ความยั่งยืน

กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน

ความยั่งยืน

กลยุทธ์ นโยบาย และการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
     




 

กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. GRI 2-22

จากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ความไม่แน่นอนของราคาพลังงานและวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด ในขณะที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่วมกันกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายจากนโยบายและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการกลั่น เมื่อประกอบกับพันธกิจของ ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเน้น การสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล

จากปัจจัยดังกล่าว ปตท. ได้วิเคราะห์และระบุความเสี่ยงและโอกาส รวมทั้งประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการสร้างคุณค่าของบริษัทในระยะยาว จึงมีการปรับวิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ใหม่ โดยให้ความสำคัญกับ ธุรกิจหลัก (Core Business) ที่ ปตท. มีความเชี่ยวชาญและเกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศ พร้อมกับ บูรณาการแนวทางความยั่งยืนเข้าสู่การดำเนินธุรกิจ ดังนี้

  • วิสัยทัศน์ : "ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน" (Together for Sustainable Thailand, Sustainable World)
  • พันธกิจ : ในการดำเนินธุรกิจพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ปตท. มุ่งเน้นการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุลและยั่งยืน
    เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ พร้อมตระหนักถึง ความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมถึง หน่วยงานภาครัฐ สังคม ชุมชน นักลงทุน ลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ
  • ทิศทางกลยุทธ์ : มุ่งเน้นการผลักดันเป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กร ผ่านการสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างผลกำไรอย่างเหมาะสมจากการดำเนินธุรกิจ และการสร้างความยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี 2593 ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

  1. การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจที่มีอยู่เดิม (Competitive Enhancement: Existing Business)
    ปตท. มุ่งเน้นเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับ การบริหารต้นทุนและการจัดหาแหล่งทรัพยากรที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

ธุรกิจ Hydrocarbon & Power
- ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) และธุรกิจก๊าซธรรมชาติ

ส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงทางวัตถุดิบผ่านการจัดหาพลังงานจากแหล่งใหม่ ๆ ที่เหมาะสมด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ ควบคู่กับการผลักดันพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area: OCA) และสร้างการเติบโตโดยขยายการลงทุนใน LNG Value Chain โดยกำหนดบทบาทของแต่ละหน่วยธุรกิจให้ชัดเจนเพื่อสร้างพลังร่วม (Synergy) ให้กับกลุ่ม ปตท.

- ธุรกิจไฟฟ้า (Power)
มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้า และปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า จัดหาไฟฟ้าสะอาด เพื่อสนับสนุนการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ให้กับกลุ่ม ปตท. โดยเปลี่ยนผ่าน Energy Mix ในการผลิตไฟฟ้า และแสวงหาโอกาสเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยต้องสร้างผลตอบแทนที่ดี

- ธุรกิจ Downstream
ให้ความสำคัญกับการทำ Synergy ร่วมกันภายในกลุ่ม ปตท. เพื่อให้เกิดมูลค่าสูงสุด
o ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น
ปรับ Portfolio ให้เหมาะสม และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
o ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
ให้ความสำคัญกับการแสวงหา Feedstock ที่สามารถแข่งขันได้
o ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก
มุ่งเน้นการเป็น Mobility Partner ให้คนไทย ปรับแผนการลงทุนที่ชัดเจนโดยยึดหลัก Asset-Light Strategy

ธุรกิจ Non-Hydrocarbon
ในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ปตท. ได้ลงทุนในธุรกิจ Non-Hydrocarbon เพื่อตอบสนอง Megatrends และนโยบายภาครัฐ แต่ในปัจจุบัน สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจมีการแข่งขันสูง เทคโนโลยีและตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปตท. จึงจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจ Non-Hydrocarbon โดยประเมินจาก 2 มุมมองหลัก ได้แก่ ความน่าสนใจเชิงธุรกิจและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม (Attractiveness) เป็นธุรกิจที่ ปตท. มีจุดแข็งและความสามารถในการเข้าไปต่อยอด (Right to Play) นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาโครงสร้างการบริหารจัดการที่เหมาะสม ดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจและสร้างมูลค่าให้กับกลุ่ม ปตท.

  1. สร้างการเติบโตและหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ (Growth: Necessity & Opportunity)
    ปตท. มุ่งต่อยอดสร้างการเติบโตในธุรกิจไฮโดรเจนและคาร์บอนแบบบูรณาการ โดยผลักดัน ไฮโดรเจน และ เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) ให้เป็นตัวช่วยในการกักเก็บและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ภายในกลุ่ม ปตท. อย่างชัดเจน โดยมี ปตท. เป็นผู้บูรณาการ และใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัทภายในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด กลุ่ม ปตท. จะเป็นผู้นำของประเทศในการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions
  1. บูรณาการเรื่องความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจ (Sustainability)
    ปตท. มุ่งสร้างความสมดุลระหว่าง การเติบโตทางธุรกิจ และ ผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน โดยคำนึงถึงมิติ ESG: สิ่งแวดล้อม (Environmental: E) สังคม (Social: S) การกำกับดูแล (Governance: G) ปตท. ผสานการบริหารจัดการ Portfolio และ Net Zero Emissions ให้สอดคล้องกันทั้งกลุ่ม พร้อมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่าน Sustainability Framework
  1. สร้างปัจจัยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม (Enablers for Transformation)
    ปตท. มุ่ง ยกระดับการดำเนินงานให้เป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ในทุกด้าน เช่น การตลาดและการขาย กระบวนการผลิต การซ่อมบำรุง การจัดซื้อจัดหา พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมาย EBITDA Uplift ร่วมกันในกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ

    ✅ การพัฒนาศักยภาพพนักงาน

    ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรสู่ Lean Organization

    ✅ การปรับกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation)

    ✅ การนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

    ปตท. ยังมุ่งสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยปลูกฝังให้พนักงานมี ความตระหนักและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง People, Organization & Digital Transformation
  1. รักษาพื้นฐานที่สำคัญ (Foundation)
    ปตท. มุ่งเน้นธรรมาภิบาลและการกำกับกิจการที่ดี ควบคู่ไปกับความเป็นเลิศทางการเงิน โดยรวมถึงการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Asset Monetization) เสริมสร้างเสถียรภาพของกำไรและกระแสเงินสด ทั้งนี้เพื่อให้ ปตท. สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

จากความรับผิดชอบสู่วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ภายใต้วิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ดังกล่าว ปตท. ได้กำหนด กรอบการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน (PTT Sustainability Management Framework) โดยมุ่งเน้นบูรณาการการบริหารจัดการการลงทุน (Investment Management) การบริหารจัดการคาร์บอน (Carbon Management) และการบริหารจัดการความยั่งยืน (Sustainability Management) ให้ไปด้วยกันอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงตามเป้าหมาย ผ่านการประยุกต์ใช้เครื่องมือ (Instruments) ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถรักษาระดับความสามารถในการแข่งขัน และมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับการบริหารจัดการความยั่งยืนในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ซึ่งมีหน่วยงานและกระบวนการรองรับอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ก็ยังคงดำเนินการต่อเนื่องและยกระดับให้ดียิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดคุณค่าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยตั้งเป้าหมายให้มีผลการประเมินด้าน ESG (ESG Ratings) ตามที่กำหนดอยู่ในระดับสูงสุดใน 5 เปอร์เซ็นต์แรกของการประเมินในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน


ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ ทิศทางกลยุทธ์ และเป้าหมายไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร ได้ถูกถ่ายทอดเป็นแผนวิสาหกิจ ประจำปี 2568 - 2572 แผนปฏิบัติการ ตัวชี้วัด และค่าเป้าหมายซึ่งสะท้อนไปในวิถีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การตัดสินใจการลงทุน การออกแบบโมเดลธุรกิจ การออกแบบผลิตภัณฑ์บริการ กระบวนการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กรตลอดจนวิธีการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่สอดรับกัน

นอกจากนี้ ยังจัดทำ “แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568” โดยกำหนด “ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน” ซึ่งแบ่งเป็น 3 มิติหลัก ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ขึ้น ซึ่งมีการกำหนดตัวชี้วัด เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว และกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ รวมถึงได้รับการยอมรับในระดับสากลด้านความยั่งยืน มีผลการประเมินด้าน ESG ในระดับสูงสุด โดยสามารสรุปผลการดำเนินงานตามทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ดังนี้


การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ปตท. ทบทวนลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กร เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนและดำเนินงานต่าง ๆ โดยมีกระบวนการทบทวน 3 ขั้นตอน ดังนี้

  1. สำรวจปัจจัยภายในและภายนอกองค์กรที่สำคัญ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์และทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร นโยบาย ทิศทางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน นโยบาย เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ตลอดจนแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนระดับโลกต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  2. จัดลำดับความสำคัญและระดับการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอ้างอิงจากคู่มือการดำเนินงานที่เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล เช่น คู่มือ ร่วมกับการพิจารณาความสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ปตท. นำมาจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ เป้าหมายที่ต้องบูรณาการเข้าไปในกระบวนการดำเนินงานขององค์กร (Integrate into Core Business) 11 เป้าหมาย และเป้าหมายที่ควรดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายด้านความยั่งยืนหรือสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง (Collaborate with Other Stakeholders) 6 เป้าหมาย
  3. สื่อสารชี้แจงการจัดลำดับความสำคัญและแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นกรอบในการพิจารณาจัดทำแผนวิสาหกิจ แผนงานและโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ตลอดจนแผนสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในส่วนที่รับผิดชอบ 
รายงาน SDG Report 2024

โครงสร้างกำกับดูแลและนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

โครงสร้างการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนGRI 2-9, GRI 2-13


ปตท. กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยระบุโครงสร้าง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ทั้งในระดับคณะกรรมการบริษัท  ฝ่ายจัดการ  ผู้บริหาร รวมทั้งหน่วยงานภายใน เพื่อผลักดัน สนับสนุน ติดตาม และทบทวนการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนในภาพรวม ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังภาพ โดยได้มีการรวบรวม วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน และรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนฯ รายไตรมาสต่อคณะทำงานและคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เช่น คณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่ม ปตท. (G-NET) คณะกรรมการจัดการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง การกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร และความยั่งยืน (Governance Risk Compliance and Sustainability Management Committee: GRCMC) คณะกรรมการกลยุทธ์และบริหารความยั่งยืน กลุ่ม ปตท. (PTT Group Sustainability Strategy and Management Committee: GSMC) และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน (Corporate Governance and Sustainability Committee: CGSC) รายไตรมาส รวมถึง สรุปรายงานผลการดำเนินงาน การทบทวนกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน และแผนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประจำปี ให้แก่คณะกรรมการ ปตท.

นอกจากนี้เพื่อผลักดันการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ ทิศทางกลยุทธ์ และกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่กำหนดขึ้นใหม่ ปตท. จัดตั้งสายงานรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ประกอบด้วย 2 สายงาน ได้แก่ สายงานผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์และบริหารความยั่งยืน ทำหน้าที่ กำหนดและขับเคลื่อนนโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ แผนแม่บท และแผนงานต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กรและกลุ่ม ปตท. และ สายงานผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เทคโนโลยีและธุรกิจการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ทำหน้าที่ ศึกษาและพัฒนาธุรกิจดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และธุรกิจไฮโดรเจน ร่วมกับกลุ่ม ปตท.

ในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน แต่ละประเด็นจะมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบชัดเจน รวมทั้งมีการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการ ทั้งในระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

นโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบGRI 2-9, GRI 2-13

ปตท. ตระหนักและให้ความสำคัญยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยได้แสดงความมุ่งมั่นไว้ ในนโยบายหลายฉบับ ดังนี้

  • นโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท. ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล
  • นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ลงนามโดยประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีเจตนารมณ์ส่งเสริมให้ ปตท. เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการและการบริหารจัดการที่ดีเลิศ โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยรวม มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
  • คำแถลงด้านสิทธิมนุษยชน ลงนามโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

นอกจากนี้ ปตท. ยังมีการกำหนดนโยบายเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญในแต่ละประเด็นเพื่อความชัดเจนมากยิ่งขึ้นตามความเหมาะสม อาทิ

นโยบายทุกฉบับจะมีการกำหนดช่วงเวลาในการทบทวนเนื้อหา เป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป

การกำกับดูแลบริษัทในกลุ่ม ปตท.GRI 2-24

ปตท. กำหนดนโยบายการกำกับดูแลแบบกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดแนวทางบริหารจัดการแบบกลุ่ม ปตท. (PTT Group Way of Conductซึ่งเป็นการรวบรวมแนวทาง หลักปฏิบัติ และกระบวนการในการทำงานในมิติต่าง ๆ ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ให้มีความสอดคล้องและประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นเครื่องมือกำกับดูแลบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น นำไปปฏิบัติและผลักดันให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตลอดทั้งกลุ่ม ปตท. ผ่านผู้แทน ปตท. ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้กลุ่ม ปตท. มีเอกภาพในการดำเนินงาน ก่อให้เกิดพลังร่วม เสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งในการแข่งขันในระดับสากลให้กับกลุ่ม ปตท. เพื่อให้กลุ่ม ปตท. เติบโตไปด้วยกันอย่างโปร่งใสและยั่งยืน

มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. (PTT Sustainability Management Standard)

ในปี 2564 ปตท. ได้พิจารณาทบทวนและปรับปรุงกรอบการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท. ฉบับปี 2559 เป็น “มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท.” เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและสากลที่มีการพัฒนาปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ตลอดจนองค์กรสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้น เช่น ISO26000 แนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม United Nation Global Compact (UNGC) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาตรฐานการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) รวมทั้งเกณฑ์การประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) เป็นต้น ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่


1. หลักการการบริหารจัดการความยั่งยืน
 ประกอบด้วย 7 หลักการ ได้แก่

  • ความรับผิดชอบ (Accountability) การกำกับดูแลองค์กรควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาส การบริหารประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน และกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล
  • ความโปร่งใส (Transparency) การเปิดเผยกิจกรรมขององค์กรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยความชัดเจน ถูกต้อง ทันท่วงที และครบถ้วน
  • การปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม (Ethical behavior) การยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมในการทำข้อตกลงใด ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้องค์กรอื่น ๆ และผู้บริโภคตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
  • การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Respect for stakeholder interests) การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ตลอดจนการให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างครบถ้วน
  • การเคารพต่อหลักนิติธรรม (Respect for rule of law) การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และข้อกำหนดต่าง ๆ และทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • การเคารพต่อการปฏิบัติตามแนวทางของสากล (Respect for international norms of behavior) การเคารพต่อหลักนิติธรรม และหลีกเลี่ยงการร่วมกระทำผิดที่ไม่เป็นไปตามแนวทางของสากล
  • การเคารพต่อสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights) การปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท.

2. หัวข้อหลักด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย 7 ประเด็นหลัก ได้แก่
    1) ธรรมาภิบาล
    2) สิทธิมนุษยชน
    3) การปฏิบัติด้านแรงงาน
    4) สิ่งแวดล้อม
    5) การปฏิบัติที่เป็นธรรม
    6) ประเด็นด้านผู้บริโภค
    7) การมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนาชุมชน

3. กระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืน ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่   

ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. การกำกับดูแลและผู้นำองค์กร (Organizational Governance & Leadership)
  • การแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นขององค์กรที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท. ที่ลงนามโดยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
  • การกำหนดโครงสร้างและมอบหมายผู้รับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดทำกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืนขององค์กร
  • การทบทวนผลการดำเนินงานโดยผู้บริหาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการอย่างเหมาะสมและเกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


2. การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและกำหนดกลยุทธ์ แผนแม่บท และเป้าหมาย (Materiality Assessment, Strategic Planning and Target Setting)
  • วิเคราะห์ปัจจัยภายใน/ ภายนอก ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และรวบรวมประเด็นความคาดหวัง ความต้องการและข้อกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อบ่งชี้และประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร
  • บูรณาการความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนเป็นปัจจัยป้อนเข้าในการกำหนดเป้าหมายระยะยาว ทิศทางกลยุทธ์ แผนวิสาหกิจ 5 ปี แผนบริหารความเสี่ยงขององค์กร
  • จัดทำทิศทางกลยุทธ์ และแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด
  • กำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานระดับองค์กร (Corporate KPI) และสายงาน (Functional KPI) รวมถึงตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


3. การนำไปปฏิบัติ (Implementation)
  • การถ่ายทอดกลยุทธ์ แผนบริหารความเสี่ยง แผนแม่บท และเป้าหมายสู่การปฏิบัติให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • จัดทำแผนปฏิบัติการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องตามแผนแม่บท
  • ถ่ายทอดไปยังบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยกำหนดกลไก/ วิธีการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ให้สอดคล้องกับ PTT Group Way of Conduct (PTT Group WoC)

4. การติดตามผลการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูล (Monitoring and Reporting)
  • ทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการความยั่งยืน ปตท. และกลุ่ม ปตท. ตามกลยุทธ์ แผนวิสาหกิจ แผนปฏิบัติการ แผนงบประมาณ แผนบริหารความเสี่ยง และตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการตามโครงสร้างการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนและในแต่ละประเด็น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ประเมินผลการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อเทียบเคียงสมรรถนะจากบุคคลภายนอก
  • เปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการความยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร โดยดำเนินการตามมาตรฐานและแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลตามที่องค์กรกำหนด เพื่อให้เข้าถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร

การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืGRI 3-1, GRI 3-2

กระบวนการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของ ปตท. ประยุกต์ตามมาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนของ Global Reporting Initiatives (GRI) Universal Standards 2021 และข้อกำหนดของ Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) เพื่อระบุประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง (Actual) และมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต (Potential)  โดยพิจารณาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินและการสร้างคุณค่าขององค์กร (Financial Materiality) ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตามหลักการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนแบบ Double and Dynamic Materiality ซึ่งจะดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนอย่างรอบด้านและบูรณาการไปกับกระบวนการประเมินความเสี่ยงขององค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงของผลกระทบตามบริบท ปัจจัยภายใน/ ภายนอก และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยมี 4 ขั้นตอนหลักดังนี้


ขั้นตอนที่
1: ทำความเข้าใจบริบทขององค์กร
พิจารณาจากปัจจัยภายใน (เช่น วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงองค์กร การดำเนินงาน/ กิจกรรมขององค์กร เป็นต้น) ปัจจัยภายนอก (เช่น มาตรฐาน ข้อกำหนด แนวปฏิบัติ แนวโน้มและความเสี่ยงของโลกที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น) และพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืนของ ปตท. บริษัทในกลุ่ม ปตท. และบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมควบคู่ด้วย ทั้งยังวิเคราะห์ประเด็นความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าจากกิจกรรมขององค์กร รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักขององค์กร ผ่านแบบสำรวจ/ การรับฟัง/ การสัมภาษณ์ เพื่อรวบรวม/ จัดกลุ่มและระบุประเด็นด้านความยั่งยืน

ขั้นตอนที่ 2: ระบุผลกระทบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ระบุผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้านจากประเด็นด้านความยั่งยืน ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการระบุผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในมุมมองที่องค์กรก่อให้เกิด มีส่วนร่วมทำให้เกิด หรือเชื่อมโยงโดยตรงให้ได้ซึ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจจากห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร หลังจากนั้นระบุผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตที่ส่งมอบคุณค่าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ขั้นตอนที่ 3: ประเมินความสำคัญของผลกระทบ
ประเมินความสำคัญของผลกระทบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบที่มีต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) โดยการวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพ ทั้งผลกระทบเชิงลบและเชิงบวก อีกทั้งยังพิจารณาความสำคัญของประเด็นหรือผลกระทบที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา ประเด็นที่ยังไม่มีผลกระทบในปัจจุบัน อาจส่งผลกระทบที่สำคัญต่อธุรกิจในอนาคตได้

ผลกระทบเชิงลบ: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง โดยพิจารณาจากความรุนแรง ที่ครอบคลุมทั้งความร้ายแรง ขอบเขต และความสามารถในการฟื้นฟู รวมถึงผลกระทบเชิงลบที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากความรุนแรงข้างต้นและโอกาสการเกิด
ผลกระทบเชิงบวก: ประเมินความสำคัญของผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจากขนาดและขอบเขตของผลกระทบ รวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากขนาด ขอบเขตและโอกาสการเกิด

ขั้นตอนที่ 4: จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบเพื่อการรายงาน
จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบและคัดเลือกประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน จากการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) เพื่อนำมาบริหารจัดการและเปิดเผยผลการดำเนินงานในแบบ 56-1 One Report และเว็บไซต์ ปตท. อย่างเหมาะสม ซึ่งผลการประเมินได้ผ่านการทบทวนร่วมกับหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและเห็นชอบจากคณะกรรมการระดับจัดการและคณะกรรมการ ปตท. ได้แก่ คณะกรรมการจัดการการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนตามลำดับ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกทวนสอบกระบวนการและผลประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน เพื่อความครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ และโปร่งใส โดย ปตท. ได้พิจารณานำเอาข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานภายนอกมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

ดาวน์โหลดแบบ 56-1 One Report


ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2567
GRI 3-2, GRI 3-3

สำหรับผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนประจำปี 2567 พบว่ามีประเด็นสำคัญทั้งในมุมมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) และผลกระทบต่อผลการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) 3 ลำดับแรก ดังนี้

    การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 
    ยังเป็นประเด็นสำคัญอันดับที่หนึ่งขององค์กร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคพลังงาน ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ องค์กรต้องเผชิญ กับความคาดหวังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและแรงกดดันจากมาตรฐาน กฎหมาย และกฎระเบียบใหม่ (Net Zero Guidelines, International Financial Reporting Standards: IFRS, GRI, (ร่าง) พระราชบัญญัติสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ฯลฯ) ที่จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต ในด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อโครงสร้างต้นทุนขององค์กรการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจ และความเสี่ยงทางการเงิน ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น นักลงทุนและลูกค้าคาดหวังให้องค์กรมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกการดำเนินการที่ล่าช้าไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอาจกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพลังงานสะอาดรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานสามารถช่วยลดต้นทุนเพิ่มรายได้ใหม่และเสริมความสามารถในการแข่งขัน สำหรับผลกระทบต่อสังคมและสิงแวดล้อม (Impact Materiality) ผลกระทบเชิงลบยังรวมถึงความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและปัญหาคุณภาพชีวิตของสังคมชุมชน เช่น ความไม่มั่นคงด้านอาหารและน้ำ

    ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
    การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 〇 ต้นทุน
    〇 ทรัพย์สิน
     ✔ ความเสี่ยง
    • กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ Sustainability: Unleash Business Values through Sustainability
    • แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท.
    • แนวทางการดำเนินงาน C3หรือ “C3 Approach” ประกอบด้วย C1-Climate-Resilience Business; C2-Carbon-Conscious Asset และ C3-Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All
    Click
    *ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
      นวัตกรรมและเทคโนโลยี 
      มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนและขยายตัวของธุรกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมภายในและภายนอกองค์กรเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างความสามารถในการแข่งขัน และเปิดโอกาส สู่การสร้างรายได้ใหม่ ในด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และขยายฐานรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ นอกจากนี้ นวัตกรรมยังช่วยเสริมความยืดหยุ่นของธุรกิจในการเผชิญความผันผวนของตลาดและความท้าทายจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม การไม่ปรับตัวตามแนวโน้มเทคโนโลยีอาจเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินจากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน สำหรับผลกระทบ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) นวัตกรรม มีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และตอบสนอง ต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ลูกค้า นักลงทุนและชุมชน การดำเนินงานที่มุ่งเน้นนวัตกรรมจึงมีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตซองสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

      ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
      นวัตกรรมและเทคโนโลยี 〇 ต้นทุน
      ✔ ทรัพย์สิน
      〇 ความเสี่ยง
      • กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
        • Competitiveness Enhancement: Existing Business
        • Growth: Necessity & Opportunity
        • Sustainability: Unleash Business Values through Sustainability
      • แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท.
      • แนวทางการดำเนินงาน C3หรือ “C3 Approach” ประกอบด้วย C1-Climate-Resilience Business; C2-Carbon-Conscious Asset และ C3-Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All
      Click
      *ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
      อาชีวอนามัยและความปลอดภัย 
      ความปลอดภัยในที่ทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ ที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน ผู้รับเหมา และชุมชนรอบช้าง ซึ่งไม่เพียงแต่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของบุคลากรเท่านั้นแต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการดำเนินงานในองค์กรอีกด้วย ดังนั้น ในด้านการเงินขององค์กร (Financial Materiality) การบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เข้มงวดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย เช่น ค่าประกันภัย ค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชย รวมทั้งลดการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต ซึ่งสะท้อนถึงการสูญเสียรายได้และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น พนักงาน ผู้รับเหมา และชุมชนใกล้เคียงอาจเผชิญกับความเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิตที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบการดำเนินงานและสร้างความกังวลในชุมชน

      ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ผลกระทบต่อธุรกิจ* กลยุทธ์ทางธุรกิจ ข้อมูลการบริหารจัดการเพิ่มเติม
      อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ✔ ต้นทุน
      〇 ทรัพย์สิน
      〇 ความเสี่ยง
      • กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ Sustainability: Unleash Business Values through Sustainability
      • แผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท.
      Click
      *ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบแสดงใน ตารางผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

      ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

      ดาวน์โหลด ผลกระทบและการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

       

      เป้าหมายและตัวชี้วัดประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนในระดับสูง  

      ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน เป้าหมายการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
      เทียบเป้าหมายระยะสั้น
      ตัวชี้วัด
      ระยะสั้น ปี 2567 ระยะยาว
      การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
      • ปตท. : ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม ไม่เกิน 11.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
      • กลุ่ม ปตท.: ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม ไม่เกิน 51.0 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
      • ปตท.: เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2583 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593
      • กลุ่ม ปตท.:เป้าหมาย Clean Growth: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2563
      • ปตท.: 11.06 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
      • กลุ่ม ปตท.: 41.45 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
      • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI) และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI)*
      • ตัวชี้วัดระดับสายงาน (Functional KPI)
      • ตัวชี้วัดตามแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568
      • ตัวชี้วัดในเป้าหมาย QSHE ปี 2567 สำหรับการดำเนินงานของ ปตท. และกลุ่ม ปตท.
      นวัตกรรมและเทคโนโลยี
      • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านนวัตกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ
      • ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินงาน ≥ 1.18
      • จดสิทธิบัตรจำนวนไม่น้อยกว่า 25 เรื่อง
      • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านนวัตกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ
      • ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิมาจากนวัตกรรมภายในปี 2573
      • นวัตกรรมที่สร้างขึ้นภายในและออกไปสู่ภายนอกคิดเป็นร้อยละ 7 ของกำไรสุทธิในปี 2573
      • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านนวัตกรรมเท่ากับร้อยละ 12 ของกำไรสุทธิ
      • ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดาเนินงานเท่ากับ 1.19
      • จดสิทธิบัตรได้ 46 เรื่อง
      • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI)* และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI)
        • ค่าใช้จ่ายด้านนวัตกรรมต่อกำไรสุทธิ
        • กำไรสุทธิจากนวัตกรรม
      • ตัวชี้วัดระดับสายงาน (Functional KPI)
        • ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
        • จำนวนยื่นขอสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร
      อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
      • อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (LTA):
        พนักงาน = 0 ผู้รับเหมา = 0
      • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวมต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน (TRIR):
        พนักงาน ≤ 0.040 ผู้รับเหมา ≤ 0.048
      • อุบัติเหตุด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Event: PSE):
        Tier 1 = 0
        ผลรวม Tier 1 และ 2 ≤ 1
      • อัตราการเจ็บป่วยจากการงานรวม ต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน  (TROIR): = 0
      • จำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ ระดับร้ายแรง = 0
      • อัตราการเกิดอุบัติเหตุ รถขนส่งผลิตภัณฑ์ ระดับร้ายแรง = 0
      • อัตราการเกิดอุบัติเหตุ เรือขนส่งผลิตภัณฑ์ ระดับร้ายแรง = 0

      เป้าหมายปี 2573: ทุกตัวชี้วัดมีค่าเป็นศูนย์

      • อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (LTA):
        พนักงาน = 0 ผู้รับเหมา = 0
      • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานรวมต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน (TRIR):
        พนักงาน = 0.031 ผู้รับเหมา = 0
      • อุบัติเหตุด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Event: PSE):
        Tier 1 = 0
        ผลรวม Tier 1 และ 2 ≤ 1
      • อัตราการเจ็บป่วยจากการงานรวม ต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงาน  (TROIR): = 0
      • จำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ ระดับร้ายแรง = 2
      • อัตราการเกิดอุบัติเหตุ รถขนส่งผลิตภัณฑ์ ระดับร้ายแรง = 0
      • อัตราการเกิดอุบัติเหตุ เรือขนส่งผลิตภัณฑ์ ระดับร้ายแรง = 0
      • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPI) * และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI) Safety Management Effectiveness ประกอบด้วย LTA TRIR และ PSE
      • ตัวชี้วัดตามแผนแม่บทการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปตท. ประจำปี 2564-2568 (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ปี 2567) ประกอบด้วย LTA TRIR และ PSE
      • ตัวชี้วัดในเป้าหมาย QSHE ประกอบด้วย LTA TRIR PSE TROIR  จำนวนอุบัติเหตุรถยนต์ระดับร้ายแรง อัตราการเกิดอุบัติเหตุรถขนส่งผลิตภัณฑ์ระดับร้ายแรง และอัตราการเกิดอุบัติเหตุเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ระดับร้ายแรง



      การประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน

      ปตท. มีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงขององค์กรจากผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบด้านความยั่งยืน โดยครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานขององค์กรอย่างแท้จริง ที่สะท้อนถึงผลกระทบภายนอกในเชิงบวกและเชิงลบจากการดำเนินงานขององค์กรในรูปแบบของมูลค่าทางการเงิน นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบทางลบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถนำมาใช้ประกอบการวางแผนและพิจารณาตัดสินใจในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคต

      การประเมินมูลค่าที่แท้จริงด้านความยั่งยืนขององค์กรสามารถแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก โดยที่ขอบเขตการประเมินฯ ครอบคลุมข้อมูลผลการการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ในแต่ละปี (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม ปตท.) ดังนี้

      1. ศึกษานโยบาย กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความยั่งยืน
      2. เลือกประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญขององค์กรประจำปี เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อม
      3. รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดและตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด เพื่อวิเคราะห์หาผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ รวมถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อมที่เหมาะสม
      4. คำนวณมูลค่าผลกระทบด้านความยั่งยืนทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นด้วยการนำข้อมูลเชิงปริมาณของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนคูณกับตัวแปรมูลค่าของตัวชี้วัด
      5. รวมมูลค่าของตัวชี้วัดแต่ละด้านทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ เพื่อคำนวณมูลค่าที่แท้จริงขององค์กร


      ผลกระทบภายนอกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียปริมาณ หรือ หน่วยของ
      ผลกระทบภายนอก
      รูปแบบการประเมินผลกระทบหน่วยของการประเมินผลกระทบ

      มิติการกำกับดูแล (Governance Dimension)

      มูลค่าเพิ่ม (Gross Value Added: GVA)

      เป็นการวัดมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตในพื้นที่อุตสาหกรรม องค์กร หรือภาคของเศรษฐกิจแต่ละราย

      บาท

      ผลรวมของกำไรสุทธิ (หลังหักภาษีเงินได้) และตัวเลขทางการเงินขององค์กร เช่น ค่าตอบแทนและสวัสดิการของผู้บริหารและพนักงาน, และการจ่ายภาษีให้แก่ภาครัฐ เป็นต้น

      บาท

      มิติสังคม (Social Dimension)

      เงินเดือนผู้บริหารและพนักงาน (Wage)

      เงินเดือนหรือรายได้ของผู้บริหารและพนักงาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้จ่ายในระดับพื้นฐานของครัวเรือน ที่ส่งเสริมให้ได้รับโภชนาการ ที่อยู่อาศัย สุขภาพ และการศึกษาที่ดี โดยผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้บริหารและพนักงานของ ปตท. เทียบได้กับการใช้จ่ายในระดับพื้นฐาน หรือค่าครองชีพในระดับประเทศ

      บาท

      Disability Adjusted Life Years (DALY) สำหรับผลกระทบด้านลบ และ Quality Adjusted Life Years (QALY) สำหรับผลกระทบเชิงบวก

      บาท

      ความปลอดภัยอาชีวอนามัย (Health & Safety)

      ครอบคลุมถึงการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงานและผู้รับเหมา ซึ่งสร้างภาระค่าใช้จ่ายต่อพนักงานและชุมชน โดยต้นทุนทางสังคมจากค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่รวมถึงรายการต่าง ๆ เช่น ผลผลิตที่เสียหาย การสูญเสียรายได้ในปัจจุบันและอนาคต และค่าใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคมสำหรับพนักงานและชุมชนที่ได้รับบาดเจ็บ

      จำนวนและประเภทอุบัติการณ์ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย ค่าใช้จ่าย/จำนวน
      พนักงานและชุมชน
      ที่ได้รับบาดเจ็บ
      บาทต่อจำนวนอุบัติการณ์

      มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental Dimension)

      ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
      (การฟื้นฟูและการทำลายระบบนิเวศ) (Ecosystem restoration and degradation)

      การบริหารจัดการพื้นที่ปฏิบัติการขององค์กรที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและ/หรือ เชิงลบต่อระบบนิเวศและชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ที่ดินของ ปตท. ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ประเมินโดยใช้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อปีที่ประเมินได้จากบริการระบบนิเวศในระบบนิเวศที่แตกต่างกัน โดยพื้นที่ได้รับฟื้นฟูเป็นต้นทุนเชิงบวก และพื้นที่ถูกทำลายเป็นต้นทุนเชิงลบ

      หน่วยพื้นที่เฮกตาร์ ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ จากการทำลายและ/หรือฟื้นฟูระบบนิเวศ บาทต่อหน่วยพื้นที่เฮกตาร์

      การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emissions)
      (การปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม) (Direct and Indirect GHG emissions and reductions)

      การปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบและเชิงบวกต่อของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งส่งผลกระทบเสียต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น สุขภาพของมนุษย์ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจหยุดชะงัก และส่งผลต่อระบบนิเวศ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและภาคการเกษตร ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารและการอพยพย้ายถิ่นฐาน การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกได้กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบนิเวศผ่านมาตรการฟื้นฟูและการปรับตัวในอนาคต

      ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

      ต้นทุนคาร์บอนที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

      มลพิษทางอากาศ (Air pollution)

      มลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พืชผลและป่าไม้ ระบบนิเวศ และความเสียหายวัสดุอุปกรณ์

      ตันของมลพิษทางอากาศ ได้แก่ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน,  ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, สารอินทรีย์ระเหย เป็นต้น ต้นทุนมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตันของมลพิษทางอากาศ

      การใช้น้ำ (Water consumption)

      ความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับพื้นที่ขาดแคลนน้ำ

      ลูกบาศก์เมตร ต้นทุนทางสังคมของความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ บาทต่อลูกบาศก์เมตร

      การจัดการของเสีย (Waste)

      การจัดการของเสียส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (เช่น การเผาก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก การฝังกลบทำให้เกิดก๊าซมีเทนและทำให้น้ำใต้ดินปนเปื้อน เป็นต้น)

      ตัน ต้นทุนการปล่อยของเสียและการจัดการของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสังคม บาทต่อตัน