ความยั่งยืน

การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล

ความยั่งยืน

การกำกับดูแลและธรรมาภิบาล

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
 





โครงสร้างกำกับดูแลและคณะกรรมการ ปตท.

โครงสร้างกำกับดูแลและคณะกรรมการGRI2-9

ปตท. กำหนดโครงสร้างกำกับดูแลองค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการ ปตท. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นเพื่อกำกับดูแลแนวทางการดำเนินงานของ ปตท. โดยแบ่งเป็นคณะกรรมการเฉพาะเรื่องจำนวน 5 คณะ ช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยมีฝ่ายจัดการ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินกิจการและบริหารงานของบริษัทโดยรวม มีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท

คณะกรรมการ ปตท. มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแผนกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ นโยบายและการดำเนินงานที่สำคัญขององค์กร อาทิ อนุมัติแผนการดำเนินงานและงบประมาณประจำปี การกำหนดค่าตอบแทน การบริหารความเสี่ยง ซึ่งต้องพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการกำกับดูแล ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งกำกับดูแลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการผ่านการรายงานผลการดำเนินการทั้งในส่วนที่เป็นตัวเงินและส่วนที่ไม่ใช่ตัวเงิน ในที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. รายไตรมาส ตลอดจนติดตามการดำเนินงานของฝ่ายจัดการผ่านคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง เพื่อช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญอย่างรอบคอบ ขับเคลื่อนให้ดำเนินการตามกลยุทธ์และกรอบนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สร้างศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ ตลอดจนกำกับดูแลให้มีการดำเนินกิจการอย่างมีจริยธรรม ตามหลักธรรมมาภิบาล มีความโปร่งใส เที่ยงธรรม ตรวจสอบได้ ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุลและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

ปตท. มีการกำหนดการประชุมคณะกรรมการ ปตท. ไว้อย่างเป็นทางการล่วงหน้าตลอดปี โดยในปี 2566 กำหนดการประชุมเดือนละ 1 ครั้งในทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน และได้แจ้งตารางการประชุมคณะกรรมการ ประจำปี 2567 ให้กรรมการทราบในการประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่  10/2566 วันที่ 19 ตุลาคม 2566

ฝ่ายจัดการ มีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารบริษัทตามแผนงานหรืองบประมาณตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ปตท. อย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ สุจริต รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด ฝ่ายจัดการใช้อำนาจในการบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการจัดการของ ปตท. (PTT Management Committee: PTTMC) และมีคณะกรรมการระดับจัดการชุดอื่น ๆ อีก 55 คณะ ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาและจัดการเรื่องภายในบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

คณะกรรมการ ปตท.GRI2-9, GRI2-11

โครงสร้างคณะกรรมการฯ เป็นระบบคณะกรรมการ 1 ระดับชั้น (One-Tier System)  กล่าวคือคณะกรรมการบริษัท (Board of Directors) ประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ซึ่งในปัจจุบันมีกรรมการอิสระทั้งสิ้น  12 คน และกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหาร 2 คน  ทั้งนี้ ปตท. ได้กำหนดให้ประธานกรรมการ ไม่เป็นผู้บริหารของ ปตท. และเป็นคนละบุคคลกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ อันเป็นแนวปฏิบัติต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2544 เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใสตรวจสอบได้

คณะกรรมการ ปตท. ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่ส่งเสริมและเป็นประโยชน์แก่ ปตท. ได้เป็นอย่างดี มีความทุ่มเทและให้เวลาอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ คณะกรรมการได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นเพื่อกำกับดูแลแนวทางการดำเนินงานของ ปตท. แต่งตั้งฝ่ายบริหาร เพื่อรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง เพื่อรับผิดชอบเฉพาะเรื่องที่ได้รับมอบหมาย และแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัท รวมทั้งแต่งตั้งเลขานุการบริษัท รับผิดชอบการดำเนินการประชุม และการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยสามารถอ่านรายละเอียดนโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวกับคณะกรรมการฯ รวมถึงมีการเปิดเผยประวัติและรายละเอียดการดำรงตำแหน่งของกรรมการทุกรายในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report) และเว็บไซต์หัวข้อคณะกรรมการ ปตท. 


กระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการ
GRI2-10

คณะกรรมการบริษัท จะผ่านกระบวนการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา โดยปัจจุบัน มีกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร ที่มีความรู้ หรือประสบการณ์เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน (Industry Experience ตามเกณฑ์ GICS Level 1) ทั้งสิ้น 4 คน อย่างไรก็ตาม ปตท. ได้ให้ความสำคัญกับความหลากหลายของคณะกรรมการ ไม่เพียงแต่คุณสมบัติเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาอาชีพที่จำเป็นต่อการบริหารกิจการของ ปตท. ได้อย่างสมดุล เช่น ผู้ที่มีความรู้ด้านธุรกิจพลังงาน/ปิโตรเลียม ด้านกฎหมาย/นิติศาสตร์ ด้านบัญชี/การเงิน เท่านั้น ยังให้ความสำคัญกับความแตกต่างทางด้านสังคม เชื้อชาติ เพศ ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม โดยคณะกรรมการสรรหาได้กำหนดเป้าหมายในการสรรหากรรมการหญิงอย่างน้อย 2 ท่าน เพื่อให้โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการมีความหลากหลาย ซึ่งในปัจจุบัน มีกรรมการเพศหญิง 2 คน ได้แก่คุณพงษ์สวาท นีละโยธิน และ คุณชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการอยู่ในตำแหน่งโดยเฉลี่ยท่านละ 2 ปี

ในปี 2566 สัดส่วนของกรรมการ ปตท. ที่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเฉลี่ยร้อยละ 97 ซึ่งเกินกว่าที่ ปตท. กำหนดสัดส่วนการเข้าร่วมประชุมกรรมการที่ร้อยละ 80

บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบด้านความยั่งยืนของคณะกรรมการGRI2-9, 2-12,  2-13

บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบด้านความยั่งยืนของคณะกรรมการ
ปตท. กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยระบุโครงสร้าง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ทั้งในระดับคณะกรรมการบริษัท  ฝ่ายจัดการ  ผู้บริหาร รวมทั้งหน่วยงานภายใน เพื่อผลักดัน สนับสนุน ติดตาม และทบทวนการบริหารจัดการประเด็นสำคัญและผลกระทบด้านความยั่งยืนในภาพรวม ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดังภาพ
    • โครงสร้างองค์กร ในระดับสายงานผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ภายใต้รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการความยั่งยืนโดยตรง ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กลยุทธ์ และผลักดันให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
    • คณะกรรมการ ปตท. และคณะกรรมการจัดการ ประกอบด้วย

      - คณะกรรมการจัดการการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบองค์กร หรือ Governance Risk and Compliance Management Committee (GRCMC) ซึ่งจะดูแลภาพรวมด้านความยั่งยืนและกลั่นกรองรายละเอียดก่อนเสนอต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนหรือ Corporate Governance and Sustainability Committee (CGSC) ซึ่งได้มอบหมายจากคณะกรรมการ ปตท. ให้กำกับดูแลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เพื่อพิจารณาต่อไป
      - คณะกรรมการบริหารความยั่งยืน กลุ่ม ปตท. หรือ PTT Group Sustainability Management Committee (GSMC) ทำหน้าที่พิจารณา ผลักดัน และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 


ประเด็นสำคัญและผลกระทบด้านความยั่งยืนของ ปตท.  คณะกรรมการ ปตท. และคณะกรรมการฯ ในระดับจัดการตามโครงสร้างกำกับดูแลที่กำหนด มีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำ คำปรึกษา ติดตามการดำเนินงานและเห็นชอบการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ดังนี้

การพัฒนาความรู้และศักยภาพคณะกรรมการGRI 2-17

คณะกรรมการ ปตท. และผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญต่อการเข้าร่วมอบรมสัมมนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการอย่างสม่ำเสมอ (รายละเอียดการอบรมแสดงอยู่ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การพัฒนากรรมการ ปตท. ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report) โดยกรรมการ ปตท. ส่วนใหญ่ (มากกว่าร้อยละ 90) มีประวัติได้เข้ารับการอบรมกับสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รวมทั้งองค์กร/ สถาบันชั้นนำอื่น ๆ และการเข้าร่วมสัมมนาต่าง ๆ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำและหน่วยงานภายใน ปตท. และกลุ่ม ปตท. ให้มานำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สำหรับธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ (In-house Briefing) รวมทั้งจัดให้คณะกรรมการได้ดูงานจากหน่วยงานหรือองค์กรอื่นตามความเหมาะสม เพื่อทำให้เกิดมุมมองความคิดที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของ ปตท. ให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

ในปี 2566 กรรมการเข้ารับการอบรม/ กิจกรรมสัมมนา ที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ในการปฏิบัติงานและกิจกรรมของบริษัท ตัวอย่างเช่น 

  • การรับฟังบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. อาทิ ธุรกิจ EV, AI, Logistics, Life Science  และ  Hydrogen
  • การรับฟังบรรยายความรู้ เรื่อง PTT Group Way of Conduct
  • การรับฟังบรรยายเรื่อง  Pes และ CVs
นอกจากนี้ กรรมการ ปตท. ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่น ๆ ของบริษัท เช่น การตรวจเยี่ยมธุรกิจ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ทั้งในประเทศและต่างประเทศ, การตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ณ GSM Shipper Control Center ของคณะกรรมการตรวจสอบ เป็นต้น

การประเมินผลการดำเนินงานและค่าตอบแทนGRI 2-18, GRI 2-19, GRI 2-20, GRI 2-21

การประเมินผลการดำเนินงานคณะกรรมการGRI2-18
ปตท. จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการเป็นประจำทุกปี ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท. โดยแบบประเมินคณะกรรมการบริษัท จะมี 5 แบบ ประกอบด้วย แบบประเมินผลคณะกรรมการทั้งคณะ แบบประเมินผลคณะกรรมการรายบุคคล (กรรมการประเมินตนเอง) แบบประเมินผลคณะกรรมการรายบุคคล (ประเมินโดยกรรมการท่านอื่น) แบบประเมินผลคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง (กรรมการเฉพาะเรื่องประเมินการทำงานของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องที่ตนเองดำรงตำแหน่ง) และแบบประเมินบทบาทหน้าที่และผลการปฏิบัติงานของประธานกรรมการความพึงพอใจการทำงานของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานกรรมการเฉพาะเรื่องในแต่ละคณะ (ประเมินโดยกรรมการทุกท่าน) ตามรายละเอียดการประเมินในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2566 ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การประเมินผลตนเองของคณะกรรมการบริษัท

คณะกรรมการสามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินนี้ในการพิจารณาทบทวนผลงาน ปัญหาและอุปสรรคในปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ปตท. ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ มีการเปิดเผยผลการประเมินไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/ รายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report) นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2560 คณะกรรมการได้นำตัวชี้วัดการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการฯ (KPI) มาวัดผลการดำเนินงาน เพื่อประกอบการพิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการด้วย

คณะกรรมการ ปตท. ยังได้รับการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ โดยผู้ประเมินอิสระ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เป็นประจำทุกปี และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) เป็นประจำทุก 2 ปี (หรือตามระยะเวลาที่ IOD กำหนด) ซึ่ง ปตท. ได้กำหนดนโยบายค่าตอบแทนกรรมการที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผล และมีคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้ทบทวน โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระความรับผิดชอบของกรรมการ สถานะการเงินของบริษัท ผลการดำเนินงานของ ปตท. ตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (Performance Agreement: PA) และเปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน

นโยบายการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการGRI2-19
ปตท. ได้กำหนดนโยบายค่าตอบแทนกรรมการที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผล โดยมีคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ทำหน้าที่ทบทวนค่าตอบแทนกรรมการให้มีความเหมาะสม คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนใช้แนวปฏิบัติในการพิจารณาค่าตอบแทนสำหรับกรรมการและกรรมการเฉพาะเรื่องของ ปตท. ประจำปี 2566 โดยพิจารณาปัจจัยที่สำคัญ เช่น แนวปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมเดียวกันและบริษัทชั้นนำทั้งระดับประเทศและระดับโลก แนวปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ผลประกอบการ ขนาดธุรกิจ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ปตท. รวมทั้งข้อมูลการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มาใช้ในการพิจารณาด้วย โดยกำหนดค่าตอบแทนเป็นค่าตอบแทนรายเดือน เบี้ยประชุม และโบนัส อนึ่ง กรรมการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะเรื่องชุดอื่น ๆ ก็ให้ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ค่าตอบแทนกรรมการประจำปี 2566 ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 เมื่อวันพุธที่ 12 เมษายน 2566  ดังนี้

1) ค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมคณะกรรมการ ปตท. ประกอบด้วย
  • ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 30,000 บาทต่อท่าน โดยประธานกรรมการได้รับค่าตอบแทนรายเดือนเป็นสองเท่าของกรรมการ
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 60,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25 โดยจำกัดการจ่ายเบี้ยประชุม ไม่เกิน 1 ครั้งต่อเดือน ในกรณีมีเหตุสมควร อาจพิจารณาจ่ายได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่ต้องไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี
2) ค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมคณะกรรมการเฉพาะเรื่องที่คณะกรรมการ ปตท. แต่งตั้งเท่ากับอัตราเดิม ดังนี้

2.1 คณะกรรมการตรวจสอบ
  • ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท เท่ากับอัตราเดิม โดยประธานกรรมการได้รับเท่ากับกรรมการ
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 45,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25 และเลขานุการฯ ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 7,500 บาท (คงเดิม)

2.2 สำหรับคณะกรรมการอื่น คือ คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร และคณะกรรมการชุดย่อยอื่น ที่อาจมีการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัทตามความจำเป็นและเหมาะสมในอนาคต กำหนดค่าตอบแทน เท่ากับอัตราเดิม ดังนี้

  • ค่าตอบแทนรายเดือนไม่มีเช่นเดิม
  • เบี้ยประชุม ครั้งละ 30,000 บาท เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม โดยประธานกรรมการได้รับมากกว่ากรรมการร้อยละ 25
  • ค่าตอบแทนอื่นๆ: ไม่มีค่าตอบแทนอื่นๆ

3) เงินโบนัสคณะกรรมการ ปตท. ประจำปี 2566

กำหนดค่าตอบแทนที่เป็นเงินโบนัสกรรมการ ประจำปี 2566 ตามผลประกอบการหรือกำไรสุทธิของ ปตท. เป็นอัตราเงินโบนัสเท่ากับร้อยละ 0.05 ของกำไรสุทธิ ประจำปี 2566 และให้คำนวณจ่ายตามระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ภายในวงเงินไม่เกิน 60,000,000 บาท ทั้งคณะ โดยประธานคณะกรรมการ ปตท. จะได้รับโบนัสสูงกว่ากรรมการ ในอัตราร้อยละ 25 (จ่ายตามนโยบายเดิม)

ทั้งนี้ได้เปิดเผยค่าตอบแทนที่กรรมการได้รับเป็นรายบุคคล ปี 2566 ไว้ในหัวข้อ 8 รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ เรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการ ปตท.ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report)

นโยบายการกำหนดค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
GRI2-19

สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ปตท. จะเป็นผู้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้สะท้อนถึงผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ตลอดจนแนวปฏิบัติและมาตรฐานของกลุ่มธุรกิจชั้นนำประเภทเดียวกันภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งอัตราการขึ้นเงินเดือนและอัตราค่าตอบแทนพิเศษประจำปีจะสอดคล้องกับผลการประเมินคะแนน KPIs และผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน (ระยะสั้น) และผลการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ในระยะยาวของ ปตท. อันเป็นการแสดงถึงวิสัยทัศน์และการสร้างมูลค่าเพิ่ม/ ขีดความสามารถให้กับองค์กรในระยะยาว โดยมีการนำเสนอหลักการและจำนวนค่าตอบแทนที่เหมาะสมต่อคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาและอนุมัติ ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ปัจจัยที่ 1 ผลการดำเนินงานตามระบบการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Assessment Model: SE-AM) ปัจจัยที่ 2 ผลการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่นำเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. ปัจจัยที่ 3 ความสามารถในการบริหารจัดการและภาวะผู้นำ และปัจจัยที่ 4 การประเมิน 360 องศา

นโยบายการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูงGRI2-19
ปตท. กำหนดให้มีการจ่ายเงินเดือนพนักงาน เป็นรายเดือน โดยยึดตามกรอบโครงสร้างเงินเดือนที่สอดคล้องกับบทบาทและความรับผิดชอบของผู้บริหารและพนักงานตามระดับงานต่างๆ กรอบโครงสร้างเงินเดือนช่วยทำให้แน่ใจว่าระดับเงินเดือนสำหรับแต่ละตำแหน่งสะท้อนถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ปตท. ยังเปรียบเทียบค่าตอบแทนรวมของผู้บริหารและพนักงานกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างเงินเดือนยังคงมีความเหมาะสม และสามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ ปตท. จัดให้มีการทบทวนเงินเดือนพนักงานประจำปีตามตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPI) แต่ละรายการ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน

ปตท. สร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริหารและพนักงานผ่านโบนัสประจำปี ซึ่งต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. เพื่อตรวจสอบและอนุมัติ โดยมีปัจจัยที่นำมาพิจารณา ได้แก่ ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีงบประมาณ ประสิทธิผลของการดำเนินโครงการใหม่ของ ปตท. อัตราเงินเฟ้อ และการวิจัยตลาดเชิงเปรียบเทียบของโครงสร้างโบนัสในกลุ่มบริษัทคู่แข่งในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ นอกจากนี้ ปตท. ยังจัดให้มีโครงการ variable bonus สำหรับผู้บริหารและบุคลากรระดับผู้บริหาร ซึ่งสอดคล้องกับการประเมิน KPI ส่วนบุคคล เพื่อส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรที่กำหนดไว้

ข้อกำหนดในการเรียกคืนผลประโยชน์และกำไรที่ได้รับ ของบริษัทเป็นไปตามมาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และมาตรา 89/7 และ 281/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2551 ซี่งกำหนดให้การดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของบริษัท ข้อบังคับ และมติของคณะกรรมการ ตลอดจน การตัดสินใจในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในกรณีที่พบว่าผู้บริหารล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ ขาดความรอบคอบ หรือกระทำการทุจริตและผิดจรรยาบรรณ บริษัทมีสิทธิเรียกคืนผลประโยชน์และกำไรที่ได้รับ (Clawback) จากผู้บริหารได้ โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของบริษัท และผู้บริหารอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา

รายได้คงที่และผันแปรตาม

ปตท. มีการจ่ายเงินเดือนพนักงานเดือนละ 1 ครั้ง โดยอัตราเงินเดือนเป็นไปตามโครงสร้างเงินเดือนซึ่งแบ่งตามค่างานแต่ละระดับงาน โดยการกำหนดโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละระดับงานสอดคล้องกับภาระหน้าที่ของผู้บริหารและพนักงานในแต่ละระดับ โดยมีการพิจารณาเทียบเคียงค่าตอบแทนรวมของผู้บริหารและพนักงานกับคู่เทียบของ ปตท. เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ปตท.  จะมีการพิจารณาขึ้นเงินเดือนพนักงานตามผลประเมิน KPIs รายบุคคล ปีละ 1 ครั้ง

ปตท. พิจารณาจ่ายผลตอบแทนจูงใจให้ผู้บริหารและพนักงานในรูปแบบโบนัสประจำปี โดย ปตท. จะนำเสนอคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณา เช่น  ผลประกอบการของ ปตท. ในปีนั้น ๆผลสำเร็จของงานที่ ปตท. ได้ดำเนินการ อัตราเงินเฟ้อ ข้อมูลสำรวจตลาดโดยดูอัตราการจ่ายโบนัสของบริษัทคู่เทียบทั้งตลาด Oil & Gas ะมาประกอบ โดยในระดับผู้บริหารและพนักงานที่อยู่ในตำแหน่งบังคับบัญชา ปตท. ยังกำหนดให้มี Variable Bonus ซึ่งสอดคล้องตามผลการประเมิน KPIs รายบุคคล เพื่อจูงใจให้ปฏิบัติงานได้ตามเป้าหมายขององค์กร

กฎการเรียกคืนโบนัสของผู้บริหาร (Clawback Provision) ของบริษัทฯ นั้นเป็นไปตามมาตรา 85 ของพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และมาตรา 89/7 และ 281/2 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งถูกแก้ไขเพิ่มเติมในพ.ศ. 2551 โดยกฎหมายนี้ได้กำหนดให้ ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับบริษัทฯ และมติคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ในกรณีที่พบว่าผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต บริษัทฯ สามารถเรียกค่าเสียหายและประโยชน์ที่ได้รับ (การเรียกคืนโบนัส) จากผู้บริหาร โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานของผู้บริหารซึ่งไม่ตรงตามเงื่อนไขกฎเกณฑ์ของบริษัทฯ และผู้บริหารอาจต้องรับผิดทั้งโทษทางแพ่งและอาญา

ผลประโยชน์หลังเกษียณ

นอกจากเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานที่ ปตท. จ่ายให้ผู้บริหารและพนักงานเมื่อครบเกษียณอายุในอัตราตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) แล้ว ปตท. เห็นความสำคัญและสนับสนุนให้ผู้บริหารและพนักงานมีการวางแผนทางการเงิน จึงมีการกำหนดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มีเงินออมที่เพียงพอใช้จ่ายภายหลังจากเกษียณอายุ และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริหาร พนักงาน และบุคคลในครอบครัว ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพ ภายหลังเกษียณอายุ ปตท. มีการกำหนดให้ผู้บริหาร พนักงาน และบุคคลในครอบครัวมีสิทธิเข้ารับการบริการตรวจและรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของ ปตท. โดยพนักงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

กระบวนการในการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการ และผลการดำเนินงานGRI 2-20

ค่าตอบแทนกรรมการมีการเปิดเผยเป็นรายบุคคล และค่าตอบแทนผู้บริหารมีการเปิดเผยเป็นยอดรวม และมีการทวนสอบข้อมูลโดยผู้สอบบัญชีและกรรมการตรวจสอบของบริษัท เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้

กระบวนการในการกำหนดค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และผลการดำเนินงานGRI 2-20

คณะกรรมการกำหนดให้กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. นำเสนอผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปีให้คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนพิจารณา คณะกรรมการจะกำหนดค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารตามผลการพิจารณา โดยต้องดำเนินการแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินและไม่ใช่ทางการเงิน โดยกำหนดเกณฑ์ให้ครอบคลุมเป้าหมายที่ท้าทายตามกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท ทั้งความรับผิดชอบและการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน (ESG) ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจและบริษัทจดทะเบียนมีอิสระในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิผลภายใต้รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการคลัง และผ่านการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนด ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้นการประเมินค่าตอบแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีการกำหนดเกณฑ์ไว้ 4 ประการ ได้แก่ SE-AM KPIs (30%) ผลการปฏิบัติงานตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่กรรมการผู้จัดการใหญ่นำเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. (30%) ภาวะผู้นำ และความสามารถ (30%) และการประเมินแบบ 360 องศา (10%)

โดยกำหนดตัวชี้วัดผลตอบแทนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทนของ CEO คือผลตอบแทนจากการลงทุน (ROIC)

นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ยังเน้นย้ำกลยุทธ์ 4R คือ Resilience, Reenergize, Reimagination และ Reform โดยเฉพาะกลยุทธ์ Reimagination ที่มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตจากธุรกิจที่ดำเนินการในปัจจุบัน เช่น ธุรกิจ LNG ธุรกิจไฟฟ้า และเร่งการขยายตัวของธุรกิจใหม่ การร่วมลงทุนภายในธุรกิจ Future Energy เช่น พลังงานทดแทน และยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจใหม่นอกเหนือจากพลังงาน

คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนจะสอบทานผลการดำเนินงานทางการเงินของกลุ่ม ปตท. โดยเปรียบเทียบ ROIC ของกลุ่ม ปตท. กับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ผลการประเมินการปฏิบัติงาน ROIC สอดคล้องกับค่าตอบแทนของ CEO เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างค่าตอบแทนของ ปตท. มีความเหมาะสมและสามารถแข่งขันได้

ROIC of PTT Group : ปี 2561-2566





ค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ปี 2566 (หน่วย : บาท)

ค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ปี 2566
จำนวนเงิน
ค่าตอบแทนรวม 34,734,240
โบนัส 10,897,049
รวม 45,631,289

หมายเหตุ: ค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในส่วนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่รวมค่าตอบแทนที่ ปตท. จ่ายให้เนื่องจากปฏิบัติงานเพิ่มเติม ได้แก่ การเป็นประธานกรรมการ และหรือกรรมการบริษัทในกลุ่ม ปตท. ตามที่ได้รับ  
               มอบหมาย โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาจ้างบริหาร ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เรียบร้อยแล้ว

กระบวนการในการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง และผลการดำเนินงานGRI 2-20

ในปี 2566 KPIs ขององค์กรที่ถ่ายทอดลงมายังผู้บริหารและพนักงาน ครอบคลุมการจัดการผลกระทบขององค์กรที่มีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยกำหนด KPIs ที่มีวัตถุประสงค์ในการผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และบริการของ ปตท. และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท.

ปตท. กำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารและพนักงานที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัททั้งในระยะสั้นและในระยะยาวผ่านการบริหารผลการดำเนินงาน (Performance Management) ซึ่งเป็นกระบวนการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อผลักดันให้ผลการปฏิบัติงานขององค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และสอดคล้องกับการวัดผลการดำเนินงานตามระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ โดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงเป้าหมายผลการดำเนินงานในระดับองค์กร ระดับหน่วยงาน และระดับบุคคลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของ ปตท. เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายตามแผนธุรกิจของ ปตท.

การพิจารณาผลการดำเนินงานผู้บริหารและพนักงานจะเป็นไปตามผลการดำเนินงานรายบุคคล โดยกำหนดปีละ 1 ครั้ง โดยได้นำตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (Key Performance Indicators – KPIs) มาใช้ในการบริหาร ประเมินผลการดำเนินงานรายบุคคล และการพิจารณาค่าตอบแทนผู้บริหารและพนักงาน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระดับองค์กร (Corporate KPI) และ ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระดับธุรกิจ/ ระดับปฏิบัติการ/ ระดับบุคคล (Functional KPI) ซึ่งการกำหนด KPIs รายบุคคล ต้องเชื่อมโยงกับมุมมองตาม Balanced Score Card ทั้ง 4 มุมมอง ได้แก่ มุมมองทางการเงิน มุมมองด้านลูกค้า มุมมองด้านกระบวนการภายใน และมุมมองด้านการเรียนรู้และพัฒนา โดย ปตท. ได้เพิ่มเติมมุมมองที่สำคัญอีก 2 มุมมอง ได้แก่ มุมมองด้านผลิตภัณฑ์ และมุมมองด้านบุคลากร เพื่อให้สอดคล้องกับผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน (ระยะสั้น) และแผนกลยุทธ์ของ ปตท. ที่จะดำเนินการในระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างยั่งยืน

กระบวนการประเมินผล และการกำหนดค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง (ผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป) ผู้บริหารสูงสุดจะเป็นผู้ประเมินผลและกำหนดค่าตอบแทน โดยหลังจากที่ ผู้บริหารสูงสุดประเมินผลและกำหนดค่าตอบแทนแล้ว จะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ปตท. รับทราบ และจะมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานเป็นประจำทุก 6 เดือน

ค่าตอบแทนผู้บริหาร

ฝ่ายจัดการมีหน้าที่ดำเนินกิจการและบริหารงานของบริษัทโดยรวม มีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้บริหารสูงสุด มีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารบริษัทตามแผนงานหรืองบประมาณตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ปตท. อย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ สุจริต รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด ฝ่ายจัดการใช้อำนาจในการบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการจัดการของ ปตท. (PTT Management Committee: PTTMC) และมีคณะกรรมการระดับจัดการชุดอื่น ๆ อีก 50  คณะ ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาและจัดการเรื่องภายในบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การพิจารณาค่าตอบแทนฝ่ายจัดการเป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ปตท. กำหนด ประกอบด้วยการพิจารณาผลการดำเนินงานของ ปตท. ตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (SE-AM KPIs) กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง และตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPIs) ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลอย่างครบถ้วน โดยฝ่ายจัดการทุกระดับจะกำหนดตัวชี้วัดและตั้งเป้าหมายระดับกลุ่ม ปตท. ร่วมกันในแต่ละปี เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจและนำไปใช้ประเมินผลการปฏิบัติงาน  โดยในปี 2566 มีตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงกับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ได้แก่ GHG emissions, Safety Management Effectiveness, Employee Engagement Score และ Non-Compliance


ค่าตอบแทนรวมของผู้บริหาร ปตท. ตามนิยาม ก.ล.ต. (จำนวน 4 ราย) ปี 2566  (หน่วย : บาท)

ค่าตอบแทนจำนวนราย
ตามตำแหน่ง (ราย)
จำนวนเงิน
(บาท)
เงินเดือนรวม 4 34,618,560
โบนัสรวม 4 17,378,021
รวม 51,996,581

หมายเหตุ 1:
หมายเหตุ 2:

สัดส่วนค่าตอบแทนรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อค่ากึ่งกลาง (Median) ของค่าตอบแทนพนักงาน (เฉพาะพนักงาน ปตท. ไม่รวมพนักงาน secondment in และ assignment in ) เท่ากับ 29.60:1
สัดส่วนค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นรวมของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อค่ากึ่งกลาง (Median) ของค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของพนักงาน (เฉพาะพนักงาน ปตท. ไม่รวมพนักงาน secondment in และ assignment in ) เท่ากับ 1.97:1