimension)

เงินเดือนผู้บริหารและพนักงาน (Wage)

เงินเดือนหรือรายได้ของผู้บริหารและพนักงาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้จ่ายในระดับพื้นฐานของครัวเรือน ที่ส่งเสริมให้ได้รับโภชนาการ ที่อยู่อาศัย สุขภาพ และการศึกษาที่ดี โดยผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้บริหารและพนักงานของ ปตท. เทียบได้กับการใช้จ่ายในระดับพื้นฐาน หรือค่าครองชีพในระดับประเทศ

บาท

Disability Adjusted Life Years (DALY) สำหรับผลกระทบด้านลบ และ Quality Adjusted Life Years (QALY) สำหรับผลกระทบเชิงบวก

บาท

ความปลอดภัยอาชีวอนามัย (Health & Safety)

ครอบคลุมถึงการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงานและผู้รับเหมา ซึ่งสร้างภาระค่าใช้จ่ายต่อพนักงานและชุมชน โดยต้นทุนทางสังคมจากค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่รวมถึงรายการต่าง ๆ เช่น ผลผลิตที่เสียหาย การสูญเสียรายได้ในปัจจุบันและอนาคต และค่าใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคมสำหรับพนักงานและชุมชนที่ได้รับบาดเจ็บ

จำนวนและประเภทอุบัติการณ์ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย ค่าใช้จ่าย/จำนวน
พนักงานและชุมชน
ที่ได้รับบาดเจ็บ
บาทต่อจำนวนอุบัติการณ์

มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental Dimension)

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
(การฟื้นฟูและการทำลายระบบนิเวศ) (Ecosystem restoration and degradation)

การบริหารจัดการพื้นที่ปฏิบัติการขององค์กรที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและ/หรือ เชิงลบต่อระบบนิเวศและชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ที่ดินของ ปตท. ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ประเมินโดยใช้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อปีที่ประเมินได้จากบริการระบบนิเวศในระบบนิเวศที่แตกต่างกัน โดยพื้นที่ได้รับฟื้นฟูเป็นต้นทุนเชิงบวก และพื้นที่ถูกทำลายเป็นต้นทุนเชิงลบ

หน่วยพื้นที่เฮกตาร์ ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ จากการทำลายและ/หรือฟื้นฟูระบบนิเวศ บาทต่อหน่วยพื้นที่เฮกตาร์

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emissions)
(การปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม) (Direct and Indirect GHG emissions and reductions)

การปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบและเชิงบวกต่อของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งส่งผลกระทบเสียต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น สุขภาพของมนุษย์ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจหยุดชะงัก และส่งผลต่อระบบนิเวศ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและภาคการเกษตร ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารและการอพยพย้ายถิ่นฐาน การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกได้กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบนิเวศผ่านมาตรการฟื้นฟูและการปรับตัวในอนาคต

ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ต้นทุนคาร์บอนที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

มลพิษทางอากาศ (Air pollution)

มลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พืชผลและป่าไม้ ระบบนิเวศ และความเสียหายวัสดุอุปกรณ์

ตันของมลพิษทางอากาศ ได้แก่ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน,  ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, สารอินทรีย์ระเหย เป็นต้น ต้นทุนมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตันของมลพิษทางอากาศ

การใช้น้ำ (Water consumption)

ความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับพื้นที่ขาดแคลนน้ำ

ลูกบาศก์เมตร ต้นทุนทางสังคมของความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ บาทต่อลูกบาศก์เมตร

การจัดการของเสีย (Waste)

การจัดการของเสียส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (เช่น การเผาก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก การฝังกลบทำให้เกิดก๊าซมีเทนและทำให้น้ำใต้ดินปนเปื้อน เป็นต้น)

ตัน ต้นทุนการปล่อยของเสียและการจัดการของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตัน